ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

29 ส.ค. 2568 09:11:41 169

Market Wrap-Up

SET วันที่ 28 ส.ค.68 ปิด +06 จุด อยู่ที่ 1,250.09 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,798 ลบ. ต่างชาติซื้อ 51 ลบ. รายย่อยซื้อ 635 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 346 ลบ. และสถาบันขาย 339 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 644 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,BBL,KTB,COM7,BGRIM และยอดขายหุ้น DELTA,CPALL,PTT,TRUE,CPF มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,438 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TDEX,QH,SIRI โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 7,627 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 88,959 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,093 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ +16%, S&P500 +0.32%, Nasdaq +0.53% นำโดยกลุ่มบริการสื่อสาร +0.94%, พลังงาน +0.68% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค -0.87%, อุปโภค -0.46% โดยนักลงทุนยังคาดเชิงบวกต่อการเติบโตของอุต ฯ AI ส่วนข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 5,000 ราย อยู่ที่ 229,000 & คาด 233,000 ราย ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.20% จากแรงขายกลุ่มบริการสุขภาพ -0.8% นำโดย Sanofi -1.4% ขณะที่กลุ่มยานยนต์ +0.6% และเหมืองแร่ +0.7% ปรับขึ้นตามราคาทองแดง
Market View
ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA,S&P500 ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ ได้ปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ในอุต ฯ ชิป Ai ที่คาดยังอยู่ในระดับสูง โดยทาง Nvidia ได้ตั้งงบประมาณลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของ AI ในช่วง 10 ปีข้างหน้าไว้ที่ 3 – 4 ลล.ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลบวกไปยังหุ้นในอุต ฯ AI เช่น Alphabet, Amazon, Broadcom ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ US GDP Q2/68 ครั้งที่ 2 +3.3% สูงกว่าครั้งแรกที่ +3.0% QoQ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 5,000 รายอยู่ที่ 229.000 ราย ขณะที่ค่ำวันนี้ติดตามรายงาน US Core PCE ก.ค. คาด 2.9% & มิ.ย. 2.8% YoY เป็นดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อสหรัฐก่อนการประชุม ก.ย.
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มเฮลธ์แคร์ หลัง Sanofi -36% และกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ผันผวน โดย ASML -0.85% , ASM +3.7% หลัง Nvidia ยังไม่ความแน่นอนเกี่ยวกับการส่งออกชิป Ai ไปยังตลาดจีน ขณะที่กลุ่มยานยนต์ +0.6% หลังยอดขายรถยนต์ในยุโรป ก.ค. +5.9% ซึ่งเป็นระดับสูงในรอบกว่า 1 ปี ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม CPI ฝรั่งเศส, เยอรมัน, สเปน, อิตาลี ส.ค.
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.14%, นิเกอิ +0.73% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Ai และเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่ฮั่งเส็ง -0.81% หลัง Meituan แพลตฟอร์มส่งอาหารของจีนเผยขาดทุนในไตรมาสปัจจุบัน สาเหตุมาจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ธ.กลางเกาหลีใต้ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP เกาหลีใต้ปีนี้ที่ 0.9% & เดิมคาดที่ 0.8% หลังการบริโภคเริ่มฟื้นตัว กอปรกับสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ
SET วานนี้ +0.17% ปริมาณการซื้อขาย 3.57 หมื่น ลบ.ต่างชาติซื้อ 51 ลบ. รายย่อยซื้อ 635 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 346 ลบ. และสถาบันขาย 339 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มขนส่ง, ท่องเที่ยว จากคาดการณ์กำไรในงวด Q4/68 จะฟื้นตัวในช่วง High Season จากนักท่องเที่ยวจีนในช่วง Golden Week ต.ค.กอปรรัฐบาลอาจออก ม.กระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติมในช่วงปลายปี ส่วนกลุ่มธนาคาร +1.2% หลัง BBL,KBANK,SCB,TISCO,
KKP,BAY ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งปี ขณะที่กลุ่มอิเล็ก ฯ -2.46% ปรับลดลงตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชีย หลังนักลงทุนยังไม่มั่นใจต่อนโยบายของสหรัฐที่ควบคุมการขายชิป Ai ในตลาดจีน โดยภาพรวมนักลงทุนยัง Wait & See ระหว่างรอศาล รธน.วันนี้ในช่วงบ่ายจะวินิจฉัยกรณีคลิปเสียงของนายก ฯ กับฮุนเซน ว่าเข้าข่ายผิดจริยธรรมหรือไม่ ซึ่งหาก 1) นายก ฯ ไม่ผิด ก็ปฏิบัตหน้าที่ โดยอาจมีกระแสการชุมนุมต่อต้านจากฝั่งตรงข้าม ซึ่งอาจกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลในอนาคตได้ หรือ 2) หากตัดสินว่าผิด ก็มีทางเลือก 2 ทาง คือ นายก ฯ ลาออกและสรรหานายก ฯ ท่านใหม่ หรือยุบสภา ซึ่งนักวิเคราะห์การเมืองคาดจะเป็นการสรรหานายก ฯ ใหม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยน่าจะเสนอชื่อคุณชัยเกษม นิติสิริ ส่งผลให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้ โดยดัชนีมีโอกาสตอบสนองในเชิงบวกหลังมีความชัดเจนทางการเมือง

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,240 แนวต้าน 1,260 คาดดัชนีทรงตัวระหว่างรอศาล รธน.วินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายก ฯ ในวันศุกร์นี้ แนะนำทยอยซื้อ GULF,GPSC,BGRIM,ADVANC ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และการลงทุนในธุรกิจ Data Center /กลุ่มท่องเที่ยว , รพ. CENTEL,ERW,BH,BCH คาดรายได้มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง High Season
COCOCO* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.25 บาท) แนวโน้มกำไร 3Q68 คาดฟื้นตัว QoQ ได้ต่อจากการเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจที่เป็นช่วงหน้าร้อนของยุโรปและสหรัฐฯ ตลาดส่งออกน้ำมะพร้าวขยายตัวได้ดี และแนวโน้ม margin น่าจะฟื้นตัวจากต้นทุนมะพร้าวที่ปรับลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี รวมถึงการทยอยปรับเพิ่มราคาขาย 5-10% ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 68 ที่ราว 7-8 พันล้านบาท และปี 69 ที่ 1 หมื่นล้านบาท หนุนจากการออกสินค้าใหม่ ขณะที่การไปผลิตกะทิที่ฟิลิปปินส์ 1Q69 จะช่วยให้ต้นทุนของธุรกิจนี้ลดลง ตลาดคาดการณ์กำไรปี 68-69 ที่ 519 ล้านบาท -24%YoY และ 835 ล้านบาท +61%YoY
BH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) กำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 1,858 ลบ. (-4%YoY, +7% QoQ ) โดย กดดันจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่ยังอ่อนตัวลง -7%YoY (แต่มีพัฒนาการเชิงบวกขึ้นบ้างจาก 1Q68 ที่ -10%YoY ส่วนนึงเพราะรอมฎอนปีนี้ที่อยู่ในช่วง 28ก.พ.-29มี.ค.68 ) ด้านการดำเนินงานในช่วง 3Q68 คาดว่าจะ +QoQ ได้ตามฤดูกาล ส่วน YoY แม้อาจกดดันจากรายได้ผู้ป่วยกัมพูชา แต่คาดว่ารายได้ยังจะสามารถ +low single digit%YoY ได้ จาก 1.กลุ่มตะวันออกกลางซึ่งคาดว่าจะมีพัฒนาการดีต่อเนื่อง และ 2.การปรับราคาบริการขึ้นในช่วงต้นปีนี้ ปัจจุบัน เราคาดกำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 ของ BH ที่7,460 ลบ.(-4%YoY) และ 7,901 ลบ.(+6%YoY) ตามลำดับ

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ต.ค.+$0.45 อยู่ที่ $64.60 / บาร์เรล, Brent ต.ค. +$0.56 อยู่ที่ $68.62/บาร์เรล หลังรัสเซียโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธที่กรุงเคียฟ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่ยูเคนได้โจมตีโรงกลั่นน้ำมันรัสเซีย 2 แห่ง

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$25.70 อยู่ที่ $3,474.30 /ออนซ์ นักลงทุนเลือกถือสินทรัพย์ปลอดภัย หลัง ปธน.ทรัมป์สั่งปลดคณะกรรมการเฟด Lisa Cook ซึ่งอาจส่งผลต่อความเป็นอิสระของเฟด และรอข้อมูล US PCE ก.ค. ในช่วงค่ำวันนี้

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -28.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +1.58 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -17.04 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -13.48 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 32.25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.208 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -29 อยู่ที่ 2,017

(+) BitCoin เช้านี้ +0.76% อยู่ที่ 112,180 ดอลลาร์สหรัฐ

(+) Tokyo Core CPI ส.ค. อยู่ที่ 2.5% & ก.ค. 2.9% YoY

Economic Calendar

ในประเทศ

20 พ.ค. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/67

31 พ.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ,การค้าชายแดน

และการค้าผ่านแดน

สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

20 พ.ค. US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ

22 พ.ค. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (เม.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

23 พ.ค. US รายงานการประชุมของ FOMC

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.)

US ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU,COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio May 2024: GFPT*, SAPPE*, OSP*, ITC*, ICHI*, CPALL

Analysts

Apichai Raomanachai