AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้าง
กลยุทธ์เลือกหุ้น Laggard Play
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างตามกรอบ 1300-1320 จุด จากนักลงทุนอยู่ในโหมดเพิ่มความระวังก่อนผลการประชุม FED แต่หุ้นในกลุ่มพลังงานที่ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบและทิศทาง Fund Flow เป็นบวกจะเป็นตัวช่วยประคองดัชนี หุ้นเด่นวันนี้เลือก Laggard Play WHA
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P500 พักตัว -0.13% ก่อนผลการประชุม FED ที่จะรู้ผลในวันที่ 18 ก.ย. (ช่วงเวลา 1.00 น. ของบ้านเรา) โดยตลาดคาดจะลดดอกเบี้ยฯ 25 bps ด้วยโอกาสสูง 96% แต่สิ่งที่เรามองว่าน่าสนใจมากกว่า คือ 1) มุมมองดอกเบี้ยฯ ของคณะกรรมการ FED ผ่าน FOMC Dot Plot (ซึ่งปัจจุบันตลาดคาดว่า FED จะลดดอกเบี้ยปีนี้ 3 ครั้ง ปีหน้าอย่างน้อย 3 ครั้งครั้งละ 25 bps) 2) คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขภาคแรงงาน 3) ถ้อยแถลงประธาน FED ต่อการส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไป หากออกมาไม่ Dovish เท่าที่ตลาดคาดก็อาจเห็นแรง Sell on Fact ต่อตลาดหุ้นได้เช่นกัน ภายใต้สถานการณ์ข้างต้นทำให้ SET Index วันนี้อยู่ในภาวะพักตัว แต่เชื่อ Downside จำกัด เพราะวันนี้คาดได้แรงหนุนของหุ้นกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) หลังราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 1.5% จากยูเครนใช้โดรนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานในรัสเซียและทิศทาง Fund Flow ยังเป็นบวก หลังวานนี้เข้าซื้อสุทธิตลาดหุ้น 1.2 พันล้านบาท ตราสารหนี้ 1.9 พันล้านบาทและเงินบาทที่ยังทรงตัวที่ 31.7 บาท/usd
ประเด็นในประเทศมีความคืบหน้าการตั้ง ครม. หลังวานนี้นายกฯ เผยได้นำรายชื่อ ครม. ยื่นทูลเกล้า กระบวนถัดไปรอโปรดเกล้าฯรายชื่อ จากนั้นนำ ครม. ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณและแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งน่าจะเกิดภายในเดือนนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อความชัดเจนในแง่ของนโยบาย โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น จึงมองหุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ยังน่าจะได้ประโยชน์ต่อไป ชอบ ICHI CBG และ CPALL
Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 8.4 จุด หรือ 0.7% ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค กลุ่มที่บวก นำ คือกลุ่มท่องเที่ยวหลังรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวระหว่าง 8-14 ก.ย. เพิ่มขึ้น 11%WoW หนุน ERW +2.5% CENTEL +4.6% MINT +2.5% AOT +4% ตามด้วยกลุ่มค้าปลีกที่ Laggard อย่าง CPALL +3.1% และ COM7 +2.9% จากยอดจอง Iphone 17 3 วันแรกโต 15%YoY กลุ่มที่ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง อสังหาฯ ORI +10% AP +6% LH +4% ไฟแนนซ์ KTC +3.4% SAK +3% ตรงข้ามกลุ่มธนาคารที่ปรับลง -1.4% ต่างชาติซื้อสุทธิ 1.2 พันล้านบาท
DAILY Stock Pick
WHA
การเจรจาระหว่างสหรัฐกับจีนคืบหน้า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.35 บาท
การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนผ่อนคลายมากขึ้น หลังสหรัฐบรรลุข้อตกลงการซื้อ Tiktok จากประเทศจีนแล้ว หนุนภาพรวมการค้าโลก เป็นบวกกับกลุ่มนิคมอย่าง WHA
WHA YTD -30.5% เทียบกับ SET Index -6.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังคง underperformed SET ถึง 24% โดยบริษัท รายงาน Backlog รวม JV ในงวด 2Q68 ที่ 1.5 พันไร่ (ไม่ถูกกระทบจากมาตรการภาษี) ในขณะที่ Valuation PE’68 ที่ 11.3 เท่า (-1.3SD) พร้อมอัตราเงินปันผล 5.4% ช่วยจำกัด Downside
WEEKLY Stock Pick
TTB
เราคาด ปันผล 1H68 สูงที่สุดในกลุ่ม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.00 บาท
เราคาดว่า TTB จะประกาศจ่ายปันผล 0.065 บาทต่อหุ้น ใน 1H68 หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผล 3.4% สูงที่สุดในกลุ่มที่จ่ายปันผลเฉลี่ย 1.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน
กำไรในปี 69-70 เราคาดเติบโตเฉลี่ย 5% จากทั้งรายได้ที่มาจากดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ย ส่วนกำไรใน 2H68 เติบโต HoH เนื่องจาก Credit cost ที่ลดลง ตามกลยุทธ์ที่เน้นดูแลคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้น
KEY FACTOR
ตลาดการเงินโลกเริ่มกลับมาสะท้อนความคาดหวังที่สูงขึ้นในช่วงเริ่มเข้าสู่ช่วงการประชุม FOMC โดย 1) มุมมองตลาดล่าสุดสะท้อนจาก Fed Watch Tool ให้น้ำหนัก 96 % โอกาสที่จะลดดอกเบี้ย 25 bps และเปิดโอกาส 4% ที่จะลดดอกเบี้ยแรง 50 bps 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ยังแกว่งตัวใกล้เคียงระดับ 4% 3) Dollar index แกว่งตัวต่ำกว่าระดับ 97 จุด ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดในช่วงต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับกระแสเงินลงทุนที่กระจายเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชียแทบทุกตลาด รวมถึง ASEAN ที่ซื้อสุทธิในช่วง 1.7 ถึง 25 ล้านเหรียญฯ บ่งชี้การปรับพอร์ตเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง ภายใต้ความคาดหวังว่าสภาพคล่องโลกจะกลับมาสูงขึ้นเร็วกว่าที่เคยประเมินไว้
EYES ON
ในสัปดาห์ นโยบายของรัฐบาลใหม่
17 ก.ย. CPI ของ Eurozone เดือน ส.ค. (รายงานครั้งสุดท้าย)
18 ก.ย. ผลการประชุม FOMC
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ