สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (29 กันยายน 2568 )-----บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ Rabbit Life บริษัทในเครือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการเดือนมกราคม – สิงหาคม 2568 เติบโตแข็งแกร่ง ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,923,849,043 บาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดได้แก่ ประกันคุ้มครองชีวิต (Whole Life), ประกันสุขภาพ (Health Insurance) และ ประกันบำนาญ (Annuity) ตามลำดับ ด้วยพลังของทุกช่องทางการขายที่แข็งแกร่ง จากความสำเร็จดังกล่าวแรบบิท ประกันชีวิต เตรียมเพิ่มโมเมนตัมในไตรมาสสุดท้ายของปีด้วยผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี ตลอดจนวางโรดแมปสู่ปี 2569 ด้วย Data-Driven Insurance มุ่งเจาะอินไซต์และยกระดับประสบการณ์ลูกค้าทุกช่วงวัย
.jpg)
นายกรณ์ ชินสวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ผลประกอบการระหว่างเดือนมกราคม – สิงหาคม 2568 ของแรบบิท ประกันชีวิต ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium) อยู่ที่ 1,923,849,043 บาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (FYP: First Year Premium) อยู่ที่ 1,502,306,196 บาท เพิ่มขึ้น 21% ผลกำไรของบริษัทอยู่ที่ 355,602,893 บาท โดยมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR Ratio) อยู่ที่ 213% สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของบริษัท โดยความสำเร็จดังกล่าวล้วนมาจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องโดยในปีนี้มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น 3 กลุ่ม ได้แก่
· กลุ่มผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิต (Whole Life) ประกันชีวิตระยะยาวที่ครองความนิยมสูงสุดในปี 2568 สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการวางแผนชีวิตและการสร้างความมั่นคงให้ครอบครัวอย่างยั่งยืน โดยยอดขายในกลุ่มนี้เติบโตกว่า 10 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่า 495,560,037 บาท
· กลุ่มผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพ (Health Insurance) ประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ด้วยความยืดหยุ่นในการปรับความคุ้มครองให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และยังสามารถใช้งานร่วมกับสวัสดิการอื่น ๆ ได้อย่างคุ้มค่า โดยมียอดขายเติบโตสูงถึง 144% หรือคิดเป็นมูลค่า 26,428,551 บาท นำโดยผลิตภัณฑ์เหมาจ่ายอย่าง Health Smile ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
· กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญ (Annuity) ประกันที่สอดรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยและช่วยลูกค้าวางแผนเกษียณได้อย่างมั่นคงและเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมียอดขายเติบโต 115% หรือคิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวม 60,184,779 บาท โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม อาทิ Bumnarn Mungme 85/65 และ Bumnarn Mungme 85/55 Plus
นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากทุกช่องทางการขายหลัก โดยช่องทางตัวแทน (Agency) ที่สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่เติบโตถึง 136% คิดเป็นมูลค่า 351,182,052 บาท ขณะที่ช่องทาง Broker ทำผลงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ 79% หรือคิดเป็นมูลค่า 250,891,125 บาท และช่องทางออนไลน์ (Internet Sale) ที่ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและต่อเนื่อง โดยครองอันดับ 4 ในตลาดได้อย่างมั่นคง สอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภครุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล โดยมียอดเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่อยู่ที่ 67,560,365 บาท ความสำเร็จจากทุกช่องทางนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเครือข่ายตัวแทนคุณภาพ ตลอดจนความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
นายกรณ์ กล่าวต่อว่า "สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทได้วางกลยุทธ์ Omni-Channel ผ่านการพัฒนาและปรับปรุง Touch Points ทุกจุด เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบการซื้อประกันออนไลน์ ที่รวดเร็ว ใช้งานง่าย และลูกค้าสามารถ Customixed ปรับแต่งความคุ้มครอง ได้ตามความต้องการเฉพาะของตัวเอง หรือจะเป็นระบบ iService ที่ดูแลลูกค้าหลังการขายอย่างใกล้ชิด ให้ลูกค้าอุ่นใจและสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้ตลอดเวลา รวมถึงยังมีแคมเปญการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเจาะฐานลูกค้าทุกเจเนอเรชันที่ต้องการวางแผนภาษีและการเงินอย่างคุ้มค่า โดยมุ่งผลักดันยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี อาทิ Hero 10/1, Hero 10/3 และ Hero 10/5 ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้บริษัทสามารถปิดปี 2568 ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 2,600,000,000 บาท พร้อมเดินหน้าต่อยอดโมเมนตัมสู่ปี 2569 ด้วยการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (Level Up Consumer Experience) ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั้งความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ และการวางแผนการเงินระยะยาว ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อน Data-driven Insurance เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและเข้าถึงง่าย ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์สำหรับคนรุ่นใหม่ รวมถึงการเสริมศักยภาพเครือข่ายตัวแทนคุณภาพ พร้อมตั้งเป้ายอดขายปี 2569 ไว้ที่กว่า 3,000,000,000 บาท หรือเติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา"
นายธัญญะ ซื่อวาจา รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารและสนับสนุนองค์กรบริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า "นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เรายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจ และเพื่อเสริมศักยภาพการทำงานให้สอดรับกับ Ecosystem ของกลุ่มบีทีเอส จึงมีการย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่มายังอาคาร BTS Visionary Park ก้าวสำคัญนี้ไม่เพียงสะท้อนความแข็งแกร่งในการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของเราในการเดินทางมายังสำนักงานใหญ่แห่งนี้ โดยเชื่อมต่อระบบคมนาคมใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทันสมัย ในพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน กระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรม ควบคู่ไปกับการยกระดับสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของพนักงาน ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดึงดูดและรักษาบุคลากรคุณภาพไว้ เพื่อสร้างคนประกันรุ่นใหม่มาช่วยในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป"
"แรบบิท ประกันชีวิต มุ่งมั่นเติบโตเพื่อดูแลลูกค้า ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกช่วงชีวิต ภายใต้วิสัยทัศน์ 'คิดแตกต่าง เพื่อยกระดับชีวิต ด้วยประกันชีวิตที่ตอบโจทย์และเข้าใจง่าย' พร้อมยกระดับองค์กรและบุคลากรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตรุ่นใหม่ที่ทันสมัย มีศักยภาพแข่งขันในตลาด และยืนหยัดเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป" นายกรณ์ กล่าวสรุป