สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 11 กันยายน 2568)------ InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 11 กันยายน 2568คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/แกว่งขึ้น ยังติดตามความคืบหน้าในการจัดตั้ง ครม. และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพิ่มเติมจากโครงการคนละครึ่งเป็นความหวังของตลาด ส่วนปัจจัยภายนอก ตัวเลข PPI สหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดมาก หนุนเฟดลดดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้นในการประชุมสัปดาห์หน้า ตลาดติดตาม CPI คืนนี้ต่อ ทางเทคนิคหากยังไม่หลุด 1265/1255 ยังไม่เสียแนวโน้มการแกว่งขึ้น แนวต้านประเมินที่ 1285/1290
ประเด็นสำคัญ
• นายกฯ เปิดตัว “เอกนิติ” รับตำแหน่งรองนายกฯ ควบ รมว. คลัง และ “ศุภจี” รับตำแหน่ง รมว. พาณิชย์ ว่าที่ รมว. คลัง เผยได้มอบหมายเดินหน้า “คนละครึ่ง” และคลังได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ด้านปลัดคลังเผยมี 11 ล้านคนที่ยื่นแบบภาษีเงินได้ซึ่งจะได้รับสิทธิ์รัฐช่วยจ่าย 60%
• ปธน. ทรัมป์เสนอสหภาพยุโรปร่วมกดดันประเทศที่นำเข้าพลังงานรัสเซีย ได้แก่ จีนและอินเดีย ผ่านการเก็บภาษีการค้าในอัตราสูงสุด 100% เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียให้เร่งยุติสงครามกับยูเครน ขณะที่สหรัฐฯ ได้เริ่มเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมต่ออินเดียในอัตรา 50% แล้ว
• วานนี้ (10 ก.ย.) อิสราเอลโจมตีทางอากาศต่อกรุงซานาของเยเมน โดยมุ่งเป้าไปที่กระทรวงกลาโหมซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มฮูตี ซ้ำเติมความตึงเครียดในตะวันออกกลางจากเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่อิสราเอลได้โจมตีต่อกรุงโดฮาของกาตาร์ โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้นำของกลุ่มฮามาส หนุนให้ราคาน้ำมันดิบ Brent วานนี้ปรับขึ้น 1.5%
• EIA ประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในปี 2568 และ 2569 หนุนจากตัวของอุตฯ AI ผ่าน Data Center และ Cryptocurrency และการเปลี่ยนผ่านสู่ไฟฟ้าจากฟอสซิล มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ (BCPG, BPP และ GULF)
• CPI จีนใน ส.ค. 2568 หดตัว 0.4%YoY หดตัวสูงกว่าที่ตลาดคาดและพลิกติดลบครั้งแรกในรอบ 3 เดือน กดดันจากราคาอาหารและฐานที่สูงในปีก่อน สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างด้านอุปสงค์ในประเทศที่ยังซบเซา และ ศก. จีนที่เริ่มชะลอลงในช่วง 2H68 โดยการส่งออกใน ส.ค. 2568 ขยายตัวชะลอลงแรงสุดในรอบ 6 เดือน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสแกว่งตัวขึ้น หลังสถานการณ์การเมืองไทยมีความชัดเจนขึ้น รอติดตามการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนฟื้นตัว โดยคาด Fund Flow จะทยอยไหลเข้าและประเมินแนวต้านที่ 1280/1300 ส่วนปัจจัยต่างประเทศสำคัญติดตาม ได้แก่ CPI ส.ค. ของสหรัฐฯ โดยตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2.9%YoY เร่งตัวขึ้นจาก 2.7%YoY ใน ก.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามคาดหรือไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยต่อใน ก.ย. นี้ ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันที่ 11 ก.ย. นี้คาดยังคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
แนวรับ – แนวต้าน : 1265/1255– 1285/1290
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มจะปรับขึ้น หลังสถานการณ์การเมืองไทยมีความชัดเจน คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานจะยังเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและจากปัจจัยบวกที่มีเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC BCPG GULF SCC
2. หุ้นปันผลคุณภาพดี (SET100 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตในระยะสั้น คาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ PTT TTB
3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Laggard Play คาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อ โดยเลือกหุ้น SET50 ราคาหุ้นปรับขึ้น QTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก มี PBV และ PER 2568F <
-1SD มีพื้นฐานดี (กำไรเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมี ESG Ratings A-AAA) แนะนำ BDMS CPALL CRC MTC PTT WHA 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลงและ/หรือดอลลาร์อ่อนค่า(บาทแข็ง) แนะนำ กลุ่ม REITs (DIF) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) และกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC BCPG GULF) และ 3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (CPALL GLOBAL TNP) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG OSP HTC ICHI) กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL) กลุ่มนิคม (AMATA) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC)
Daily Top Picks
PRM: มีปัจจัยกระตุ้นจากกำไรที่แข็งแกร่งใน 2H68 จากรับรู้รายได้เรือลำใหม่เต็มไตรมาสและมีอัตราใช้เรือที่เพิ่มขึ้น หนุนให้ปี 2568 คาดกำไรพลิกโต 5%YoY และโตต่อ 9%YoY ในปี 2569 อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เทรด PER 2568F 6.8 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 8.9 เท่า และคาดให้ Div. yield สูงปีละ 7.6% ราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 6.85 บาท
BCPG: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากข่าว EIA ประเมินความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เมื่อบวกกับ จะรับรู้ค่า Capacity Payment ที่เพิ่มขึ้นมากในสหรัฐฯ เต็มไตรมาสและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่หลายโครงการ คาดจะหนุนกำไร 2H68 เติบโตแข็งแกร่ง ราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 8.70 บาท