สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (8 กันยายน 2568 )-----บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF นำโดย นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประกาศความร่วมมือกับมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) องค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นการขจัดปัญหาความหิวโหยและความไม่มั่นคงทางอาหารด้วยการกอบกู้อาหารจากภาคส่วนต่าง ๆ และส่งต่อสู่ชุมชนที่ต้องการในไทย โดยมีนายทวี อิ่มพูลทรัพย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เดินหน้าสนับสนุนชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เตรียมปั้นโครงการ “Soul Kitchen by NRF” ที่มุ่งพัฒนาเมนูอาหารที่ครบถ้วนด้วยสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อส่งต่อไปยังกลุ่มเปราะบางและผู้ด้อยโอกาส โดยมีเป้าหมายลดการสูญเปล่าของวัตถุดิบ (Surplus Food) และอาหารที่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการ แต่ไม่ถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ช่วยยกระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตให้กับผู้รับได้อย่างแท้จริง
นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การร่วมมือกับมูลนิธิ SOS Thailand ในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ NRF ต้องการแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะผู้นำด้านธุรกิจอาหารระดับสากล เรามีความตั้งใจที่จะไม่เพียงแค่ผลิตอาหารคุณภาพเพื่อผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังต้องการสร้างคุณค่ากลับคืนสู่สังคม ผ่านการนำวัตถุดิบและอาหารที่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการ แต่ไม่ถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ มาจัดสรรเพื่อมอบให้กับผู้ที่ขาดแคลนได้เข้าถึงมื้ออาหารที่มีคุณภาพ สะอาด และครบถ้วนตามหลักโภชนาการ
การบริจาคอาหารไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาความหิวโหยในระยะสั้น แต่ยังเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ ขณะเดียวกันก็เป็นการลดการสูญเสียอาหาร (Food Loss) ที่อาจกลายเป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการผสานพลังระหว่างภาคธุรกิจและองค์กรสังคม เพื่อสร้างระบบการจัดการอาหารที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น
เรามีความเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่าง NRF และมูลนิธิ SOS Thailand จะเป็นต้นแบบที่สะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจสามารถมีบทบาทในการสร้างสรรค์สังคมที่ดีกว่าได้อย่างไร และหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ภาคธุรกิจอื่น ๆ หันมาร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการแบ่งปันและสร้างคุณค่าอย่างแท้จริง”
“ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารในระยะสั้น แต่ยังยกระดับการตระหนักรู้เกี่ยวกับการจัดการอาหารส่วนเกิน และสร้างแรงบันดาลใจให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืนในอนาคต ทั้งนี้ NRF มีแผนขยายโครงการไปยังสหราชอาณาจักร เนื่องจากยังคงมีผู้ไร้บ้านจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน” นายแดน กล่าวเสริม
อีกทั้งภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือนี้ NRF จะเป็นผู้จัดสรรวัตถุดิบในการประกอบอาหาร ในขณะที่มูลนิธิ SOS Thailand จะเป็นผู้ดูแลด้านการจัดเก็บ คัดแยก ขนส่ง และกระจายอาหารไปยังผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม โดยครอบคลุมทั้งองค์กรสังคมและชุมชนรายได้ต่ำ รวมถึงกลุ่มเปราะบาง พร้อมทั้งดูแลกระบวนการบริหารจัดการทั้งหมดเพื่อให้มั่นใจว่าอาหารที่ถึงมือผู้รับยังคงคุณภาพ ความสะอาด และความปลอดภัยอีกด้วย