Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ฟิทช์ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิชนิดไม่มีกำหนดชำระคืนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีลักษณะคล้ายทุน ซึ่งเสนอออกโดยบริษัท จีซี ศูนย์บริหารเงิน จำกัด ที่ ‘BB’

133



สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(2 กันยายน 2568)----------ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศอันดับเครดิตที่ ‘BB’ ให้แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิชนิดไม่มีกำหนดชำระคืนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีลักษณะคล้ายทุน ซึ่งเสนอออกโดยบริษัท จีซี ศูนย์บริหารเงิน จำกัด โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันจาก บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC (อันดับเครดิตสากลระยะยาวที่ BBB- และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ในลักษณะด้อยสิทธิ และจะชำระเมื่อมีการเลิกกิจการ โดยผู้ออกมีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดและมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยได้โดยไม่มีเงื่อนไข

การจัดอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าว ให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating) ของ PTTGC ซึ่งอยู่ที่ ‘BBB-’ อยู่ 2 อันดับ ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์เรื่อง “Corporate Hybrids Treatment and Notching Criteria” เพื่อสะท้อนถึงสถานะด้อยสิทธิซึ่งมีแนวโน้มที่จะต้องรองรับผลขาดทุนที่สูงกว่าปกติ เมื่อเทียบกับหนี้อื่นๆ ของบริษัท

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

ส่วนของหนี้ที่คิดเป็นทุน: ฟิทช์พิจารณาให้หุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวมีส่วนของหนี้ที่คิดเป็นทุน (Equity Credit) ร้อยละ 50 ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์เรื่อง “Corporate Hybrids Treatment and Notching Criteria” โดยลักษณะที่คล้ายทุนของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวประกอบด้วย สถานะด้อยสิทธิ การมีระยะเวลาไถ่ถอนที่น่าจะเป็น (Effective Maturity) คงเหลือมากกว่า 5 ปี สิทธิของผู้ออกหุ้นกู้ในการเลื่อนการชำระดอกเบี้ย และการกำหนดเหตุผิดนัดที่จำกัด ส่วนของหนี้ที่คิดเป็นทุนถูกจำกัดที่ร้อยละ 50 เนื่องจากดอกเบี้ยที่มีการเลื่อนการชำระจะต้องมีการสะสมเอาไว้ชำระภายหน้า

กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่น่าจะเป็น: ฟิทช์พิจารณาว่าหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่มีกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนที่น่าจะเป็น (Effective Maturity) เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวจะมีการปรับเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ 1 ซึ่งเป็นตามหลักเกณฑ์ของฟิทช์ อัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวจะปรับเพิ่มขึ้นสะสมไม่เกินร้อยละ 0.25 ตามในระยะเวลาที่กำหนดครั้งที่หนึ่ง และไม่เกินร้อยละ 1 ตามในระยะเวลาที่กำหนดครั้งที่สอง

อัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูง: อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Net Leverage) ของ PTTGC ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 7.6 เท่า ณ สิ้นปี 2567 จาก 6.9 เท่า ในปี 2566 เนื่องจากกำไรที่ต่ำกว่าที่ฟิทช์เคยคาดการณ์ไว้ ฟิทช์คาดว่า EBITDA Net Leverage จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 4-6 เท่า ในปี 2568 - 2569 จากกำไรที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนที่ลดลง อย่างไรก็ตามการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าว น่าจะช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินของ PTTGC ปรับตัวดีขึ้นประมาณ 0.5 เท่า

กำไรที่ฟื้นตัวล่าช้า: ฟิทช์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ PTTGC น่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 3.5-3.9 หมื่นล้านบาท ต่อปี ในปี 2569 (ปี 2567 อยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท) และปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ในปี 2571-2572 อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ที่อ่อนแอกว่าที่คาด อาจทำให้การฟื้นตัวของกำไรล่าช้าออกไป

ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์เคมีที่ต่ำ: ฟิทช์คาดว่า อุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะฟื้นตัวในระดับปานกลางในปี 2568 จากระดับต่ำของปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากต้นทุนวัตถุดิบและราคาน้ำมันดิบที่ลดลง อย่างไรก็ดี ส่วนต่างราคายังคงถูกกดดันจากความไม่แน่นอนของอุปสงค์จากจีน การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินความต้องการ การบริโภคในภูมิภาคเอเชียยังคงตึงตัว ฟิทช์คาดการณ์ว่าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจีนน่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าในช่วงก่อนการเกิดสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด อย่างน้อยจนถึงปี 2569 สงครามทางการค้าที่รุนแรงขึ้น น่าจะส่งผลกดดันต่ออุปสงค์ที่ยังคงอ่อนแอ ฟิทช์คาดว่ากำลังผลิตใหม่ที่เข้าสู่ตลาดจะยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2569 แม้ว่าความเสี่ยงดังกล่าวจะถูกลดทอนบางส่วนจากการหยุดเดินเครื่องของกำลังการผลิตในอุตสาหกรรม

เป้าหมายในการลดหนี้สินของบริษัทฯ: กำไรที่ฟื้นตัวล่าช้า จะส่งผลต่ออัตราส่วนของหนี้สินของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่า PTTGC กำลังจัดทำแผนกลยุทธ์ทางเลือกในการลดหนี้สิน นอกเหนือการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน การลดรายจ่ายจากการดำเนินงาน การขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ซึ่งอาจเพิ่มความยืดหยุ่นในการลดหนี้สิน หากการฟื้นตัวของกำไรล่าช้ากว่าที่ฟิทช์คาด

แรงจูงใจในการให้การสนับสนุนจาก ปตท. ในระดับปานกลาง: การปรับเพิ่มอันดับเครดิตขึ้นสองอันดับจากสถานะเครดิตโดยลำพังของบริษัทฯ สะท้อนถึงแรงจูงใจของบริษัทแม่ซึ่งได้แก่ ปตท. ในการให้การสนับสนุน จากความสำคัญทางกลยุทธ์ (Strategic incentive) และความสำคัญทางด้านการดำเนินงาน (Operational incentive) แก่ PTTGC ในระดับปานกลาง ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก (Parent and Subsidiary Rating Linkage Methodology) ฟิทช์เชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น ซึ่ง PTTGC เป็นหนึ่งในบริษัทหลักของธุรกิจนี้ มีความสำคัญด้านกลยุทธ์ต่อ ปตท. นอกจากนี้ PTTGC ยังเป็นผู้รับซื้อวัตถุดิบที่เป็นผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีรายใหญ่ของ ปตท.

การขยายเทอมการชำระเงินช่วยเสริมความคล่องตัวทางการเงิน: ฟิทช์มองว่าการขยายเทอมการชำระเงินในการซื้อวัตถุดิบจาก ปตท. นั้น จะช่วยเสริมสภาพคล่องและเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินให้กับ PTTGC ในการบริหารจัดการอัตราส่วนหนี้สิน ปตท. ได้ขยายเทอมการชำระเงินเพิ่มเติมในเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งน่าจะช่วยลดความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียน จำนวนประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ในปี 2568

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

PTTGC มีสถานะทางธุรกิจที่อ่อนแอกว่า Alpek, S.A.B. de C.V (อันดับเครดิตที่ ‘BBB-‘/แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) เล็กน้อย โดย Alpek เป็นผู้นำในธุรกิจ PTA, PET rPET และ Expandable Polystyrene ในทวีปอเมริกา ในขณะที่ PTTGC เป็นบริษัทปิโตรเคมีชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ประมาณร้อยละ 92 ของรายได้ของ Alpek มาจากผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ที่มีความผันผวนต่ำ ในขณะที่การเข้าซื้อกิจการของ Allnex ได้ทำให้กำไรของ PTTGC มีเสถียรภาพมากขึ้น และทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA Margin) ปรับตัวดีขึ้น อันดับเครดิตของ Alpek อยู่ในระดับสูงกว่าอันดับเครดิตโดยลำพังของ PTTGC ที่ ‘bb’ อยู่ 2 อันดับ เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินของ Alpek อยู่ในระดับต่ำกว่าของ PTTGC

สถานะทางธุรกิจของ PTTGC มีลักษณะคล้ายคลึงกับของ Braskem S.A. (อันดับเครดิตที่ BB-/อันดับเครดิตพินิจ) Braskem มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่า PTTGC แต่มีการเปิดเผยความเสี่ยงสูงในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้าง ซึ่งทำให้กำไรของ Braskem มีความผันผวนมากกว่า Braskem มีสถานะทางการเงินที่อ่อนแอกว่า PTTGC เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้น Braskem จึงมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตโดยลำพังของ PTTGC หนึ่งอันดับ

สถานะทางธุรกิจของ Synthos Spolka Akcyjna (อันดับเครดิตที่ BB /แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) อ่อนแอกว่า PTTGC จากขนาดของธุรกิจที่เล็กกว่า การกระจายตัวของรายได้ที่น้อยกว่า และสถานะการเป็นผู้นำของผลิตภัณฑ์ที่อ่อนแอกว่า แม้ว่าธุรกิจ Synthetic Rubber จะแข็งแกร่งขึ้นหลังจากการเข้าซื้อทรัพย์สินจาก Trinseo Synthos มีอัตราส่วนหนี้สินที่ดีกว่า PTTGC เล็กน้อย ซึ่งไม่เพียงพอที่จะชดเชยสถานะทางธุรกิจที่อ่อนแอกว่า ทำให้ Synthos มีอันดับเครดิตเท่ากับอันดับเครดิตโดยลำพังของ PTTGC

สถานะทางธุรกิจของ PTTGC แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทในธุรกิจการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีในประเทศไทยที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิต และมีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งดังกล่าว PTTGC มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่าและมีการผลิตปิโตรเคมีที่มากกว่าเมื่อเทียบกับ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ A+(tha); แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ) นอกจากนี้ PTTGC ยังมีอัตราส่วนกำไรที่สูงกว่า TOP

สมมุติฐานที่สำคัญ:
- ราคาน้ำมันดิบ (เบรนท์) ที่ราคา 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2568 และ 65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2569 โดยมีการปรับด้วยส่วนต่างราคาน้ำมันตามการซื้อน้ำมันดิบของ PTTGC;
- กำไรของธุรกิจปิโตรเคมียังคงอยู่ในระดับต่ำในปี 2568 เนื่องจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์ที่ยังคงอ่อนแออยู่ จะกดดันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบ
- ค่าการกลั่นที่ไม่รวมกำไร/ขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ปรับตัวดีขึ้นในปี 2568 เป็นต้นไป
- การขยายเทอมการชำระเงินเพื่อซื้อน้ำมันดิบกับ ปตท. ต่อเนื่องจนถึงปี 2568-2569
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนรวมจำนวน 6.2 หมื่นล้านบาท ในปี 2568-2570
- จ่ายเงินปันผลร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม
- รวมงบการเงินของบริษัทลูก บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด (อันดับเครดิตภายในประเทศที่ ‘BBB(tha)’ แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) ตามสัดส่วนการถือหุ้นของ PTTGC

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยลบ:
- บริษัทฯ ไม่สามารถปรับลดอัตราส่วน EBITDA Net Leverage ตามที่ฟิทช์คาดการณ์ ให้ไปอยู่ในระดับต่ำกว่า 4 เท่าอย่างต่อเนื่อง
- แรงจูงใจในการให้การสนับสนุนจาก ปตท. ที่ลดลง

ปัจจัยบวก:
- EBITDA Net Leverage ปรับตัวดีขึ้นไปอยู่ในระดับต่ำกว่า 3 เท่าอย่างต่อเนื่อง
- แรงจูงใจในการให้การสนับสนุนจาก ปตท. ที่เพิ่มขึ้น

สภาพคล่อง
สภาพคล่องที่แข็งแกร่ง: PTTGC มีหนี้ทั้งหมด จำนวน 2.3 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ปี 2568 โดยหนี้จำนวน 1.1 หมื่นล้านบาท จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้า สภาพคล่องของ PTTGC ได้รับการสนับสนุนจากเงินสดจำนวน 2.8 หมื่นล้านบาท และ กระแสเงินสดจากการขยายเทอมการชำระเงินเพื่อซื้อน้ำมันดิบกับ ปตท. นอกจากนี้ PTTGC มีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งตลาดเงินกู้ จากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ ปตท. และสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำในธุรกิจปิโตรเคมีในประเทศไทย

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

"แมกซ์มาร์ท" มินิมาร์ทในปั๊มน้ำมัน PT ฉลองวันเกิดตลอดเดือนก.ย.-ต.ค.68 "9.9 Birthday MaxMart" ลดมันส์ฉลองเดือนเกิด"

"แมกซ์มาร์ท" มินิมาร์ทในปั๊มน้ำมัน PT ฉลองวันเกิดตลอดเดือนก.ย.-ต.ค.68 "9.9 Birthday MaxMart" ลดมันส์ฉลองเดือนเกิด"

การเมืองแบบไทย ไทย By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ละครการเมืองไทย ก็เป็นการเมืองแบบไทย ไทย ฝั่งกระดานหุ้นไทย นักลงทุน ก็เล่นตาม....

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้