AT THE OPEN (#ATO)

SET Index แกว่งออกข้าง
กลยุทธ์เลือกหุ้น Laggard และ Valuation ถูก

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างตามกรอบ 1280-1300 จุด มองแรงขายของต่างชาติ น่าจะมีแนวโน้มเบาลงหลังผ่าน FTSE Rebalance ไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนวันนี้มี Sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่อยู่ในภาวะ Risk On จากปัจจัยหนุนของ FED ลดดอกเบี้ยฯ ด้านปัจจัยในประเทศความคืบหน้าของ ครม. ใหม่ หุ้นเด่นรายสัปดาห์เลือก CKP ส่วนหุ้นรายวันเลือก BBL

ความคืบหน้าของการตั้งรัฐบาลเพิ่มขึ้นอีกขั้น หลังจากได้โปรดเกล้าฯ รายชื่อ ครม. ซึ่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจเป็นไปตามคาด ลำดับถัดไปก็จะเข้าสู่นายกฯ นำ ครม. ใหม่เข้าถวายสัตย์ในวันที่ 24 ก.ย.68 และตามมาด้วยการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่คาดว่าจะเกิดในระหว่างวันที่ 29 ก.ย.-1 ต.ค.68 ซึ่งความสนใจหลักเป็นความชัดเจนต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการคนละครึ่ง เป็นต้น ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวเป็น Sentiment บวกหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Domestic Consumption อยู่บ้าง เช่น กลุ่มค้าปลีก CPAXT กลุ่มไฟแนนซ์ SAWAD MTC กลุ่มอาหาร ICHI CBG เป็นต้น ด้านปัจจัยต่างประเทศตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังขึ้นทำ New High ต่อเนื่อง โดยวันศุกร์ S&P500 +0.5% NASDAQ +0.7% และ Dow Jones +0.4% แรงหนุนมาจากดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯ

สำหรับประเด็นอื่นๆที่ติดตามในสัปดาห์นี้ ตลาดให้น้ำหนักไปกับการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ โดยในประเทศวันที่ 24ก.ย. การรายงานยอดส่งออกเดือน ส.ค. คาดขยายตัว 7%YoY ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 11%YoY ฝั่งสหรัฐฯตัวเลขหลักๆ คือ วันที่ 23 ก.ย. Flash PMI ภาคผลิต/บริการเดือน ก.ย. คาด 51.9/53.9 เทียบกับเดือนก่อนที่ 53/54.5 และวันที่ 26 ก.ย. Core PCE เดือน ส.ค. คาดขยายตัว 2.9%YoY ทรงตัวจากเดือนก่อน

Market Summary
SET Index ปรับลง -4 จุด แรงกดดันจากต่างชาติ ที่ขายสุทธิ 3.2 พันล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจาก FTSE Rebalance โดยหุ้นกลุ่มที่กดดันมาจากกลุ่มอิเล็คฯ -0.95% นำโดย DELTA -0.9% กลุ่ม ICT -1.2% หลักๆ จาก TRUE -4.4% ด้านกลุ่มที่บวกเด่น กลุ่ม PR9 +2.6% BCH +1.5% จากความคาดหวังต่อการกลับมาของผู้ป่วยคูเวต แรงซื้อกลับกลุ่มไฟแนนซ์ +0.8% หนุนหลักจาก SAWAD +2.6% กลุ่มโรงไฟฟ้า BGRIM +1.5% GPSC +1.2%

DAILY Stock Pick
BBL
laggard กลุ่มธนาคาร
ผสาน Bond Yield ฟื้นตัว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 180.00 บาท
Bond Yield สหรัฐ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 2.3 bps หลังตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐต่ำกว่าคาด สะท้อน การผ่อนคลายของภาคการจ้างงาน หนุน Sentiment กลุ่ม Bank อย่าง BBL
BBL YTD -2.3% เทียบกับ ดัชนีกลุ่ม Bank +5.1% ในช่วงเวลาเดียวกัน ในขณะที่ ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำ เนื่องจากการตั้งสำรองในระดับสูง อีกทั้งซื้อขายที่ PBV’68 ที่ 0.48 เท่า เทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 0.85 เท่า ช่วยจำกัด Downside

WEEKLY Stock Pick
CKP
2H68 ลานีญาหนุน กอปร Valuation น่าสนใจ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 3.70 บาท
ENSO index ประจำเดือน ก.ย. 68 ปรับเพิ่มโอกาสเกิด ลานีญา ในเดือน ก.ค. - ธ.ค. 68 โดยมีโอกาสเกิดสูงสุดถึง 70% (จาก 50% ในประมาณการเดิม) ในเดือน ธ.ค. 68 ส่งผลให้ปริมาณน้ำมี upside จากปัจจัยดังกล่าว
เราคาดกำไรปี 68 โต 40%YoY โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของโรงไฟฟ้า XPCL หลังจากที่ต้องหยุดดำเนินการไป 17 วันในปี 2567 ในขณะที่ PE ปี 68 อยู่ที่ 13.1 เท่า (-1.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) พร้อมกับเงินปันผล 3.1%

KEY FACTOR
หลังผ่านพ้นการประชุม FOMC สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่า Fed จะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในทุกครั้งการประชุมที่เหลือของปีนี้ เดือน ต.ค. และ ธ.ค. แต่ในระยะสั้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีเริ่มปรับตัวขึ้น สะท้อนความคาดหวังตลาดที่สูงมากในช่วงก่อนหน้า
ในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานตัวเลข Core PCE (คาด +0.2% MoM และ +2.9% YoY) ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญกำหนดความคาดหวังของตลาดในช่วงถัดไป ทั้งนี้ 1) หากตัวเลขออกมาใกล้เคียงหรือต่ำกว่าคาด น่าจะทำให้ Risk sentiment ที่โดน sell on fact ไปแล้ว กลับมาฟื้นตัวและมีโอกาสที่กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับมาสู่ตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงไทยกลุ่มหุ้นที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ยหรือชอบดอกเบี้ยขาลงมีโอกาสกลับมา Outperform (นำโดย FIN โรงไฟฟ้า PROP) อย่างไร ก็ตาม หาก 2) ตัวเลข PCE ร้อนแรงกว่าคาด อาจกดดันให้มีแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง และมีโอกาสที่ Bond Yield และค่าเงินดอลลาร์ จะกลับทิศเข้าสู่รอบการฟื้นตัว เม็ดเงินยังอาจย้ายสู่กลุ่ม Defensive ต่อเนื่อง (นำโดย HELTH)

EYES ON
ในสัปดาห์ ส่งออกไทยเดือนส.ค.
22 ก.ย. จีนประกาศดอกเบี้ย LPR 1 และ 5 ปี
23 ก.ย. HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone
25 ก.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ, GDP 2Q68 (รายงานครั้งสุดท้าย) สหรัฐฯ
26 ก.ย. Core PCE สหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ