Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

95



เฉิดฉาย ส่องแสง สู่เอเชียรวมถึงไทย

HORIZON MARKET VIEW
• วานนี้ สหรัฐฯ เผยดัชนีเงินเฟ้อเดือน ส.ค. 68 ขยายตัว +2.9%YOY ตามคาดขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นถึง 263,000 ราย
• แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อยู่ภายใต้การควบคุม บวกกับตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแอต่อเนื่อง มองเป็นปัจจัยเร่งให้ FED เดินหน้าใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติม โดยตลาดเชื่อว่า FED จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า (17 ก.ย. 68) และภายในปีนี้อาจมีการลดดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้ง
• ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนจาก TRADE TARIFF มีความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะชะลอตัว ทำให้มีความคาดหวังว่าจะหลีกเลี่ยงได้ ผ่านการที่ FEDอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ทั้งการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และการชะลอการทำ QT


REGION RADAR
•ภาพรวมตลาดหุ้นจีนในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SECTOR ที่ขึ้นเด่นได้แก่กลุ่มเทคโนโลยีโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มชิป นำโดย CAMBRICON+96% จากกระแสที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ได้ทำการห้ามบริษัทชิปอย่างNVIDIA ส่งชิปมายังจีน ส่งผลให้บริษัทจีนต้องเร่งพัฒนาชิปขึ้นมาเอง
• หุ้นชิปจีนกลับมาได้รับความน่าสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง สะท้อนผ่านผลตอบแทนในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา บริษัทชิปจีนปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 35% (VS. บริษัทชิปตะวันตก +5%) แนะนำเก็งกำไรใน DRSMIC23 และ HUAHONG23

SYNAPSE STRATEGY
• แรงขับเคลื่อนจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง มักหนุนให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ขึ้นได้แรงกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว อีกทั้งดอลลาร์มักอ่อนค่าลง ทำให้ได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่ม และหากเทียบ VALUATION ตลาดหุ้นไทย มี EARNING YIELD 6.7% สูงกว่าสหรัฐ3.1%
• กลยุทธ์แนะ 3 กลุ่มหุ้น รับ LIQUIDITY DRIVEN คือ 1. หุ้นแกร่ง(MACD >0) มี FREE FLOAT ต่ำ AAV, BGRIM, CBG, MTC,SCGP 2. หุ้นพื้นฐานแถว 2 ยังขึ้นช้ากว่าเพื่อน BDMS, BCH, และ 3.แนะเก็งกำไรหุ้นขนาดย่อมเริ่มขึ้นแรง SINGER, PSL, THCOM, PTG


THAI FOCUS
• เปรียบเทียบ GAP ของดอกเบี้ยสหรัฐฯ-ไทย กับ ค่าเงินบาทในอดีตพบว่า “GAP BOND YIELD 10Y ของ US –TH” กับ “ค่าเงินบาท” มักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันโดยมีค่า CORRELATION สูงระดับ+0.7
• หวังว่า GAP ของดอกเบี้ยสหรัฐฯ-ไทย จะลดลงเรื่อยๆ ตาม TRENDการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯที่เร็วกว่าไทย น่าจะหนุนให้ค่าเงินบาทอยู่ในโซนแข็งค่าต่อไปได้ และหนุนให้ FLOW ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้าประเทศไทยทั้งตลาดตราสารหนี้ และตลาดหุ้นได้ในระยะถัดไป

 

HORIZON MARKET VIEW
LIQUIDITY DRIVEN กำลังขับเคลื่อนตลาดหุ้น
วานนี้ สหรัฐฯ เผยดัชนีเงินเฟ้อเดือน ส.ค. 68 ขยายตัว +2.9%YOY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ +2.7%YOY แต่ออกมาตามตลาดคาดการณ์ซึ่งน่าจะยังไม่รุนแรงพอที่จะขัดขวางการลดดอกเบี้ย ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มแสดงสัญญาณอ่อนแออย่างชัดเจน โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นถึง 263,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2021


แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อยู่ภายใต้การควบคุม บวกกับตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแอต่อเนื่อง มองเป็นปัจจัยเร่งให้ FED เดินหน้าใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติม โดย FEDWATH TOOL เชื่อว่า FED จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า (17 ก.ย. 68) และภายในปีนี้อาจมีการลดดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้ง


ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนจาก TRADE TARIFF มีความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะชะลอตัว ทำให้มีความคาดหวังว่าจะหลีกเลี่ยง RECESSION ได้ผ่านการที่ FED อัดเงินเข้าสู่ระบบ ทั้งการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และการชะลอการทำ QT

ขณะที่ข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่า ตลาดหุ้นมักจะปรับตัวสูงขึ้น ในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้อยู่ในภาวะถดถอยบวกกับ FED ปรับลดดอกเบี้ย และอีกส่วนหนึ่งที่ คือ การอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ(QE) โดยในอดีตเวลาBALANCE SHEET สหรัฐฯปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยฯ(QE1-3 และ QE4) มักทำให้ตลาดหุ้นโลกเคลื่อนไปในทิศทางบวก แต่หากเกิดการทำ QT(การลดสภาพคล่องในระบบ) มักทำให้ตลาดหุ้นโลกแกว่งผันผวน ดังในปี 2016-2019 ซึ่งการทำ QT เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 - ปัจจุบัน โดยค่าเฉลี่ยการปรับตัวลงของ BALANCESHEET สหรัฐฯ ต่อเดือนราว -1.0%MOM แต่ตั้งแต่เดือน เม.ย.68-ปัจจุบัน ปรับตัวชะลอลงเหลือ -0.4%MOMเท่านั้น

เมื่อพิจารณาการเคลื่อนที่ของตลาดหุ้นโลก (MSCI ACWI INDEX) และดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะเห็นได้ว่าในภาวะดอกเบี้ยขาลง(อ้างอิงดอกเบี้ยสหรัฐฯ) ตลาดหุ้นโลกมักปรับตัวขึ้นเสมอหลังจากนั้น

 

REGION RADAR
ภาพรวมตลาดหุ้นจีน SECTOR ที่ขึ้นเด่นได้แก่กลุ่มเทคโนโลยีในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SECTOR ที่มีการปรับตัวขึ้นได้ดี ได้แก่กลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มชิป นำโดยCAMBRICON +96% จากกระแสที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ได้ทำการห้ามบริษัทชิปอย่าง NVIDIA ส่งชิปมายังจีนส่งผลให้บริษัทจีนต้องเร่งพัฒนาชิปขึ้นมาเอง

 

กลุ่มหุ้นชิปจีนปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นกว่าชิปฝั่งตะวันตก
หุ้นชิปจีนกลับมาได้รับความน่าสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง สะท้อนผ่านผลตอบแทนในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา บริษัทชิปจีนปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 35% (VS. บริษัทชิปตะวันตก +5%) โดยปัจจุบัน BUSINESS MODEL ของชิปจีนมีความคล้ายคลึงกับบริษัทชิปยักษ์ใหญ่จากฝั่งตะวันตกค่อนข้างมาก อาทิ CAMBRICON ทำธุรกิจออกแบบชิป AIสำหรับ DATA CENTER และ CLOUD คล้ายกับ NVIDIA และ SMIC ทำธุรกิจผลิตชิป FOUNDRY อันดับ 1 ของจีน คล้ายกับ TSMC

 

THAI FOCUS
กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยสูงตามทิศทางดอกเบี้ยโลก
ทิศทางดอกเบี้ยโลกที่อยู่ในขาลง ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอลงกว่าคาด(รายละเอียดตามหัวข้อด้านบน)กลับมามองที่ไทยมีโอกาสสูงเช่นกันที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยในการประชุมทั้ง 2 ครั้งที่เหลือของปีคือ 8 ต.ค.68และ 17 ธ.ค.68 ตามอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยที่อยู่ระดับสูงล่าสุดอยู่ที่ +2.29%(ดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% /อัตราเงินเฟ้อ -0.79%YOY) สูงกว่าสหรัฐฯที่อยู่ระดับ +1.60%(ดอกเบี้ยนโยบาย 4.50% / อัตราเงินเฟ้อ+2.90%YOY)


ซึ่งหากพิจารณา การเปรียบเทียบ GAP ของดอกเบี้ยสหรัฐฯ-ไทย กับ ค่าเงินบาทในอดีตพบว่า “GAP BONDYIELD 10Y ของ US –TH” กับ “ค่าเงินบาท” มักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีค่า CORRELATION สูงระดับ +0.7 แต่ตั้งแต่เดือน เม.ย.68(ประเด็น TARIFF 2.0) TREND กลับสวนทางกันอย่างชัดเจน ซึ่งหวังว่าในอนาคตอันใกล้ที่ GAP ของดอกเบี้ยสหรัฐฯ-ไทย จะลดลงเรื่อยๆ น่าจะหนุนให้ค่าเงินบาทอยู่ในโซนแข็งค่าต่อไปได้และหนุนให้ FLOW ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้าประเทศไทยทั้งตลาดตราสารหนี้ และตลาดหุ้นได้ในระยะถัดไป


SYNAPSE STRATEGY
คัดสรร 3 กลุ่มหุ้นมีโอกาสรับ LIQUIDITY ซิ่งแรงแกว่าตลาดแรงขับเคลื่อนจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง มักหนุนให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ ขึ้นได้แรงกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว หากวัดจากวันแรกที่FED เริ่มลดดอกเบี้ยรอบใหญ่ๆ แต่ละครั้ง ไปในระยะ 1 เดือน 3 เดือน และ 5 เดือน ข้างหน้า พบว่าตลาดหุ้น EMERGING ปรับตัวขึ้นได้ดี และส่วนใหญ่จะชนะตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว

อีกทั้งดอลลาร์มักอ่อนค่าลง ในช่วงเวลา FED ทยอยลดดกเบี้ยลงเสมอ เหตุการณ์ดังกล่าวหนุนให้นักลงทุนมีโอกาสได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่ม หากลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทย

 

นอกจากนี้หากเทียบ VALUATION ตลาดหุ้นไทย มี EARNING YIELD 6.7% สูงกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ(NASDAQ)3.1% และตลาดหุ้นไทยมี DIVIDEND YIELD 3.9% สูงกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ (NASDAQ)0.7%กลยุทธ์แนะ 3 กลุ่มหุ้น รับ LIQUIDITY DRIVEN คือ 1. หุ้นแกร่ง (MACD >0) มี FREE FLOAT ต่ำ AAV, BGRIM,CBG, MTC, SCGP 2. หุ้นพื้นฐานแถว 2 ยังขึ้นช้ากว่าเพื่อน BDMS, BCH, และ 3. แนะเก็งกำไรหุ้นขนาดย่อมเริ่มขึ้นแรง SINGER, PSL, THCOM, PTG ส่วน DR ชอบ TECH จีน SMIC23, HUAHONG23

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หวังเฟดลดดอกเบี้ยฯ /โฉมหน้ารัฐบาลใหม่ By : แม่มดน้อย

โอมมะลึกกึ๊กกึ๋ยย์ มะลึกกึ๊กกึ๋ยย์มะลึกกึ๊กกึ๋ยย์.........เพี้ยงแม่มดน้อย ใช้ลูกแก้ววิเศษ ส่อง SET เช้าที่ผ่านมา ....

สู้ชีวิตกันต่อไป By : เจ๊มดแดง

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บนความหวัง เฟด ลดดอกเบี้ย ในสัปดาห์หน้า วงจรดอกเบี้ยขาลง นับเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย .....

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้