สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(1 กันยาย 2568)----------บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA กางแผนครึ่งปีหลังวางกลยุทธ์สร้างผลงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งสัญญาณบวก จากดีมานด์การใช้รถ EV เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขานรับกลุ่มเมกะเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า มั่นใจรายได้ปี 2568 เติบโต 10% พร้อม นำร่องติดตั้งโซลาร์รูฟ สาขาแรก BMW Millennium Auto พัฒนาการ ภายในไตรมาส 4 นี้ ต่อยอดการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกธุรกิจ
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยในงาน Opportunity Day ร่วมนำเสนอข้อมูล ภายในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) ตอกย้ำความสำเร็จ หลังจากประกาศผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2568 ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 109 ล้านบาท เติบโต 167% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) พร้อมเปิดเผยถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ในครึ่งปีหลัง 2568 ว่า บริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ เพิ่มขึ้น 100,000 คัน พร้อมทั้งได้ตั้งเป้าการขับเคลื่อนกลยุทธ์ ใน 4 กลุ่มธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับทิศทางธุรกิจในครึ่งปีหลัง
กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) : โดยมองว่า ภาพรวมของรถยนต์ EV มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดตามเมกะเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะเห็นได้จากยอดจองรถ New XPENG G6 SUV ไฟฟ้าอัจฉริยะ และ XPENG X9 รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ ที่ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 รถตู้ไฟฟ้าพรีเมียม ภายในงาน Big Motor Sale 2025 ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดทำให้มียอดจองรถยนต์รุ่นดังกล่าวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ายอดจองจะเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี ที่เตรียมจัดขึ้นภายใต้งาน “MGC-ASIA Mobility Expo ” ที่สยามพารากอน ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ ทำให้ บริษัทฯ คาดว่าภายในปีนี้ จะมียอด Backlog เพิ่มสูงขึ้น
กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) : บริษัทฯ เตรียมขยายสาขา LAUNCH BODY & PAINT WORKSHOP อีก 2 สาขา ได้แก่ Millennium Auto สาขาพระราม 3 และ Millennium Auto สาขาสุราษฎร์ธานี เพื่อสอดรับกับจำนวนประชากรรถที่มีความต้องการเข้าใช้บริการมากขึ้น ทั้งจากกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพในการให้บริการด้านการจัดการงานบริการซ่อมอย่างครอบคลุมตามมาตรฐานสากล ที่สำคัญธุรกิจดังกล่าวจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ (Recurring Income) ให้กับบริษัทฯในอนาคต
กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่าและพนักงานขับ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว (Car Rental and Driver Services) : บริษัทฯ วางแผนออกโปรแกรมในรถเช่าประเทศไทย (SIXT) ผู้ให้บริการรถเช่าระยะสั้น สำหรับบุคคลทั่วไป เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ กับรถรุ่นใหม่ที่ออกมา
กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) : ธุรกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) มุ่งเน้นการเติบโตจากการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กำไรสุทธิดอกเบี้ย NET INTEREST MARGIN (NIM) ปรับตัวดีขึ้น พร้อมปรับปรุงกระบวนการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิต โดยนำเสนอการแก้ปัญหาการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า เพื่อสร้างผลกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่หลากหลาย เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในอนาคต อาทิ ประกันที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ตามแนวทาง ESG, ประกันสุขภาพแบบกลุ่มที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านสวัสดิการพนักงาน สอดคล้องกับความต้องการประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่สูงขึ้น ตามจำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น
และเพื่อตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านธุรกิจไลฟ์สไตล์ โมบิลิตี้แบบครบวงจรในประเทศไทย ที่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 ภายใต้การเดินหน้าสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านแนวคิดด้าน ESG ส่งผลให้บริษัทฯ ดำเนินโครงการอย่างครอบคลุมในทุกมิติ ภายใต้การนำร่องติดตั้งโซลาร์รูฟ โครงการแรกที่ BMW Millennium Auto สาขาพัฒนาการ ในช่วงไตรมาส 4/2568 สู่การขยายไปยังสาขาอื่นๆ เพิ่มเติมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงดาดฟ้าอาคารต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานมากกว่า 30% ต่อปี พร้อมทั้งช่วยสร้างร่มเงาให้กับรถยนต์ของลูกค้าและรถใหม่ที่รอการส่งมอบ ซึ่งถือเป็นการประยุกต์รูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับการสร้างความยั่งยืนให้แก่องค์กรและสังคมให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะ “ESG ไม่ใช่แค่แนวทาง แต่คือคำมั่นสัญญาในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าของ MGC-ASIA”
อย่างไรก็ตาม จากแผนเชิงรุกในทุกกลุ่มธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับการต่อยอดความสำเร็จจากการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน บริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด (Neo Mobility Asia) ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดเข้ามาตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ซึ่งจะสร้างอัตราการเติบโตให้ MGC-ASIA ในอนาคตได้อย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงจะผลักดันรายได้ในปี 2568 เติบโต 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้