Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลพุ่งสูงขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและระดับหนี้สาธารณะ

97

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (26 กันยายน 2568 )-----•ปัจจัยการเมืองและความไม่แน่นอนทางการคลังกระทบตลาดพันธบัตรรัฐบาลในยุโรป 


•Fitch ปรับมุมมองต่ออันดับความน่าเชื่อถือไทยเป็น Negative ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ยีลด์ไทยอายุ 2-10 ปี ปรับสูงขึ้น 3-6 basis points (25 ก.ย. 68)


• ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลไทย อาจปรับตัวลงต่อในช่วงที่เหลือของปี 2568 ตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบายหลายประเทศในยุโรปปรับเพิ่มสูงขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและความกังวลต่อสถานะทางการคลัง


• ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลไทยปรับเพิ่มขึ้นบางช่วงในเดือนกันยายน 2568 ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส และการลด Outlook ของอันดับความน่าเชื่อถือไทยโดย Fitch 


• อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลไทยจะยังคงปรับลดลงในช่วงที่เหลือของปี 2568 ตามการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของ กนง. ขณะที่ ปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องติดตามจะอยู่ที่แนวโน้มอันดับเครดิตของไทยในระยะ 3 – 5 ปี ข้างหน้า หลังจากทั้ง Moody’s และ Fitch ได้ปรับลด Outlook เป็น Negative ในปีนี้ 

ตลาดพันธบัตรรัฐบาลหลายประเทศในยุโรป ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและหนี้สาธารณะที่สูงขึ้น

หลายเหตุการณ์ทางการเมืองในปี 2568 ทั้งการเปลี่ยนรัฐบาล และความกังวลต่อแนวโน้มรายจ่ายภาครัฐและหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางตลาดพันธบัตรรัฐบาลของหลายประเทศในยุโรป อาทิ อังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส โดยยีลด์พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้น (13, 38 และ 36 basis points ตามลำดับ) แม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทยอยปรับลดลง 

อย่างไรก็ดี หากมองในเชิงเปรียบเทียบแล้ว เหตุการณ์ในฝรั่งเศสน่าจะมีความรุนแรงค่อนข้างมาก โดยนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 รัฐสภาฝรั่งเศสมีการโหวตไม่ไว้วางใจต่อนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 2 ครั้ง ส่งผลให้ร่างงบประมาณปี 2569 ยังไม่ได้รับอนุมัติจากรัฐสภา ขณะที่ระดับหนี้สาธารณะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (รูปที่ 1) จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฝรั่งเศสถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating Downgrade) โดยสถาบัน Moody’s และ Fitch โดยในปี 2568 ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลฝรั่งเศสอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ที่ระดับ 3.59% สวนทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ECB ที่ถูกปรับลดลงมารวม 100 basis points นับจากต้นปี 2568 (รูปที่ 2) 


แม้จะมีความกังวลต่อประเด็นการคลัง แต่คาดว่า ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลไทยยังมีแนวโน้มปรับลดลงตามทิศทางดอกเบี้ยของ กนง. 

ยีลด์พันธรัฐบาลไทยปรับเพิ่มสูงขึ้นในระหว่างเดือนกันยายน 2568 ตามภาพตลาดบอนด์ต่างประเทศ และการปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือไทยโดย Fitch เมื่อเทียบกับช่วง สิ้นเดือนสิงหาคม 2568 ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลในช่วงอายุ 2 – 15 ปี ปรับเพิ่มสูงขึ้นมาแล้ว 3 – 11 basis points (รูปที่ 3) 


อย่างไรก็ดี หากมองภาพรวมทั้งปี 2568 ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ยังคงลดลงตามทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศ โดยเมื่อเทียบกับระดับ ณ สิ้นปี 2567 ยีลด์พันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลงมาแล้วประมาณ 91 basis points และได้แตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2564 ในบางช่วง (รูปที่ 4) ซึ่งทิศทางบอนด์ยีลด์ไทยที่ปรับลดลงดังกล่าวสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย โดยในปีนี้ กนง. ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาแล้ว 3 ครั้ง รวม 75 basis points มาอยู่ที่ระดับ 1.50% ในปัจจุบัน (25 ก.ย. 2568)

แนวโน้มตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยในช่วงที่เหลือของปี 2568

หลังจาก Fitch และ Moody’s ปรับลดมุมมองต่ออันดับความน่าเชื่อถือ (Outlook) มาเป็น Negative ทำให้ตัวแปรทางการเมือง รายจ่ายภาครัฐและหนี้สาธารณะของไทยกลับมาเป็นจุดสนใจของตลาดพันธบัตรอีกครั้ง เพราะถึงแม้ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ
จะทยอยคลี่คลายลงไปแล้วบางส่วน แต่ไทยก็เผชิญโจทย์ทางการคลังที่คล้ายคลึงกัน และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 ภาครัฐอาจต้องเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา 


ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ปริมาณการออกพันธบัตรรัฐบาลจะอยู่ในกรอบ 2 – 4 แสนล้านบาท (รูปที่ 5) ในช่วงไตรมาส 4/2568 ซึ่งส่งผลทำให้ยอดการออกพันธบัตรรัฐบาลในปี 2568 อยู่ที่กรอบประมาณ 1.3 – 1.5 ล้านล้านบาท ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการขาดดุลงบประมาณปี 2568 จำนวน  8.65 แสนล้านบาท และบริหารจัดการหนี้ภาครัฐบาลจากขาดดุลงบประมาณในช่วงที่ผ่านมา 

สำหรับแนวโน้มยีลด์พันธบัตรรัฐบาลไทยนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ความผันผวนของตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยที่เกิดขึ้นตามปัจจัยต่างประเทศ และการถูกลดมุมมองอันดับความเชื่อถือ จะส่งผลต่อยีลด์พันธบัตรรัฐบาลไทยในระยะสั้นเท่านั้น แต่ภาครัฐยังคงมีโจทย์ในการดูแลประเด็นเสถียรภาพการคลังต่อเนื่องในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ ในระยะสั้น หากเปรียบเทียบปัจจัยที่นำมาพิจารณาอันดับเครดิต สถานการณ์ของประเทศไทยน่ากังวลน้อยกว่าฝรั่งเศส ทั้งในด้านความต่อเนื่องของนโยบายการคลังที่รัฐสภาอนุมัติร่างงบประมาณปี 2569 แล้วสัดส่วนหนี้สาธารณะอยู่ในระดับปานกลาง และเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ากว่า รวมถึงในช่วงที่ผ่านมาสถาบันจัดอันดับปรับลดมุมมองเครดิตเท่านั้น อย่างไรก็ดีปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและฐานะการคลังที่อ่อนแอลงในระยะ 3 – 5 ปีข้างหน้า อาจส่งผลต่อการจัดอันดับเครดิตของไทยในอนาคต


ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปี 2568 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองแนวโน้มยีลด์พันธบัตรรัฐบาลจะลดลงตามสัญญาณการลดดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งมองว่า กนง. มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อยอีก 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี 2568 ตามแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอลง และเพื่อให้ภาวะการเงินเอื้อต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจและช่วยบรรเทาภาระของกลุ่มเปราะบาง ซึ่งตลาด Overnight Index Swap อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย THOR (THOR OIS) สะท้อนโอกาสที่ กนง. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง โดย THOR OIS ระยะ 3 เดือนข้างหน้า ที่เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 1.35%


อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ยืนได้ By : แม่มดน้อย

ง แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหุ้นไทย เห็นดัชนีฯยังยืนได้ เห็นวานนี้ ต่างชาติซื้อหุ้น เชื่อว่า บ่ายวันนี้ บรรยากาศ...

'เวฟ บีซีจี' ควง 'พีทีจี' รับรางวัล 'Premium T-VER Award' จาก อบก. ตอกย้ำความมุ่งมั่นผู้นำและพัฒนา สร้างคาร์บอนเครดิตระดับสากล

'เวฟ บีซีจี' ควง 'พีทีจี' รับรางวัล 'Premium T-VER Award' จาก อบก.ตอกย้ำความมุ่งมั่นผู้นำและพัฒนา สร้างคาร์บอนเครดิตร

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้