Market Wrap-Up
- SET วันที่ 16 ก.ย.68 ปิด +8.41 จุด อยู่ที่ 1,308.19 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,455 ลบ. สถาบันซื้อ 1,075 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,247 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 559 ลบ. และรายย่อยขาย 1,763 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,116 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น CPALL,KTC,KTB,MINT,EA และยอดขายหุ้น KBANK,DELTA,PTTEP,TRUE,BBL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,862 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ GOOGL01,TPIPP,TDEX โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 462 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 35,459 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,905 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ -0.27%, S&P500 -0.13%, Nasdaq -0.07% กลุ่มสาธารณูปโภค -1.8%, อสังหา -0.66% ขณะที่กลุ่มพลังงาน +1.7% และสินค้าฟุ่มเฟือย +0.8% โดยนักลงทุนรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.14% จากแรงขายกลุ่มการเงิน & ธนาคาร และประกันภัย -2.0% ขณะที่กลุ่มสินค้าแบรด์เนม +0.2%
- Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลัง ก.พาณิชย์สหรัฐเผยยอดค้าปลีก ส.ค. +5.0% & ก.ค. +4.1% YoY และ +0.6% สูงกว่าคาด +0.2% MoM ส่งผลให้นักลงทุนเลือก Wait & See ระหว่างรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้ โดย CME Fed Watch ชี้มีโอกาส 96.1% จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% และมีโอกาสลดดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้งในการประชุม ต.ค., ธ.ค. นี้ ส่วนประเด็นการหารือระหว่าง รมว.สหรัฐกับรองนายกฯ จีนที่สเปนนั้น มีความคืบหน้าการเจรจาขายธุรกิจ TikTok ในสหรัฐ ซึ่งคาด Oracle จะเป็นกลุ่มที่เข้าไปซื้อกิจการ ขณะที่ความคืบหน้าการเจรจาอัตราภาษีศุลกากรสหรัฐ – จีน คาดจะได้ข้อสรุปก่อนเส้นตายในวันที่ 10 พ.ย. นี้ ค่ำวันนี้ติดตามผลการประชุมเฟด และ Dot Plot ที่จะชี้ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐในระยะถัดไป
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มการเงิน & ประกันภัย ระหว่างรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น ZEW เผยดัชนีวัดภาวะเศรษฐกิจยูโรโซน ก.ย. อยู่ที่ 26.1 & ส.ค. 25.1 และสูงกว่าคาดที่ 20.3 และค่ำวันนี้ติดตาม CPI อังกฤษ ส.ค. คาด 3.8% & ก.ค. 3.6% YoY รวมถึงการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการรอบที่ 2 ของ ปธน.ทรัมป์ ซึ่งจะมีทำข้อตกลงการลงทุนมูลค่า 1 หมื่น ล.ดอลลาร์
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ นิเกอิ +0.30% ผ่านระดับ 45,000 จุดครั้งแรก ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มชิป เช่น Tokyo Electron +1.9%, Advantest +1.29% จากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ย ส่วน Kospi เกาหลีใต้ +1.24% ทำจุดสูงสุดใหม่จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ และ ม.ส่งเสริมอุต ฯ เทคโนโลยีขั้นสูงจากรัฐบาลเกาหลีใต้ ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.04% รอผลการเจรจาระหว่าง ปธน.ทรัมป์ – สี จิ้นผิงในวันศุกร์นี้ ต่อประเด็นเงื่อนไขการขาย TikTok ในสหรัฐ และ ม.จำกัดการส่งออกชิปไปยังตลาดจีน รวมจีนแบนการนำเข้าชิปของ Nvidia ที่ละเมิด กม.ผูกขาดตลาดของจีน โดยวันศุกร์นี้ติดตามผลการประชุม BOJ คาดจะคงดอกเบี้ยที่ 0.5%
- SET วานนี้ +0.65% ปริมาณการซื้อขาย 7 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 1,075 ลบ.ต่างชาติซื้อ 1,247 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 559 ลบ.และรายย่อยขาย 1,763 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มท่องเที่ยว +2.7%, ค้าปลีก +2.5% และอสังหา ฯ +2.2% ซึ่งเป็นกลุ่ม Domestic Play ที่คาดจะได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick Win ของรัฐบาลอนุทิน เช่น โครงการคนละครึ่งวงเงิน 2.5 หมื่น ลบ., เราเที่ยวด้วยกัน, Easy E-Receipt เฟส2, ม.แก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่า และ ม.ลดค่าครองชีพ ส่วนภาคธุรกิจอสังหา ฯ ได้ขอให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 69 ลงไม่น้อยกว่า 50% ส่วนการลงทุน Mega Project นั้นเตรียมเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์มูลค่า 1 ล.ลบ.รูปแบบการลงทุนแบบ PPP สัญญาสัมปทาน 50 ปี ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามการโปรดเกล้า ครม.อนุทิน และการเตรียมการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภา ฯ
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,290 – 1,300 แนวต้าน 1,310 – 1,320 คาดดัชนีทรงตัวรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้ แนะนำซื้อทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีกCPALL,CPAXT,BJC,COM7,ADVICE/ อุปโภคบริโภค OSP,ICHI,COCOCO /ไฟแนนท์ MTC,TIDLOR,KTC,AEONTS/ รับเหมาก่อสร้าง CK,STECON,TASCO/ ท่องเที่ยว CENTEL,ERW,AAV คาดจะได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน
- CPNREIT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 12.40 บาท) คาดกำไร 2H68 มีแนวโน้มเชิงบวก จาก 1) ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการต่อสัญญาเช่า Central พระราม 2 ไปถึงปี 2578 2) พื้นที่เช่า Central พระราม 2 เพิ่มขึ้น 3) อัตราการปล่อยเช่าของ Central ปิ่นเกล้าและ Central เชียงใหม่แอร์พอร์ตที่คาดว่าจะดีขึ้นหลังจาก renovate ภาพรวมธุรกิจยังดีด้วยรายได้และกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ IAA consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 2,066 ลบ. +22%YoY dividend yield ดีที่ 5%
- BJC (ซื้อสะสม/ ราคาเป้าหมาย 24.20 บาท) กำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 990 ลบ. (-19%YoY, -9% QoQ) อ่อนตัวจากรายการลบพิเศษ 3 รายการรวม -190 ลบ. และ BigC ที่กดดันจากกำลังซื้อในปะเทศอ่อนแอรวมถึงสภาพอากาศที่ไม่ร้อนส่งผลลบต่อยอดเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็น ส่วนการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง แม้ 3Q68 คาดว่ายังกดดันตามฤดูกาล แต่จะกลับมาดีใน 4Q68 เป็น High Season รวมถึงคาดว่ากำลังซื้อในประเทศจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากมาตรการของภาครัฐฯ ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราคาดกำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 ของ BJC ที่ 4,669ลบ.(+17%YoY) และ5,288ลบ.(+13%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ต.ค.+$1.22 อยู่ที่ $64.52 / บาร์เรล, Brent พ.ย. +$1.03 อยู่ที่ $68.47/บาร์เรล หลังโรงกลั่นน้ำมันในเมืองคิริซีและท่าเรือพริมอร์สก์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซ๊ยถูกโดรนของยูเครนโจมตี ส่งผลกระทบต่อการกลั่นน้ำมันของรัสเซียจำนวน 3.0 ล.บาร์เรล/วัน ขณะที่ API เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง -3.42 บาร์เรล
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$6.10 อยู่ที่ $3,725.10 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.68% อยู่ที่ 96.639 และรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +15.92ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +39.32 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -22.78 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -0.62 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 31.70 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.031 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +1 อยู่ที่ 2,154
(+) BitCoin เช้านี้ +1.31% อยู่ที่ 116,580 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์
และชิ้นส่วนยานยนต์
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
ต่างประเทศ
16 ก.ย. US ดัชนียอดขายปลีก ( ส.ค.)
17 ก.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ส.ค.)
18 ก.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US การคาดการณ์เศรษฐกิจของคณะกรรมการนโยบายธนาคารกลาง
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ก.ย.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง, Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง
(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*
(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG
(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*
(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*
(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*
(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*
(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio September 2025: KLINIQ, ITC*, PTTGC*, GULF*, TIDLOR*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999 Ext 2201
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th