Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

109

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 9 ก.ย.68 ปิด +9.97 จุด อยู่ที่ 1,276.08 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,384 ลบ.รายย่อยซื้อ 548 ลบ.ต่างชาติซื้อ 398 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 158 ลบ. และสถาบันขาย 778 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,168 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น GULF,PTT,WHA,DELTA,EA และยอดขายหุ้น CPALL,ADVANC,TISCO,CBG,SCC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,392 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TPIPP,PSH,JAPAN10001 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 2,005 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 56,774 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 9,760 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ +0.43%, S&P500 +0.27%, Nasdaq +0.37% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร +1.64%,สาธารณูปโภค +0.71% ขณะที่กลุ่มวัสดุ -1.57%, อุตสาหกรรม -0.65% โดยดัชนีได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. เนื่องจากตลาดแรงงานมีสัญญาณชะลอตัว ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.06% ได้แรงหนุนจากกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน +1.3% รับข่าว Anglo American ควบรวมกิจการกับ Teck Resources
  • Market View
  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ หลัง ก.แรงงานสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐปรับปรุง 12 เดือนย้อนหลังนับตั้งแต่ มี.ค. 68 มีการจ้างงานน้อยกว่าคาด 911,000 ตำแหน่ง บ่งชี้ตลาดแรงงานสหรัฐชะลอตัว ก่อนที่ ปธน.ทรัมป์จะประกาศขึ้นภาษีศุลกากร ส่งผลให้ CME FedWatch ชี้มีโอกาส 93% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17 ก.ย. และคาดโอกาสลดดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้งในการประชุม ต.ค., ธ.ค. นี้ ซึ่งส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth ของสหรัฐ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม US PPI ส.ค. คาดทรงตัว 3.3% YoY และวันพฤหัส US CPI ส.ค. คาด 2.9% & ก.ค. 2.7% YoY ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐ
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปิดทรงตัว โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน รับข่าวควบรวมกิจของ Anglo American กับ Teck Resources ของแคนาดามูลค่า 5 หมื่น ล.ดอลลาร์ ขณะที่ CAC-40 ฝรั่งเศส +0.19% แม้ว่า Bond Yield ฝรั่งเศสอายุ 10 ปี จะปรับขึ้น +0.07% หลัง ปธน.มาครง ต้องสรรหานายก ฯ คนที่ 5 ในรอบไม่ถึง 2 ปี เพื่อดำเนินผ่านร่างงบประมาณปีหน้า และลดการขาดดุลงบประมาณปีนี้คาดที่ 5.4% ต่อ GDP ส่งผลให้ Ftich เตรียมทบทวนอันดันเครดิตในวันศุกร์นี้ ขณะที่วันพรุ่งนี้ติดตามผลการประชุม ECB คาดจะคงดอกเบี้ย
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีนิเกอิ -0.42% ถูกแรงขายทำกำไรหลังดัชนีปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 44,000 จุด ตอบรับความเชิงบวกต่อนายก ฯ ท่านใหม่ที่จะมาแทนนายอิชิบะจะออกใช้งบประมาณและลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ดัชนี Kospi เกาหลีใต้ +1.26% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น Samsung Electronics, SK Hynix จากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยในวันที่ 17 ก.ย. กอปรคาดรัฐบาลจะออก ม.ปฏิรูปภาษีเพื่อหนุนตลาดหุ้น ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.51% ยังกังวลต่อ ม.ควบคุมการเก็งกำไรในตลาดหุ้น และยังรอขัอมูลเศรษฐกิจจีน เช่น CPI, PPI ส.ค. ที่จะรายงานในวันศุกร์นี้ เพื่อวัดกำลังซื้อขงผู้บริโภคและภาคการผลิตของจีน
  • SET +0.79% ปริมาณการซื้อขาย 7 หมื่น ลบ.ต่างชาติซื้อ 398 ลบ. รายย่อยซื้อ 548 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 158 ลบ. และสถาบันขาย 778 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +1.75% ที่ปรับขึ้นตาม Nasdaq จากคาดการณ์เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลบวกต่อกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชียเหนือ ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้า +1.56% ซึ่งกลุ่มโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่มีมูลค่าหนี้สกุลต่างประเทศอยู่ในสัดส่วนสูง ดังนั้นจึงได้ประโยชน์จากแนวโน้มเงินค่าบาทที่แข็งค่า กอปรทิศทางดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐยังช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายด้วย โดยภาวะการซื้อขายได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติที่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตรไทยวานนี้มูลค่า 9.7 พัน ลบ. หลังปัจจัยการเมืองในประเทศมีความชัดเจนขึ้น และอยู่ระหว่างรอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม.ชุดใหม่ เช่น โครงการคนละครึ่งวงเงินราว 2.5 หมื่น ลบ. ซึ่งคาดจะช่วยกระตุ้น GDP ได้ราว +0.3% ขณะที่การประชุม ครม.แพรทองธารนัดสุดท้ายวานนี้มีมติขยาย ม.ลดภาษี VAT ที่ 7% ต่อเป็นเวลา 1 ปี จนถึง 30 ก.ย. 69

Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,260 - 1,270 แนวต้าน 1,280 - 1,290 คาดจะได้แรงหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการคนละครึ่งเฟสใหม่ แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มค้าปลีก, อุปโภค, ไฟแนนท์ เข่น CPALL,CPAXT,BJC,TNP/ CBG,OSP,ICHI/ SAWAD,MTC,TIDLOR,KTC,SINGER,AEONTS / กลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง เช่น AP,SPALI,DIF,3BBIF
  • SGC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Consensus N.A.บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q68 ที่ 104 ล้านบาท +47%QoQ, +174%YoY หนุนจากการเติบโตของยอดการปล่อยสินเชื่อ Lock Phone ทดแทนรายได้ที่ลดลงของสิ้นเชื่อรถทำเงิน C4C รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใน 2Q68 บริษัทมีรายได้รวม 737 ล้านบาท +10%QoQ, +67%YoY ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่รวมของบริษัทอยู่ที่ 2,128 ล้านบาท และงวด 1H68 ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่สะสมอยู่ที่ 3,908 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ 95% มาจากสินเชื่อ Lock Phone สำหรับแนวโน้ม 2H68 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายยอดปล่อยสินเชื่อใหม่รวมทั้งปี 2568 ไว้ที่ 8,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายในการขยายเครือข่ายร้านค้าพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการ Lock Phone เป็น 7,000 แห่งทั่วประเทศ การปล่อยสินเชื่อผ่าน digital platform SG FINANCE+ หนุนยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ต่อเดือน (เดือน ก.ค.ปล่อยได้ 800-900 ล้านบาท new high) เบื้องต้นกำไรปี 68 น่าจะแตะ 400 ล้านบาท จากปีก่อนที่กำไร 163 ล้านบาท
  • BCH (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 18.40 บาท) กำไรสุทธิ 388 ลบ.(+40%YoY, +21%QoQ) หลักๆมาจากการรับรู้รายได้ส่วนเพิ่มจากการรักษาผู้ป่วย 26 โรคเรื้อรังของ SSO ราว +60 ลบ.(After Tax) ส่วนการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง แม้ 3Q68 คาดว่ายังท้าทายจาก 3Q67 มีรายการบวก 26 โรคเรื้อรัง และ มีการระบาดของโรคท้องถิ่นสูง อย่างไรก็ตามคาด 4Q68 เห็นการฟื้นตัวเด่น YoY จากการรับรู้รายได้โรค ARw>2 ที่อัตราคงที่ 1.2 หมื่นบาท/Adj.RW ในปีนี้ นอกจากนี้ ยังคาดหวัง Sentiment บวกจาก 1.ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาที่ลดลง และ 2.สัญญาณดีขึ้นจากคูเวต โดย BCH เป็นหนึ่งในร.พ.ที่ได้รับเชิญไปงาน Rediscovering Health in Thailand ช่วงกลางเดือนนี้

 

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ต.ค.+$0.37 อยู่ที่ $62.63 / บาร์เรล, Brent พ.ย. +$0.37 อยู่ที่ $66.39/บาร์เรล หลังเกิดเหตุอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศเป้าหมายสำนักงานของกลุ่มฮามาสในกรุงโดฮา ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของประชาชนในกาตาร์ ขณะที่ API รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.25 ล.บาร์เรล

 

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$4.80 อยู่ที่ $3,682.20 /ออนซ์ ได้แรงหนุนหลังข้อมูลการจ้างงานสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17 ก.ย. ซึ่งเป็นผลบวกต่อราคาทองค่ำ

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -267.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +12.56 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -276.27 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -3.79 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอยู่ที่ 31.79 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.084 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +60 อยู่ที่ 2,079

(-) BitCoin เช้านี้ -0.18% อยู่ที่ 111,170 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

สัปดาห์ที2 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ

อัพเดตสถานการณ์ลงทุน

ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น

หอการค้าไทย

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

 

ต่างประเทศ

05 ก.ย.     US อัตราการว่างงาน ( ส.ค.)

                US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง ( ส.ค.)

10 ก.ย.     US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ( ส.ค.)

11 ก.ย.     EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (ก.ย.)

EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป

US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ส.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง,  Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง    

 

(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*

 

(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*

 

(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*

 

(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*

 

(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*

 

(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio September 2025: KLINIQ, ITC*, PTTGC*, GULF*, TIDLOR*

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999 Ext  2201

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

PT Maxnitron Racing Series 2025 จบสนามที่ 3-5 เตรียมระเบิดความมันสนามสุดท้ายที่ จ. สงขลา 16 - 19 ต.ค. นี้

PT Maxnitron Racing Series 2025 จบสนามที่ 3-5 เตรียมระเบิดความมันสนามสุดท้ายที่ จ. สงขลา 16 - 19 ต.ค. นี้

NAM คว้า GOLD AWARDS รับรองคุณภาพงานทำให้เครื่องมือแพทย์ปราศจากเชื้อ

NAM คว้า GOLD AWARDS รับรองคุณภาพงานทำให้เครื่องมือแพทย์ปราศจากเชื้อ

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : อัพเดทกลุ่มฮั่วเซ่งเฮง

หุ้นอินไซด์ทอล์ค : อัพเดทกลุ่มฮั่วเซ่งเฮง

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้