FITCH มีมุมมองเชิงลบ อาจกดดัน SET ช่วงสั้น

HORIZON MARKET VIEW
• วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับฐานต่อเนื่อง ย่อตัวลงมาราว 0.3% - 0.9% ทำให้ดัชนี S&P500 ร่วงลงมาจากโซน OVERBOUGHT หลังประธาน FED เตือนราคาหุ้นสหรัฐฯ กำลังอยู่ในระดับสูง ขณะที่การเดินหน้านโยบายการเงินเป็นไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากต้องควบคุมเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2%ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ชะลอตัว
• นอกจากนี้ สหรัฐฯ มีความเสี่ยงทางกฎหมายสูง หากศาลฎีกาตัดสินให้การใช้กฎหมาย IEEPA ไม่ถูกต้อง อาจทำให้รัฐบาลต้องคืนเงินมหาศาล เสี่ยงกระทบต่อฐานะทางการคลังของสหรัฐฯ และการขาดดุลการค้าแย่ลง
• ส่วนราคาน้ำดิบมันยังขยับขึ้นต่อเนื่อง โดย BRENT ใกล้แตะ 70เหรียญฯ มองเป็นSENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นที่อิงราคาน้ำมันขยับขึ้น อาทิ BCP PTTEP TOP

REGION RADAR
• ALIBABA (9988 HK) +9% ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบกว่า 4 ปี หลังEDDIE WU ซึ่งเป็นประธานและ CEO ของบริษัท ประกาศจะลงทุนกว่า380,000 ล้านหยวน และได้เปิดตัว AI รุ่นใหม่ แนะนำเก็งกำไร BABA80
• KUAISHOU (1024 HK) ประกาศเปิดตัวโมเดล AI ตัวใหม่ “KLING AI2.5 TURBO” และมีต้นทุนการสร้างวิดีโอถูกกว่าคู่แข่ง ช่วยเสริมการสร้าง MINI DRAMA ในธุรกิจหลักได้ จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเปิดตัว AI ในครั้งนี้ แนะนำเก็งกำไร KUAISH80/KUAISH23

SYNAPSE STRATEGY
•ตลาดหุ้นตอบรับการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ไปเกิน 3 ครั้งแล้ว อาจหนุนDOLLAR INDEX กลับมาแข็งค่าและกดดันบาทกลับมาอ่อนค่าได้
• กลยุทธ์เน้นหุ้นได้ประโยชน์ในยามเงินบาทอ่อนค่า อาทิ กลุ่มส่งออกHANA, DELTA, KCE, TU, ITC, AAI, CPF, GPFT, SCC กลุ่มท่องเที่ยว AOT, AAV, MINT, CENTEL, ERW กลุ่มโรงพยาบาล BH,BDMS, PR9, BCH และหุ้นได้ประโยชน์ในยามน้ำมันดิบโลกปรับตัวขึ้น อาทิ กลุ่มโรงกลั่น PTTEP BCP SPRC เป็นต้น

THAI FOCUS
• ยอดส่งออกไทยเดือน ส.ค. +5.8%YOY(ต่ำตลาดคาด 6.7%) ยอดนำเข้า ในเดือนเดียวกัน +15.8%YOY(สูงกว่าตลาดคาด 9.3%) หนุนให้เดือนนี้ไทยขาดดุลการค้า -1,964.4 ล้านเหรียญฯ(ติดลบครั้งแรกในรอบ4เดือน)
• สถิติในอดีตบ่งชี้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ไทยขาดดุลการค้า(25 ก.พ.68 ขาดดุลการค้า 1880 ล้านเหรียญฯ และ 26 พ.ค.68 ขาดดุลการค้า 3320ล้านเหรียญฯ) มักหนุนให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า และกดดัน FLOW ให้ชะลอการไหลเข้าหุ้นไทยได้

HORIZON MARKET VIEW
ปัจจัยแวดล้อมยังมีความกังวล
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับฐานต่อเนื่อง ย่อตัวลงมาราว 0.3% -0.9% ทำให้ดัชนี S&P500 ร่วงลงมาจากโซน OVERBOUGHT หลังประธาน FED (POWELL) เตือนราคาหุ้นสหรัฐฯ กำลังอยู่ในระดับสูง ขณะที่การเดินหน้านโยบายการเงินเป็นไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากต้องควบคุมเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่ากรอบเป้าหมาย2% ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ชะลอตัว

นอกจากนี้สหรัฐฯ มีความเสี่ยงทางกฎหมายสูง หากศาลฎีกาตัดสินให้การใช้กฎหมาย IEEPA ไม่ถูกต้อง อาจทำให้รัฐบาลต้องคืนเงินมหาศาล เสี่ยงกระทบต่อฐานะทางการคลังของสหรัฐฯ และการขาดดุลการค้าแย่ลง ขณะที่ล่าสุดในปี 2568(ก.ย.67 – ส.ค.68) รัฐบาลสหรัฐฯ มีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น 165 พันล้านดอลลาร์(เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกือบ 95 พันล้านดอลลาร์) อย่างไรก็ดี ตาม TIMELINE เกี่ยวกับกรณีศาลพิจารณาคดีมาตราการภาษีของทรัมป์คาดรู้ผลก่อน มิ.ย.69

ส่วนราคาน้ำดิบมันยังขยับขึ้นต่อเนื่อง โดย BRENT ใกล้แตะ 70 เหรียญฯ/บาเรล โดยมีปัจจัยผลักจากทั้งเรื่องความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ที่ท่าทีของสหรัฐฯ และ NATO กดดันรัสเซียมีมากขึ้น บวกกับล่าสุด API เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 800,000บาร์เรล ซึ่งภาวะดังกล่าวมองเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นที่อิงราคาน้ำมันขยับขึ้น อาทิ BCP PTTEP TOP

REGION RADAR
ราคาหุ้น ALIBABA ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 4 ปี
ALIBABA (9988 HK) +9% หลังการจัดงานประชุมประจำปีของบริษัท ทาง EDDIE WU ซึ่งเป็นประธานและ CEOของ ALIBABA ประกาศจะลงทุนกว่า 380,000 ล้านหยวน เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI อีกทั้งบริษัทได้มีการเปิดตัวโมเดล AI ตัวใหม่อย่าง QWEN3-MAX นอกจากนี้ EDDIEWU ยังกล่าวว่า “โลกอาจเหลือผู้ให้บริการคลาวด์ระดับซูเปอร์เพียง 5-6ราย และเขามั่นใจว่า ALIBABA จะเป็นหนึ่งในนั้น”

KUAISHOU ประกาศเปิดตัวโมเดล AI ตัวใหม่ “KLING AI 2.5 TURBO”
บริษัทเปิดตัวโมเดล KLING AI 2.5 TURBO รุ่นล่าสุดที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยบริษัทระบุว่าโมเดลใหม่นี้มีการพัฒนาอย่างมากในหลายมิติ ทั้งการตอบสนองข้อความ (TEXT RESPONSE) และเอฟเฟกต์การเคลื่อนไหว(MOTION EFFECTS) ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบต้นทุนการสร้างวิดีโอของ KLING AI 2.5 PRO เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง พบว่าบริษัทมีต้นทุนที่ถูกกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อเปรียบเทียบ KLING AI 2.5 กับคู่แข่งที่สำคัญในกลุ่ม AI VIDEO GENERATION อาทิ VEO3 FAST(GOOGLE) และ SEENDANCE (BYTEDANCE) พบว่า ผู้ใช้กว่า 69% ชื่นชอบ KLING AI 2.5 TURBO มากกว่าVEO3 FAST และผู้ใช้กว่า 57% ชื่นชอบ KLING AI 2.5 TURBO มากกว่า SEENDANCE 1.0 MINI

นอกจากนี้ ตลาดคาดว่า KLING AI จะรายงานรายได้รวมในปี 2025 อยู่ที่ระดับ $154 ล้าน และในปี 2026 รายได้จะเติบโตสู่ระดับ $250 ล้าน +62% YOY และในปี 2027 จะยังคงเพิ่มขึ้นขึ้นสู่ระดับ $365 ล้าน +46% YOY

จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเปิดตัว AI ในครั้งนี้ แนะนำเก็งกำไร KUAISH80/KUAISH23

THAI FOCUS

ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ทั้งตัวเลขส่งออกและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
วานนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจอย่าง ยอดส่งออกไทยเดือน ส.ค. +5.8%YOY(ต่ำตลาดคาด 6.7%) ยอดนำเข้า ในเดือนเดียวกัน +15.8%YOY(สูงกว่าตลาดคาด 9.3%) หนุนให้เดือนนี้ไทยขาดดุลการค้า-1,964.4 ล้านเหรียญฯ(ติดลบครั้งแรกในรอบ4เดือน) โดยกลุ่มสินค้าที่ยังโตได้ คือ กลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ เดือน ส.ค.+44.1%YOY กลุ่มแผงวงจรไฟฟ้า +37.0%YOY และหมูแช่เย็นแช่แข็ง +17.1%YOY ดีต่อหุ้น DELTA , HANA,KCE , TFG, CPFเป็นต้น

อย่างไรก็ตามสถิติในอดีตบ่งชี้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ไทยขาดดุลการค้า(25 ก.พ.68 ขาดดุลการค้า 1880 ล้านเหรียญฯ และ 26 พ.ค.68 ขาดดุลการค้า 3320 ล้านเหรียญฯ) มักหนุนให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า และกดดัน FLOW ให้ชะลอการไหลเข้าหุ้นไทยได้

ส่วนอีก 1 ประเด็น คือ นายกฯ ยืนยันยุบสภาใน 4 เดือน เตรียมพร้อมแถลงนโยบายต้นสัปดาห์หน้า เน้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า 4 ด้าน เศรษฐกิจ มั่นคง ภัยพิบัติ สังคม รวมถึงยังเตรียมยกทีม รมต.เศรษฐกิจ ร่วมหารือFETCO ถกข้อเสนอหนุนตลาดทุนไทย โดยมีข้อเสนอ 5 ประการ ดังนี้

1. ยกเว้นภาษีเงินปันผล สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยและถือครองหุ้นเกินกว่า 1 ปี
2. วงเงินลดหย่อนภาษีลงทุนตรง ให้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตรงในตลาดหุ้น คนละ 500,000 บาทต่อปี โดยมีเงื่อนไขให้คงเงินลงทุนไว้ในตลาดหุ้นไม่ต่ำกว่า 3 ปี แต่สามารถซื้อขายเพื่อสับเปลี่ยนตัวหุ้นได้
3. สนับสนุนการลงทุนในกองทุน THAI ESG คนละ 300,000 บาท ต่อไปเหมือนเดิม แต่เสนอให้ทำแบบถาวร เพื่อไม่ให้กลายเป็น “ระเบิดเวลา” เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับกองทุน LTF
4. ดึงเม็ดเงินจากบริษัทประกันชีวิต โดยลดค่าความเสี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจาก 25% ให้เหลือ10% เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
5. สร้างแรงจูงใจให้องค์กรภายใต้การบริหารของภาครัฐเช่น สำนักงานประกันสังคม (สปส.) และสำนักงานกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

SYNAPSE STRATEGY
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงตลาดหาฐานใหม่
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเริ่มแกว่งผันผวนรอการปรับฐาน หลังจากที่ตลาดตอบรับการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ไปเกิน 3 ครั้งแล้ว โดย BOND YIELD 1 ปีสหรัฐฯอยู่ที่3.6% มีส่วนต่างต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบายถึง -0.65% (ต่ำสุดในรอบ10 ปีตอบรับการลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้ง) ซึ่งถ้าไม่มีปัจจัยทำให้ดอกเบี้ยลดมากกว่านี้ หรือไม่เกิดวิกฤตเช่น โควิดซับไพร์ม น่าจะหนุนให้ BY 1 ปีปรับขึ้น และทำให้ส่วนต่าง BY 1 ปี-ดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้น(ห่างน้อยลง)ซึ่ง GAPดังกล่าวมี CORRELATION ที่สอดคล้องกับ DOLLAR จึงคาดว่าระยะถัดไปมีโอกาสเห็น DOLLAR แข็งค่า และตลาดหุ้นโลกมีโอกาสปรับขึ้นต่อ ส่วนค่าเงินบาทก็อาจกลับทิศในเชิงอ่อนค่าลง

ส่วนอีกประเด็นที่ก่อนหน้านี้กังวลกัน คือ ประเด็นการเมืองซึ่งภาวะปัจจุบันถือว่านิ่งขึ้นระดับหนึ่งแล้ว หลัง ครม.ชุดใหม่นำทีมโดยคุณอนุทิน เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ และเตรียมมีนโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งสถิติในอดีตช่วงการเมืองผันผวน SET ก็ผันผวนตามไปด้วย ในช่วงตั้งแต่ 4Q24 ถึง 2Q25 ดังรูปด้านล่าง

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นได้ประโยชน์ในยามบาทอ่อนค่า อาทิ กลุ่มกลุ่มส่งออก HANA, DELTA, KCE,TU, ITC, AAI, CPF, GPFT, SCC กลุ่มท่องเที่ยว AOT, AAV, MINT, CENTEL, ERW กลุ่มโรงพยาบาล BH,BDMS, PR9, BCH และหุ้นได้ประโยชน์ในยามน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น อาทิ กลุ่มโรงกลั่น PTTEP BCP SPRC เป็น
ต้น

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์