สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(7 กันยายน 2568)----------------------สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
• เงินบาทแข็งค่าตามทองค า ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงจากการคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยเงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงสั้น ๆ ต้นสัปดาห์ก่อนจะทยอยอ่อนค่าในเวลาต่อมาเนื่องจากตลาดกลับมารอติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังแข็งค่าขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และได้รับแรงหนุนทางอ้อมจากทิศทางที่อ่อนค่าของเงินเยนและเงินปอนด์จากปัจจัยเฉพาะของทั้ง 2 สกุลด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ของราคาทองคำในตลาดโลก และแรงซื้อสุทธิหุ้นไทยของต่างชาติช่วงท้ายสัปดาห์หลังความกังวลต่อประเด็นทางการเมืองคลายตัวลงบางส่วนหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายท่ามกลางการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนก.ย. นี้หลังจากที่ข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ(ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเดือนก.ค. และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.) ออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด
• ในวันศุกร์ที่ 5 ก.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 2ระดับ 32.39 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 ส.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 25-29 ส.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย689 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 2,130 ล้านบาท (ขายสุทธิพันบัตร 1,029 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ1,102 ล้านบาทตามลำดับ
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 8-12 ก.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 31.80-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยส าคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัจจัยการเมืองในประเทศ ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและราคาทองค าในตลาดโลก ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส าคัญ ได้แก่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค
ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือนส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นและมุมมองต่อเงินเฟ้อของผู้บริโภคเดือนก.ย. และจ านวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในเดือนส.ค. อาทิการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตด้วยเช่นกัน