Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ธุรกิจครอบครัวในตลาดหุ้นไทย 76% ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด คิดเป็น 50% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด โดยกระจายตัวในทั้ง SET และ mai และในทุกหมวดธุรกิจ

108


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(3 กันยายน 2568)---------Key Findings:

จากการศึกษาฐานข้อมูลบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็น “ธุรกิจครอบครัว” (family business) จากบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 จำนวน 850 บริษัท พบว่า

• 646 บริษัท จาก 850 บริษัท หรือ 76% ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่ทำการศึกษา จัดเป็น “ธุรกิจครอบครัว” ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมคิดเป็น 50% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด

• บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวกระจายตัวในทุกหมวดธุรกิจ ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดพาณิชย์ หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดการแพทย์ และในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (กลุ่มบริการ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง)

• ธุรกิจครอบครัวใช้กลไกตลาดหุ้นไทยในการระดมทุนเพื่อขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่า 84% ของบริษัทจดทะเบียนที่เข้าซื้อขายในช่วงปี 2558 ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 เป็นธุรกิจครอบครัว

o ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558 - 2567) ธุรกิจครอบครัวอาศัยกลไกจากการระดมทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อขยายกิจการ โดย 264 บริษัทระดมทุนผ่านการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนครั้งแรก ด้วยมูลค่าระดมทุนครั้งแรกรวมกว่า 482,190 ล้านบาท หรือ 77% ของมูลค่า IPO ทั้งหมด

o ในช่วงเวลาเดียวกัน บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นไทยระดมทุนในตลาดรอง 108 บริษัท 410 ครั้ง ด้วยมูลค่าระดมทุนในตลาดรองรวมกว่า 351,131 ล้านบาท
• ในปี 2567 บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวมีรายได้รวมสูงถึง 9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 48.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และรวมจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลกว่า 126,035 ล้านบาท คิดเป็น 16.4% ของภาษีเงินได้นิติบุคคลทั้งระบบที่กรมสรรพากรจัดเก็บในปี 2567

• บริษัทจดทะเบียนที่เป็นธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญต่อการจ้างงานในประเทศ โดยในปี 2567 บริษัท จดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว 642 บริษัท มีพนักงานรวม 1.48 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.8% จากปี 2566 โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรและอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มบริการ ที่มีการจ้างพนักงานในสัดส่วนที่มากกว่า 80% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ

 

76% ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด คิดเป็น 50% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด (total market capitalization) โดยกระจายตัวในทั้ง SET และ mai และในทุกหมวดธุรกิจ
ในการศึกษานี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัว (Family Business) ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) จากข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนแต่ละบริษัทที่มีการปิดสมุดทะเบียนล่าสุดที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2568 จำนวน 850 บริษัท ซึ่งพบว่า 646 บริษัท หรือ 76% ของบริษัท จดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหุ้นไทยจัดเป็น “ธุรกิจครอบครัว” ตามคำนิยามธุรกิจครอบครัวในการศึกษานี้ (ภาพที่ 1) โดยบริษัท จดทะเบียนกลุ่มนี้มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมสูงถึง 50% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (total market capitalization)


บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว ส่วนใหญ่จดทะเบียนซื้อขายใน SET ซึ่งมีทั้งบริษัทขนาดใหญ่และเล็ก และมีส่วนสำคัญในการเป็นองค์ประกอบดัชนีต่างๆ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
จากที่พิจารณาโครงสร้างการถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว พบว่า สมาชิกครอบครัวถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมผ่านนิติบุคคลต่างๆ อาทิ ห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชน และกองทุน เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จดทะเบียนใน SET และเป็นองค์ประกอบสำคัญของดัชนีต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตารางที่ 1 และตารางที่ 2)
ตารางที่ 1 จำนวนบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวในตลาดหุ้นไทย จำแนกตามตลาดและดัชนี
(หน่วย: บริษัท)
จำนวนบริษัทจดทะเบียน
ที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว จำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด
ในแต่ละกลุ่มตลาด / ดัชนี % ต่อ จำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด
ในแต่ละกลุ่มตลาด / ดัชนี
SET 473 629 75.2
SET50 26 50 52.0
SET51-100 40 50 80.0
sSET 83 118 70.3
ที่เหลือใน SET 324 411 78.9
mai 172 220 78.8
รวม 646 850 76.0
ที่มา: SET Research ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตารางที่ 2 จำนวนบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวในตลาดหุ้น จำแนกตามองค์ประกอบดัชนี
(หน่วย: บริษัท)
ดัชนี จำนวนบริษัทจดทะเบียน
ที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว จำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด
ในแต่ละดัชนี %
บจ. ทั้งหมดในดัชนี
SETHD (SET High Dividend) 18 30 60.0
SETCLMV 40 59 67.8
SETWB (SET Well-being) 25 30 83.3
SETESG 79 109 72.5
ที่มา: SET Research ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
และหากพิจารณาตามรายชื่อหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบดัชนีต่างๆ ตามตารางที่ 2 พบว่า บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวอยู่ในทุกดัชนี และจำนวนบริษัทที่เป็นธุรกิจครอบครัวมีสัดส่วนสูงกว่า 60% ของทุกดัชนี

บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวกระจายตัวอยู่ในทุกหมวดธุรกิจ ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดพาณิชย์ หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดการแพทย์ และในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (กลุ่มบริการ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง)
บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่พัฒนามาจากธุรกิจดั้งเดิมของตระกูลหรือเป็นธุรกิจจัดตั้งใหม่ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจและกระจายตัวอยู่ในทุกหมวดธุรกิจ โดยเฉพาะในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดพาณิชย์ หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดการแพทย์ หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง และในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (กลุ่มบริการ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง) ตามตารางที่ 3

ตารางที่ 3 จำนวนบริษัทที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวเมื่อเทียบกับบริษัทจดทะเบียนทั้งตลาด
(หน่วย: บริษัท)
ตลาด / หมวดธุรกิจ บริษัทจดทะเบียน
ที่จัดเป็น
ธุรกิจครอบครัว บริษัทจดทะเบียน
ที่ไม่จัดเป็น
ธุรกิจครอบครัว จำนวน
บริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในหมวดธุรกิจ %บริษัทจดทะเบียน
ที่เป็นธุรกิจครอบครัว
ต่อบริษัททั้งหมด
บริษัทจดทะเบียนใน SET 473 156 629 75.2
อาหารและเครื่องดื่ม 53
4 57 93.0
พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 52 9 61 85.2
พลังงานและสาธารณูปโภค 30 27 57 52.6
พาณิชย์ 30 3 33 90.9
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 24 11 35 68.6
การแพทย์ 23 5 28 82.1
บริการรับเหมาก่อสร้าง 22 10 32 68.8
เงินทุนและหลักทรัพย์ 20 21 41 48.8
ขนส่งและโลจิสติกส์ 20 6 26 76.9
สื่อและสิ่งพิมพ์ 19 3 22 86.4
วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร 18 2 20 90.0
วัสดุก่อสร้าง 18 3 21 85.7
ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ 17 0 17 100.0
บรรจุภัณฑ์ 17 4 21 81.0
แฟชั่น 16 2 18 88.9
เหล็ก และ ผลิตภัณฑ์โลหะ 15 7 22 68.2
ยานยนต์ 14 6 20 70.0
ประกันภัยและประกันชีวิต 12 5 17 70.6
ธุรกิจการเกษตร 11 2 13 84.6
การท่องเที่ยวและสันทนาการ 11 5 16 68.8
ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 10 3 13 76.9
ของใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน 8 4 12 66.7
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 5 3 8 62.5
ธนาคาร 5 7 12 41.7
บริการเฉพาะกิจ 2 4 6 33.3
กระดาษและวัสดุการพิมพ์ 1 0 1 100.0
mai 173 48 221 78.3
บริการ 46 15 61 75.4
สินค้าอุตสาหกรรม 37 10 47 78.7
อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง 33
4 37 89.2
สินค้าอุปโภคบริโภค 17 2 19 89.5
เทคโนโลยี 16 8 24 66.7
เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร 9 3 12 75.0
ทรัพยากร 8 3 11 72.7
ธุรกิจการเงิน 7 3 10 70.0
รวม 646 204 850 76.0
ที่มา: SET Research ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


เมื่อพิจารณาสัดส่วนธุรกิจครอบครัวในแต่ละหมวดธุรกิจ พบว่า 12 หมวดธุรกิจมีสัดส่วนธุรกิจครอบครัวมากกว่า 80% ได้แก่ หมวดอาหารและเครื่องดื่ม หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดพาณิชย์ หมวดการแพทย์ หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร หมวดวัสดุก่อสร้าง หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ หมวดบรรจุภัณฑ์ หมวดแฟชั่น หมวดธุรกิจการเกษตร และหมวดกระดาษและวัสดุสิ่งพิมพ์

บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวดำเนินการกิจการโดยอาศัยเงินทุนส่วนตัวและเงินทุนจากตลาดเงิน ก่อนเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาด ซึ่งมีอายุกิจการโดยเฉลี่ย 36 ปีนับจากก่อตั้งกิจการ และมีอายุกิจการเฉลี่ย 19 ปีก่อนจดทะเบียน
เมื่อพิจารณาความยั่งยืนของกิจการ จากอายุกิจการนับตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน (ปี 2568) ของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวตามการศึกษานี้ พบว่า มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 36 ปี โดยบริษัทจดทะเบียนที่มีอายุนับตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบันมีอายุกิจการยาวนานที่สุดนานถึง 149 ปี หรือประมาณ 3 เท่าของอายุของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามตารางที่ 4
ตารางที่ 4 อายุกิจการของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว
อายุกิจการ SET mai
อายุน้อยที่สุด 7 5
อายุเฉลี่ย 39 27
อายุมากที่สุด 149 64
ที่มา: SET Research ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ตารางที่ 5 อายุกิจการ ณ ปีที่จดทะเบียนซื้อขาย (นับตั้งแต่ปีก่อตั้งถึงปีที่เข้าจดทะเบียนซื้อขาย)
อายุกิจการ SET mai
อายุเฉลี่ย 19 19
อายุมากที่สุด 118 59
ที่มา: SET Research ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เมื่อพิจารณากิจการ ณ ปีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นไทย พบว่า ธุรกิจครอบครัว ณ ปีที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีอายุเฉลี่ย 19 ปี แสดงว่า ธุรกิจครอบครัวดำเนินการต่อเนื่องด้วยเงินทุนส่วนตัวและสินเชื่อก่อนเข้าตลาดทุนเพื่อขยายกิจการ บางบริษัทมีอายุมากเมื่อจดทะเบียน เนื่องจาก 1) ประกอบธุรกิจก่อนการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2518 หรือเมื่อ 50 ที่ผ่านมา และ 2) ใช้เวลาปรับตัวให้เป็นไปตามเกณฑ์การจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทที่มีอายุมากที่สุดมีอายุ 118 ปี ณ ปีที่ จดทะเบียนฯ
ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยอาจต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทจดทะเบียนปรับโครงสร้างองค์กร ควบรวมกิจการ หรือแลกหุ้นเป็นบริษัทใหม่ และมีการเพิกถอนออกจากตลาดหุ้น ส่งผลให้วันก่อตั้งและจดทะเบียนเป็นไปตามบริษัทใหม่ ทำให้อายุน้อยกว่าระยะเวลาดำเนินงานจริง
บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดประมาณครึ่งหนึ่งของภาพรวมทั้งตลาด และมีการระดมทุนต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทย
ณ สิ้นปี 2567 บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว 642 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 8.51 ล้านล้านบาท คิดเป็น 50.4% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด (total market Capitalization) โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในช่วงปี 2561 - 2567 ของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวมีอัตราเติบโตเฉลี่ย (Compound Annual Growth Rate) ปีละ 2.55% ตามภาพที่ 2


ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 บริษัทจดทะเบียนที่เป็นธุรกิจครอบครัว 646 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 6.1 ล้านล้านบาท ลดลง 28.3% จากสิ้นปี 2567 จากการลดลงของราคาหลักทรัพย์เป็นสำคัญ สังเกตได้จาก SET Index ที่ลดลง 22.2% และเมื่อเปรียบเทียบขนาดกับตลาดรวม ธุรกิจครอบครัวมีสัดส่วนเฉลี่ย 48.2%

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจครอบครัวอาศัยกลไกจากการระดมทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อขยายกิจการ โดย 264 บริษัทระดมทุนผ่านการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนครั้งแรก ด้วยมูลค่าระดมทุนครั้งแรกรวมกว่า 483,190 ล้านบาท หรือ 77.1% ของมูลค่า IPO ทั้งหมด
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558 - 2567) มีบริษัทจดทะเบียนระดมทุนผ่านการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนครั้งแรก (Initial Public Offering: IPO) ในตลาดหุ้นไทยรวมทั้งหมด 315 บริษัท (ตารางที่ 6) โดย 264 บริษัท จากทั้งหมด 314 บริษัทเป็นธุรกิจครอบครัว คิดเป็น 84.1% ของบริษัทที่ระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นธุรกิจครอบครัว หรือ กล่าวอีกทางหนึ่งได้ว่า มีความชัดเจนว่าธุรกิจครอบครัวอาศัยกลไกจากการระดมทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตของกิจการ
เมื่อพิจารณามูลค่าการระดมทุนหรือ มูลค่า IPO ในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่า บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวมีมูลค่าระดมทุนรวมสูงกว่า 483,190 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77.1% ของมูลค่า IPO ทั้งหมด ซึ่งมีทิศทางเดียวกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ณ วันซื้อขายวันแรกที่มีมูลค่ารวม 2.24 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 74.7% ของ Market Cap รวมของบริษัทที่ IPO ทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว
ตารางที่ 6 ข้อมูลการระดมทุนครั้งแรก ที่เกิดขึ้นในปี 2558 - มิถุนายน 2568
จำแนกตามจำนวนบริษัท มูลค่าระดมทุน และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ สิ้นวันซื้อขายวันแรก
ปี IPO ภาพรวมการ IPO
ของ บจ. ที่เป็นธุรกิจครอบครัว ภาพรวมการ IPO
รวมทั้งตลาด เปรียบเทียบ บจ. ที่เป็นธุรกิจครอบครัว
ต่อภาพรวม
จำนวน
บจ.
(บริษัท)
มูลค่า
IPO
(ล้านบาท)
Market Cap.
ณ สิ้นวันซื้อขายวันแรก
(ล้านบาท) จำนวน
บจ.
(บริษัท)
มูลค่า
IPO
(ล้านบาท)
Market Cap.
ณ สิ้นวันซื้อขายวันแรก
(ล้านบาท) % จำนวน
บริษัท

% มูลค่า IPO % Market Cap.
ณ สิ้นวันซื้อขายวันแรก

2558 25 24,582 104,132 33 39,912 198,611 75.8 61.6 52.4
2559 19 24,599 109,045 23 32,489 135,436 82.6 75.7 80.5
2560 30 82,664 353,484 37 91,274 408,143 81.1 90.6 86.6
2561 15 25,484 123,336 18 26,481 127,050 83.3 96.2 97.1
2562 25 67,747 306,262 27 72,959 360,116 92.6 92.9 85.0
2563 19 118,670 486,906 26 130,794 550,049 73.1 90.7 88.5
2564 30 27,543 127,439 38 88,660 444,551 78.9 31.1 28.7
2565 35 61,543 379,989 39 84,853 491,844 89.7 72.5 77.3
2566 37 31,783 148,690 40 38,259 173,717 92.5 83.1 85.6
2567 29 18,573
105,429 33 21,043 115,100 87.9 88.3 91.6
รวม 264 483,190 2,244,711 314 626,724 3,004,617 84.1 77.1 74.7

6M2568 4 730 2,594 5 1,150 4,214 80.0 63.5 61.6
2558 - 6M2568 268 483,920 2,247,305 319 627,874 3,008,832 84.0 77.1 74.7
ที่มา: SET Research ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ยังพบว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ธุรกิจครอบครัวเข้าระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO 4 บริษัทจากทั้งหมด 5 บริษัทที่ทำ IPO หรือกล่าวได้ว่า 80.0% ของจำนวนบริษัทที่ระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO ทั้งหมด ซึ่งมูลค่าระดมทุนรวม 730 ล้านบาท คิดเป็น 63.5% ของมูลค่า IPO ทั้งหมด
ตลอดช่วงเวลาที่ทำการศึกษา คือ ในช่วงปี 2558 - มิถุนายน 2568 มีธุรกิจครอบครัวเข้าระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO รวม 268 บริษัท จากทั้งหมด 319 บริษัท หรือคิดเป็น 84.0% ของจำนวนบริษัทที่ระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO ทั้งหมด โดยมีมูลค่าระดมทุนรวมสูงกว่า 483,920 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77.1% ของมูลค่า IPO ทั้งหมด ซึ่งมีทิศทางเดียวกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ณ วันซื้อขายวันแรกที่มีมูลค่ารวม 2.25 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 74.7% ของ Market Cap รวมของบริษัทที่ IPO ทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว

 

ในช่วงปี 2558 - 2567 บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวระดมทุนในตลาดรอง 108 บริษัท รวม 410 ครั้ง ด้วยมูลค่า ระดมทุนรวม 351,131 ล้านบาท
นอกจากบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวจะระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO แล้ว บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2558 - 2567 มีการระดมทุนในตลาดหุ้นผ่านตลาดรอง (Secondary offering) โดย 108 บริษัท (จากทั้งหมด 264 บริษัท) ระดมทุนในตลาดรอง 410 ครั้ง ด้วยมูลค่าระดมทุนรวม 351,131 ล้านบาท (ภาพที่ 3)

นอกจากนี้จากการศึกษายังพบว่า 64 บริษัทที่เป็นบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นที่เป็นธุรกิจครอบครัวได้ระดมทุนในตลาดรองในช่วง 2 - 3 ปีแรกที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นไทย

บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดย ในปี 2567 บริษัทกลุ่มนี้มีรายได้รวมสูงถึง 9 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 48.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ขณะที่การเติบโตของกำไรสุทธิอยู่ในระดับสูงกว่าการเติบโตของ GDP ของประเทศ
เมื่อพิจารณาศักยภาพของการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว จากรายได้รวมในช่วงปี 2560 - 2567 (ภาพที่ 4) พบว่า รายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 8.25% โดยจากผลประกอบการล่าสุด ปี 2567 ของ 642 บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว มีรายได้รวมสูงถึง 9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 48.28% ของรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนรวมทั้งตลาด หรือเติบโตเฉลี่ยต่อปี 49.37% ในช่วงปี 2560 - 2567


เมื่อพิจารณาการมีส่วนร่วม (contribution) ของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวในตลาดหุ้นไทยต่อเศรษฐกิจไทย พบว่า ในปี 2567 รายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนจัดเป็นธุรกิจครอบครัวในตลาดหุ้นไทย คิดเป็น 48.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) หรือเฉลี่ย 40.5% ในช่วงปี 2560 - 2567 (ภาพที่ 5) อาจกล่าวได้ว่า ธุรกิจครอบครัวมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น ควรส่งเสริมสามารถระดมทุนเป็นวงกว้างเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อพิจารณาการเติบโตของกำไรสุทธิและสินทรัพย์รวมของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวในช่วงเวลาเดียวกัน (ภาพที่ 6 และภาพที่ 7) พบว่า สินทรัพย์รวมของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวเติบโตสูงมาก เฉลี่ยปีละ 9.63% สะท้อนว่า การระดมทุนในตลาดหุ้นไทยมีส่วนช่วยให้ธุรกิจครอบครัวสามารถจัดหาเงินทุนเพื่อขยายกิจการในระยะยาว ขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิค่อนข้างต่ำเฉลี่ยปีละ 3.05% แต่สูงกว่าการเติบโตของ GDP ที่เติบโต (CAGR) เฉลี่ยปีละ 2.64%

บริษัทจดทะเบียนที่เป็นธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ภาครัฐตามการจัดเก็บจากกรมสรรพากร และมีส่วนช่วยในการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจไทย
ปี 2567 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวจำนวน 641 บริษัท จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลรวมสูงกว่า 126,035 ล้านบาท คิดเป็น 37.92% ของภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหุ้นไทยที่จ่ายให้ภาครัฐในปี 2567 หรือ 16.35% ของภาษีเงินได้นิติบุคคลทั้งระบบที่กรมสรรพากรจัดเก็บในปี 2567 (ภาพที่ 8)


นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศผ่านการจ้างงาน (ภาพที่ 9) โดยในปี 2567 บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว จำนวน 642 บริษัท มีจำนวนพนักงานรวม 1.48 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.8% จากปี 2566 ซึ่งจำนวนพนักงานของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวนี้ คิดเป็น 9.3% ของจำนวนพนักงานที่เป็นลูกจ้างภาคเอกชนทั้งหมดในปี 2567

 

เมื่อพิจารณาการจ้างงานรายกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า จำนวนพนักงานของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวมีสัดส่วนค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนพนักงานทั้งหมดในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น (ภาพที่ 10) โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรและอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มบริการ ที่มีการจ้างพนักงานในสัดส่วนที่มากกว่า 80% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ

โดยสรุปอาจกล่าวได้ว่า บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวใช้กลไกตลาดทุนเพื่อระดมทุนขยายกิจการ ทั้งผ่านกิจกรรม IPO และระดมทุนเพิ่มเติมในตลาดรอง และมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในฐานะผู้จ่ายภาษีและผู้จ้างงาน ดังนั้น ภาครัฐควรสนับสนุนให้ธุรกิจครอบครัวสามารถแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

เปิดหุ้นได้ประโยชน์จากเลือกตั้ง By : แม่มดน้อย

โอมมะลึกกึ๊กกึ๋ยย์ มะลึกกึ๊กกึ๋ยย์มะลึกกึ๊กกึ๋ยย์.........เพี้ยง แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ การเมือง รอบนี้ ท้ายสุด ....

กาแฟพันธุ์ไทย ผนึกกำลัง ม.นเรศวร หนุนเยาวชนไทย สร้างสรรค์นวัตกรรมเครื่องดื่มจากวัตถุดิบท้องถิ่น

กาแฟพันธุ์ไทย ผนึกกำลัง ม.นเรศวรหนุนเยาวชนไทย สร้างสรรค์นวัตกรรมเครื่องดื่มจากวัตถุดิบท้องถิ่น

มัลติมีเดีย

PTG จับมือ ไปรษณีย์ไทย - ทาโร - SLEEK EV เปิดแคมเปญ ‘ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง’

PTG จับมือ ไปรษณีย์ไทย - ทาโร - SLEEK EV เปิดแคมเปญ ‘ทาโร รักษ์โลก โชคเด้ง’

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้