Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ผลงาน 2 ปี 'อธิบดีอรมน' จากนักเจรจา สู่ การพัฒนา SME เผชิญความท้าทายสู่ความสำเร็จขององค์กร และพร้อมก้าวต่อด้วยศักยภาพสูงสุด

84

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (25 กันยายน 2568 )-----อธิบดีอรมน ยอมรับ 2 ปีที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลายด้าน และต้องแสวงหาทุกโอกาสเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ ยืนหนึ่งหน่วยงานภาครัฐแถวหน้าที่พร้อมให้บริการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชนเต็มกำลังความสามารถ โดยใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนกระบวนการทำงาน ผสานความร่วมมือรัฐ+เอกชนบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ขณะเดียวกัน ต้องหมั่นตรวจเช็คแรงกายแรงใจบุคลากรให้เข้มแข็งพร้อมจับมือเดินหน้าพัฒนาองค์กรไปด้วยกัน

 

          นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "ตลอด 2 ปี (2567-2568) ที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คนที่ 30 ได้วางกรอบการทำงาน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1) ปรับใช้เทคโนโลยีนำไปสู่บริการดิจิทัลเต็มรูปแบบ 2) สร้างบริการดิจิทัลอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชนที่ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา สะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง และ 3) บูรณาการทำงานกับทุกภาคส่วนในทุกภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการทำงานให้สำเร็จ เพื่อตอบโจทย์ภารกิจ 3 ด้านของกรมฯ คือ 1) การจดทะเบียนและบริการข้อมูลนิติบุคคล 2) การส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ 3) สร้างธรรมาภิบาลธุรกิจ ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมาต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้านทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และต้องแสวงหาทุกโอกาสเพื่อขับเคลื่อนกรมฯ ให้ก้าวสู่การเป็นหน่วยงานภาครัฐชั้นนำด้านการบริการเพื่ออำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชนให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง

 

            ตลอด 2 ปี มีผลการดำเนินงานที่สำคัญและโดดเด่นแต่ละด้าน ดังนี้ ด้านที่ 1 การจดทะเบียนและบริการข้อมูลธุรกิจ มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนงานให้บริการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้รับบริการ ลดภาระการเดินทาง และลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ โดยได้มีการพัฒนางานบริการตามลำดับ เช่น  *ให้บริการระบบจดทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด (e-PCL) เต็มรูปแบบ ลดระยะเวลาให้บริการลง 50% จากเดิม 2 ชั่วโมงต่อ 1 คำขอ เป็น 1 ชั่วโมง *เพิ่มฟีเจอร์การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ระบบขอหนังสือรับรองนิติบุคคล (e-Service) สำหรับบริการออกหนังสือรับรองนิติบุคคลในรูปแบบไฟล์ (e-Certificate File) เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถใช้บริการได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการปี 2566 เฉลี่ยต่อเดือน 166,408 ราย ปี 2567 เฉลี่ยต่อเดือน 260,122 ราย และปี 2568 (ณ สิงหาคม 2568) เฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 304,405 ราย *เปิดให้บริการระบบขออนุญาตและขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (e-Foreign Business) ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการลงทุนของประเทศ ปัจจุบันมีการยื่นคำขอผ่านระบบครบ 100% แล้ว *เปิดให้บริการระบบจดทะเบียนนิติบุคคลดิจิทัล (DBD Biz Regist) ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใช้บริการได้ 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ มีการเชื่อมโยงข้อมูลและระบบงานกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมการปกครอง และกรมสรรพากร (จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อความถูกต้องของข้อมูล และลดขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจ โดย ณ เดือนสิงหาคม 2568 มีการยื่นคำขอจัดตั้งผ่านระบบ 75.52% *ขณะนี้ อยู่ระหว่างพัฒนาอีก 1 งานบริการ ได้แก่ ระบบจดทะเบียนการค้าและหอการค้า (e-TACC) เป็นการเพิ่มช่องทางในการยื่นจดทะเบียนสมาคมการค้าและหอการค้า คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2569

 

และในฐานะที่กรมฯ เป็นคลังข้อมูลธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีฐานข้อมูลนิติบุคคลรวมกว่า 2 ล้านราย เป็นนิติบุคคลที่ยังดำเนินกิจการอยู่ 9.7 แสนราย (ณ เดือนสิงหาคม 2568) และได้ให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ BDEX ไปยังหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เพื่อตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบได้รวดเร็ว ทันที ภายใต้ความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรฐานการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร.

 

ปัจจุบัน กรมฯ ให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจกับ *หน่วยงานภาครัฐ 8 ชุดข้อมูล ได้แก่ (1) ข้อมูลทะเบียนนิติบุคคล (2) ข้อมูลบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (3) ข้อมูลงบการเงิน (4) ข้อมูลทะเบียนพาณิชย์ (5) ข้อมูลการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (6) ข้อมูลทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ (7) ข้อมูลสมาคมการค้าและหอการค้า และ (8) ข้อมูลสนับสนุนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของนิติบุคคล ปัจจุบันมีหน่วยงานเชื่อมโยงข้อมูล 177 หน่วยงาน และ *และให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลกับภาคเอกชน 4 ชุดข้อมูล ได้แก่ (1) ข้อมูลทะเบียนนิติบุคคล (2) ข้อมูลบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (3) ข้อมูลงบการเงิน (4) ข้อมูลสนับสนุนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของนิติบุคคล รวม 19 หน่วยงาน

 

สำหรับหน่วยงานที่ระบุให้ประชาชนต้องยื่นเอกสารของกรมฯ ไว้ในคู่มือสำหรับประชาชนตาม พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 กรมฯ ได้ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาครัฐนำร่อง 22 หน่วยงาน เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมที่ดิน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ฯลฯ ประกาศยกเลิกการเรียกเอกสารนิติบุคคล 3 รายการ ได้แก่ หนังสือรับรองนิติบุคคล หนังสือบริคณห์สนธิ และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการมากกว่า 7,100 ล้านบาทต่อปี และมีแผนขยายผลจนครบทุกหน่วยงาน ภายในปี 2569

 

ผลการพัฒนางานบริการที่ผ่านมา ส่งผลให้สัดส่วนการใช้บริการผ่านระบบดิจิทัลของกรมฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 68% ในปี 2566 เป็น 75% ในปี 2567 และ 82% ในปี 2568 (ณ สิงหาคม 2568)

 

ด้านที่ 2 การส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ ให้ความสำคัญต่อการสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME ที่เน้นการพัฒนาองค์ความรู้และแนวโน้มการตลาด กระตุ้นให้ใช้เทคโนโลยีพัฒนาระบบการบริหารจัดการให้มีศักยภาพ โดยมีธุรกิจเป้าหมาย 12 กลุ่ม ประกอบด้วย *ธุรกิจแฟรนไชส์ *ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ *ธุรกิจร้านอาหาร *ธุรกิจบริการสุขภาพและความงาม *ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ *ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก *ธุรกิจ e-Commerce *MOC Biz Club *ธุรกิจครอบครัว (Family Business) *ธุรกิจร้านอาหารเคลื่อนที่ *หอการค้า/สมาคมการค้า *ธุรกิจชุมชน ซึ่งปี 2567 - 2568 มีผู้ประกอบการที่ผ่านการพัฒนาจากกรมฯ กว่า 98,000 ราย ผลงานเด่น เช่น *จัดงานมหกรรมรวมพลัง SME ไทย (Thailand SME Synergy Expo 2024) ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 90 หน่วยงาน มีผู้เข้าชมงานกว่า 1 หมื่นราย การเจรจาจับคู่ธุรกิจภายในงานเกิดมูลค่าการเจรจา 193,075,878 บาท รวมถึงมีผู้สนใจขอสินเชื่อวงเงินรวม 1,263,030,000 บาท *พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ไทย ยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจ สร้างโอกาสทางการตลาดผ่านกิจกรรมแฟรนไชส์สร้างอาชีพ รวมถึงนำเข้าร่วมกิจกรรมนำเสนอธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ในประเทศ งาน Smart SME Expo ต่างประเทศ งาน Franchise Expo Malaysia 2025 (FEM 2025) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนา 545 ธุรกิจ 60,497 สาขา สามารถขยายสาขาไปต่างประเทศ จำนวน 48 ธุรกิจ ใน 31 ประเทศ *กระตุ้นการค้าออนไลน์ เน้นให้ความรู้และทักษะการค้าและการตลาด เช่น หลักสูตรการค้าออนไลน์ ปั้นร้านค้าออนไลน์ขั้นเทพ เรียนรู้เส้นทางการเป็น Influencer 7,480 ราย ส่งเสริมการใช้เครื่องหมายรับรอง DBD Registered เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านค้าออนไลน์ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค (ปัจจุบันมีร้านค้าออนไลน์ได้รับเครื่องหมายรับรอง DBD Registered 121,732 ร้านค้าออนไลน์) รวมทั้ง ส่งเสริมสินค้าชุมชนที่มีอัตลักษณ์ให้สามารถสร้างมูลค่าและต่อยอดเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ หรือ 'Digital Village by DBD' ปัจุบันมีจำนวน 116 ชุมชน ใน 60 จังหวัด

 

*เพิ่มศักยภาพทางการตลาดธุรกิจบริการ ได้แก่ 1) สร้างโอกาสธุรกิจสุขภาพและความงาม (Wellness) พัฒนาศักยภาพด้านการตลาด ให้คำปรึกษาการพัฒนารูปแบบธุรกิจ (Business Model) และนำผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและเจรจาจับคู่ธุรกิจ ในงาน Thailand Wellness & Healthcare Expo 2) ส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารไทยในประเทศ ผ่านการมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT สร้างโอกาสการตลาดร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น แคมเปญ 'เที่ยว ฟิน กิน Thai SELECT' พร้อมโปรโมทเส้นทางท่องเที่ยวกับร้าน Thai SELECT ปัจจุบันมีร้านอาหารไทย Thai SELECT 496 ร้านทั่วประเทศ *พัฒนาศูนย์กลางการเรียนรู้ออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ DBD Academy สามารถเรียนรู้ได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 4 หลักสูตร 42 วิชา เช่น เส้นทางสู่ความสำเร็จธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจสร้างรายได้ รักชุมชน รักษ์โลก AI For Business และ Meta AI มีผู้เรียนจบแล้ว 71,937 ราย *ส่งเสริมการนำทรัพย์หลักประกันเข้าถึงแหล่งเงินทุน สร้างความรู้เกี่ยวกับความเข้าใจกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ เน้นผู้ประกอบการ SME เกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและประชาชนทั่วไป รวมทั้งบูรณาการร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการธนาคารต้นไม้ การขอสินเชื่อโดยใช้ไม้ยืนต้น การสาธิตและการประเมินมูลค่าไม้ยืนต้น และจัดกิจกรรมส่งเสริมกิจการร้านอาหารเคลื่อนที่ (ฟู้ดทรัค) ให้มีศักยภาพและเข้าถึงแหล่งเงินทุน

 

*ส่งเสริมเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ปัจจุบันมีสมาชิก 14,998 ราย รวมถึงการสร้างโอกาสทางการค้า ผ่านการจัดงานแสดงสินค้า ภายใต้งาน MOC Biz Club Fair by DBD และจัดหาจุดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ (Biz Shop) เพื่อขยายช่องทางการตลาด ปัจจุบันมีร้าน Biz Shop จำนวน 23 แห่ง ใน 22 จังหวัด เช่น จังหวัดราชบุรี (2 แห่ง) ชลบุรี นครนายก จันทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร พัทลุง เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ เป็นต้น มีเป้าหมายครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ภายในปี 2570 * ยกระดับทักษะการค้าธุรกิจชุมชน (SMART Local) พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการชุมชนเชิงลึก เช่น การสร้างแบรนด์ การสร้างเรื่องเล่าผลิตภัณฑ์ ฯลฯ เพื่อสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมถึงการจัดแสดงสินค้า และการเจรจาธุรกิจกับองค์กรขนาดใหญ่ที่สามารถใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ชุมชนในเชิงพาณิชย์ เช่น โรงแรม สายการบิน บริษัทท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น มีผู้ประกอบการ SMART Local 729 ราย *ส่งเสริมภาพลักษณ์และการตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย รวมทั้งร่วมจัดแสดงและเจรจาธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ในงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX Anuga Asia เพื่อเชื่อมโยงและขยายช่องทางการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคทั้งใน และต่างประเทศได้มากขึ้น

 

ด้านที่ 3 สร้างธรรมาภิบาลธุรกิจ *กำกับดูแลธุรกิจให้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมที่ดิน กรมการท่องเที่ยว ร่วมขับเคลื่อนการทำงานให้เป็นไปอย่างเป็นรูปธรรม โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบ เน้นการปราบปรามและดำเนินคดีในกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเป็นนอมินีสูง ใน 6 ประเภท ได้แก่ (1) ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง (2) ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ (3) ธุรกิจ e-Commerce ขนส่ง และคลังสินค้า (4) ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท (5) ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร (ล้ง) และ (6) ธุรกิจก่อสร้างทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567 - 31 สิงหาคม 2568 หน่วยงานต่างๆ ได้ดำเนินการกับผู้กระทำความผิด 873 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 15,587 ล้านบาท *เพิ่มความเข้มงวดในการจดทะเบียนนิติบุคคล โดยเชื่อมโยงข้อมูลรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงิน (HR-03) จากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center: AOC) และออกประกาศการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล หากบุคคลใดเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิดตามบัญชีรายชื่อ HR-03 จะต้องมาแสดงตัวต่อหน้านายทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 โดยล่าสุดเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีรายชื่อบุคคลในบัญชี HR-03 ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงินที่กรมฯ ได้รับแจ้งมาจากศูนย์ AOC จำนวน 96,680 คน ซึ่งกรมฯ ตรวจสอบพบว่ามีนิติบุคคล 1,450 ราย ที่มีรายชื่อบุคคลในบัญชีรายชื่อ HR-03 เหล่านี้เป็นกรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการ และเป็นนิติบุคคลที่ไม่มีสำนักงานใหญ่ ณ ที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว้ 1,221 ราย ซึ่งกรมฯ ได้แจ้งกลับให้ศูนย์ AOC ทราบ เพื่อติดตามพฤติกรรมนิติบุคคลนั้นอย่างต่อเนื่องและป้องกันการนำไปใช้หลอกลวงประชาชน

 

*จัดทำระบบการตรวจเช็คสถานที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคล เป็นมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหานิติบุคคลบัญชีม้าและนอมินี เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบที่อยู่ตนเอง และหากพบว่าถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับทราบหรือยินยอมมาก่อน สามารถส่งเรื่องให้กรมฯ หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรวจสอบได้ เพื่อป้องปรามการกระทำของมิจฉาชีพที่ทำลายความน่าเชื่อถือของนิติบุคคล และสร้างความเสียหายต่อเงินทองและทรัพย์สินของประชาชน เปิดให้บริการวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 22 กันยายน 2568) มีประชาชนเข้ามาตรวจสอบที่อยู่ของตนเองผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 29,070 ครั้ง และมีประชาชนยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบเป็นเอกสารจำนวน 58 บริษัท ซึ่งผลจากการตรวจสอบพบว่า มีนิติบุคคลไม่มีที่ตั้ง 44 ราย ซึ่งกรมฯ ได้ระบุหมายเหตุไว้ในหน้าหนังสือรับรองว่า 'นิติบุคคลไม่มีสำนักงานใหญ่ ณ ที่ตั้ง ตามที่จดทะเบียนไว้' แล้ว รวมทั้ง ดำเนินการเอาผิดฐานไม่มีสำนักงานบอกทะเบียน เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวของประชาชนกับกรมฯ ในการร่วมกันป้องปรามการกระทำความผิดของนิติบุคคล *พัฒนาระบบวิเคราะห์แนวโน้มพฤติกรรมของนิติบุคคล (IBAS) เพื่อตรวจติดตามพฤติกรรมนิติบุคคลที่น่าสงสัยว่าเป็นนอมินี ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยสนับสนุน/อำนวยความสะดวกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำข้อมูลมาประเมินความเป็นนอมินี ขณะนี้ ได้พัฒนาระบบเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างการทดสอบระบบเพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

 

*ส่งเสริมธรรมาภิบาลธุรกิจ 1) พัฒนาองค์ความรู้ด้านการจัดทำบัญชีแก่ผู้ทำบัญชี และสร้างความตระหนักในการปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพบัญชี ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเป็นนักบัญชี โดยร่วมกับสถาบันการศึกษา 108 สถาบัน สร้างนักบัญชีคุณภาพรุ่นใหม่ให้มีแนวคิดเชิงนวัตกรรม รวมทั้งสร้างสรรค์ Ecosystem ที่สำคัญของวงจรบัญชีตั้งแต่การพัฒนาผู้ทำบัญชี 77,393 คน สำนักงานบัญชีคุณภาพ 185 สำนักงาน และสำนักงานบัญชีดิจิทัล 42 สำนักงาน 2) ส่งเสริมธรรมาภิบาลธุรกิจไทย เน้นสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ หรือ 'Sustainable in Business' ด้วยการให้ความรู้การปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมาย และสร้างต้นแบบธรรมาภิบาลธุรกิจตามเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธรรมาภิบาลธุรกิจผ่านการมอบเครื่องหมายรับรอง 'มาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ' ปัจจุบันมีผู้ได้รับเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพจากกรม 270 ธุรกิจ

 

นอกจากนี้ ในฐานะที่กรมฯ ดูแลกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ 10 ฉบับ ได้แก้ไขกฎหมายเพื่อให้มีความทันสมัย อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีในปัจจุบันด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มากยิ่งขึ้น เช่น *ยกเลิกกฎกระทรวงซึ่งออกตามกฎหมายว่าด้วยหอการค้าบางฉบับที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ. 2567 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของหอการค้าลดต้นทุนการดำเนินการ และลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการขอตรวจหรือคัดและรับรองเอกสาร *ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดพาณิชยกิจที่ผู้ประกอบพาณิชยกิจต้องจดทะเบียนและพาณิชยกิจที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ. 2499 พ.ศ. 2567 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนการประกอบธุรกิจ รวมทั้งลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการของผู้ประกอบการ เช่น ยกเว้นให้พาณิชยกิจบางประเภทที่มีกฎหมายอื่นควบคุมอยู่แล้วไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์อีก เช่น ธุรกิจขนส่ง ธนาคาร โรงแรม 

 

จากทุ่มเททำงานของบุคลากรกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้ผลงานของกรมฯ เป็นที่ประจักษ์จนได้รับรางวัลอันทรงเกียรติที่สร้างความภาคภูมิใจและเกียรติยศให้แก่องค์กรมากมาย เช่น ปี 2567 ได้แก่ 1) รางวัลสำเภา-นาวาทอง 2) รางวัลเลิศรัฐ สาขาบริการภาครัฐ ระดับดีเด่น ประเภทบริการตอบโจทย์ตรงใจ จากผลงานบริการข้อมูลธุรกิจด้วยระบบ DBD e-Service 3) รางวัลรัฐบาลดิจิทัล หน่วยงานระดับกรมที่ให้บริการเป็นหลัก อันดับที่ 2 ด้วยคะแนน 90.98% เป็นรางวัลที่มอบให้แก่หน่วยงานระดับกรมที่ให้บริการเป็นหลักที่มีคะแนนสูงสุด 6 หน่วยงาน จากกรมที่ให้บริการเป็นหลัก 159 หน่วยงาน 4) รางวัล 'Prime Minister Award : Thailand Cybersecurity Excellence Awards 2024' Best Performance Award สำหรับองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นในการป้องกันและรับมือภัยคุกคามไซเบอร์ ประเภทหน่วยงานภาครัฐระดับกรม ปี 2568 ได้แก่ รางวัลเลิศรัฐ รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ ระดับ Advance ประเภทรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 จากผลงานการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการให้บริการครบวงจรธุรกิจ   

 

อธิบดีอรมน ทิ้งท้ายว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังคงเดินหน้าพัฒนาการให้บริการภาคธุรกิจและประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยบริหารจัดการงานทั้งหน้าบ้าน/หลังบ้าน และพร้อมประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานพันธมิตรเพื่อให้งานภาครัฐบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกัน ขอบคุณภาคธุรกิจและประชาชนผู้ใช้บริการทุกท่าน หน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นอย่างดีเสมอมา และขอส่งกำลังใจให้บุคลากรกรมฯ ทุกท่านร่วมแรงร่วมใจกันทำงานและสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กับประเทศชาติต่อไป

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

"88TH" กำหนดราคาไอพีโอ 5.45 บาท เปิดจองซื้อ 25-26 และ 29 ก.ย.68 เตรียมพร้อมเทรดกระดานเอ็มเอไอ เร็วๆ นี้

"88TH" กำหนดราคาไอพีโอ 5.45 บาท เปิดจองซื้อ 25-26 และ 29 ก.ย.68 เตรียมพร้อมเทรดกระดานเอ็มเอไอ เร็วๆ นี้

เลือกเล่น By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม หุ้นไทย มีมากมาย หลากหลาย หลากหลายรูปแบบ ทั้งของจริง ของแท้ ของปลอม ของเทียม ดังนั้น นักลงทุน ....

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้