Equality for All
PTG : บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี
มี Non-oil เป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยม
-2Q25 กำไรฟื้นตัวแรง q-q จากทั้งน้ำมันและ non-oil ทำได้ดี และรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมดีขึ้น
-แม้ 3Q25 ธุรกิจน้ำมันจะอ่อนลงตามปัจจัยนอกฤดูกาล แต่เราเห็น non-oil ขยายตัวได้ดีกว่าคาด
-เก็งกำไรงบที่จะเพิ่มขึ้นเด่น q-q ได้ ราคาหุ้นมีส่วนลดจากคู่แข่งถึง 28.6% คงคำแนะนำ “ซื้อ”
2Q25 กำไรสุทธิ 312 ลบ. เพิ่มขึ้น +64% q-q จากทั้งน้ำมัน และกลุ่ม non-oil รวมถึงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัทร่วมดีขึ้นมาก : สรุปตามกลุ่มดังนี้
กลุ่มน้ำมัน ปริมาณขายน้ำมันหดตัว -0.9% y-y แต่เพิ่ม +2.0% q-q อยู่ที่ 1,700 ล้านลิตร ปริมาณขายที่ลดลง y-y สองไตรมาสติดต่อกันจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ ขณะที่ค่าการตลาดอยู่ที่ 1.66 บาท/ ลิตรต่ำกว่าเป้าหมายที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตรเนื่องจากเดือนมิ.ย. ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นแรงแต่ไม่สามารถปรับราคาขายให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นได้ทันทำให้กระทบต่อค่าการตลาดในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดีค่าการตลาดยังดีกว่า 2Q25 ที่ 1.62 บาทต่อลิตร
กลุ่ม non-oil ยอดขายเพิ่ม +36% y-y +5% q-q อยู่ที่ 5,621 ลบ. ตามการเพิ่มขึ้นของยอดขายร้านกาแฟพันธุ์ไทยและสาขาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสิ้น 2Q25 มีอยู่ 1,642 สาขา อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 27.0% จาก 21.8% ใน 2Q24 และ 24.9% ใน 1Q25 จากยอดขายเพิ่มขึ้น
ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร เพิ่มขึ้น +22 % y-y และ +6% q-q จากการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นสำหรับร้านกาแฟพันธุ์ไทย 166 สาขาส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม อยู่ที่ 75 ลบ.จาก 64 ลบ. ใน 1Q25 จากการดำเนินงานที่ดีขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มปาล์มคอมเพล็กซ์หลังปรับการขายสินค้าอื่นทดแทน B100 และโอเลอีน
ผบห.ปรับลดเป้าธุรกิจลงจากดิม : จากแนวโน้มปริมาณขายน้ำมันในครึ่งปีแรกลดลง -2% y-y ทำให้ PTG มีปรับลดเป้าปริมาณขายน้ำมันจากเดิม จากที่เพิ่ม 5-10% y-y เป็นเหลือเพียงโต 1-3% y-y ประกอบกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมมีการแข่งขันเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดรุนแรง ขณะที่การเปิดสถานีบริการคาดจะมีเพียง 50 สถานีเท่านั้น แต่เน้นปรับปรุงสถานีบริการเดิมเพื่อกระตุ้นยอดขายน้ำมัน รวมถึงสินค้าอื่น ๆ เพิ่มเติม
ส่วนยอดขายกลุ่ม non-oil นั้นมีการปรับขึ้นเป็นเติบโต 50-60% y-y หลัก ๆ จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายกาแฟพันธุ์ไทย มีแผนจะเปิดร้านกาแฟพันธุ์ไทยเพิ่มเป็น 1,947 สาขา โดยยอดขายกาแฟพันธุ์ไทยดีขึ้นต่อเนื่องจากผลของบัตร Max card ทำให้ยอดขายขยับขึ้นมากกว่า 200 แก้ว/ วัน/ สาขา
เราปรับประมาณการกำไรลง 4% : อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานครึ่งปีแรกกำไรสุทธิ 502 ลบ. คิดเป็น 49% ของประมาณการ อีกทั้งปกติไตรมาส 3 จะเป็นช่วงนอกฤดูกาลยอดขายน้ำมันจะหดตัว q-q ทำให้เราปรับลดประมาณการลงจากเดิม 4% ปรับปริมาณขายลงเหลือ 6,737 ล้านลิตร ทรงตัว y-y จากเดิมคาด +2.9% y-y ค่าการตลาด 1.67 บาท/ ลิตร และปรับกำไรสุทธิลงเหลือ 990 ลบ. -3% y-y
จากแรงกดดันจากภาครัฐที่น้อยลงทำให้การดำเนินงานกลุ่มน้ำมันมีทิศทางดีขึ้น เราปรับราคาเหมาะสมเพิ่มเป็น 8.30 บาท โดยปรับ P/E ขึ้นเป็น 14.0 เท่า จาก 12.0 เท่า
Non-oil ดีขึ้นอย่างมีนัย
“ แม้แนวโน้มการดำเนินงาน 3Q25 จะอ่อนลง q-q จากปัจจัยนอกฤดูกาล แต่แนวโน้มค่าการตลาดกลุ่มน้ำมันที่กลับมาฟื้นตัว ประกอบกับการดำเนินงานกลุ่ม non-oil ที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากการประหยัดต่อขนาดตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น
PTG ยังเป็นตัวเลือกต้น ๆ ในกลุ่มสถานีบริการที่เราชอบ และยังชอบมากขึ้นจากธุรกิจ non-oil ที่ทำได้ดีขึ้นจน ผบห.ปรับเป้ารายได้ และอัตรากำไร แม้ upside จากราคาเป้าหมายใหม่อาจเหลือน้อย แต่หากราคาปรับลงยังคงแนะนำ ทยอยซื้อ ได้อย่างสบายใจ เนื่องจาก P/E25E ที่ 13.1x มีส่วนลดจากคู่แข่งรายใหญ่ถึง 28.6% และให้ปันผลสม่ำเสมอ 4.5% ”
นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th