สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 25 กันยายน 2568)-------บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) BGRIM เปิดเผยว่าประกาศถึงความสำเร็จในการเริ่มเดินเครื่อง เชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินอู่ตะเภา (เฟส 1) ขนาดกำลังการผลิต ติดตั้งจำนวน 18 เมกะวัตต์ (“โครงการ”) เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568

โครงการตั้งอยู่บนที่ราชพัสดุภายในพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เนื้อที่ 100 ไร่ โดยมีสัญญาเช่าระยะเวลา 25 ปี ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้โครงการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออกและท่าอากาศยานอู่ตะเภา ตามนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (“EEC”) ทั้งนี้โครงการดังกล่าวนับเป็น โครงการภาคเอกชนรายแรกที่ได้รับใบอนุญาตและ อนุมัติครบถ้วนสำหรับการดำเนินการเชิงพาณิชย์ ภายใต้โครงการโครงสร้างพื้นฐานของ EEC สะท้อนถึงบทบาทของ บี.กริม เพาเวอร์ ในการเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดและสนับสนุนนโยบายโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ

โครงการอยู่ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (“PPA”) ระยะเวลา 25 ปี กับการไฟฟ้าสัตหีบ สวัสดิการกองทัพเรือ มีกำลังการ ผลิตตามสัญญา 15 เมกะวัตต์ โดยสัญญาดังกล่าวได้มาโดยกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใสในการประมูล พ.ศ. 2562 อัน เป็นประโยชน์สูงสุดต่อการไฟฟ้าสัตหีบ สวัสดิการกองทัพเรือ และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (“กพอ.”) ภายใต้สัญญา โครงการจะจำหน่ายไฟฟ้าที่อัตราค่าไฟฟ้าต่ำกว่าอัตราค่าไฟฟ้า TOU เดิม 15.16% ซึ่งเป็นการ ช่วยลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าโดยตรงแก่การไฟฟ้าสัตหีบ สวัสดิการกองทัพเรือ ได้อย่างมีนัยสำคัญ

โครงการนี้มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของพื้นที่เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) ซึ่งนับเป็น โครงการแรกของประเทศไทย พร้อมทั้งสร้างประโยชน์ระยะยาว อาทิ รายได้จากการเช่าที่ดิน ความคงที่ของอัตราค่าไฟฟ้า และระบบผลิตไฟฟ้าและระบบส่งที่มีความทันสมัย โดยไม่เป็นภาระแก่งบประมาณของรัฐ

นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ได้ดำเนินธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยสนับสนุนหน่วยงานและ บุคลากรด้านความมั่นคง เช่น โครงการโรงไฟฟ้าแก่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2560 รวมถึง การมอบทุนการศึกษา จำนวน 1,000 ทุนต่อปี ให้แก่สถาบันการพยาบาลของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และ สำนักงานต ารวจแห่งชาติ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ บี.กริม เพาเวอร์ ในการประกอบธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล ตลอดจนการสร้างประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างยั่งยืน