ภาพตลาดและแนวโน้ม
Wealth Insight ทองคำ: สินทรัพย์ทางเลือกท่ามกลางโลกที่ไร้สมดุล
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมากว่า 105% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 ราคาทองคำได้แกว่งตัวในกรอบ ทำให้อาจเกิดคำถามตามมาว่าการแกว่งตัวดังกล่าว เป็นเพียงการพักฐานระยะสั้น หรือจบวงจรขาขึ้นแล้ว
เรามองว่าการพักตัวดังกล่าวเป็นเพียงการพักฐานชั่วคราวจากภาวะ Technical Overbought ทั้งนี้ การที่ราคาทองสามารถรักษาระดับได้แม้ว่าจะปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงในช่วงก่อนหน้านี้ ชี้ถึงแรงซื้อที่ยังแข็งแกร่งและมีเม็ดเงินพร้อมเข้าสนับสนุน นอกจากนั้นการฟอร์มตัวของราคายังทำรูปแบบ Ascending Triangle ซึ่งถือเป็นสัญญาณ Bullish ต่อราคาทองคำ จึงทำให้คาดว่าการอ่อนตัวของราคาทองคำในช่วงนี้เป็น Healthy Correction ที่ช่วยลดความร้อนแรงและเพิ่มเสถียรภาพต่อการปรับตัวขึ้นในรอบใหญ่ มากกว่าจะเป็นสัญญาณการเปลี่ยนทิศทางเป็นขาลง
ในระยะสั้น ราคาทองคำยังคงเผชิญแรงกดดันจากสองปัจจัยสำคัญหลัก ได้แก่ โอกาสที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะกลับมาแข็งค่าหลังจากสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา และสัญญาณทางเทคนิคที่สะท้อนถึงภาวะร้อนแรงเกินไป
หากมองในกรอบระยะกลางถึงระยะยาว เราประเมินว่าโครงสร้างของราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักคือความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ในโลกที่เต็มไปด้วยหลายขั้วอำนาจ ซึ่งผลักดันให้ธนาคารกลาง โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ เดินหน้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อกระจายความเสี่ยงในเงินทุนสำรอง
นอกจากนั้นทิศทางของนโยบายการเงินสหรัฐฯ กำลังกลับเข้าสู่วัฏจักร ผ่อนคลาย อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yield) มีแนวโน้มลดลง ทำให้สภาพแวดล้อมเอื้อต่อการลงทุนในทองคำมากขึ้น ขณะเดียวกันกระแสเงินทุนที่เคยไหลออกจากกองทุน ETF ทองคำรวมกว่า 645 ตันในช่วงปี 2021–2023 เริ่มพลิกกลับเป็นแรงซื้ออีกครั้งด้วยมูลค่า 279 ตัน นับตั้งแต่ต้นปี 2025 โดยแรงซื้อน่าจะมีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเฟดเริ่มลดดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้ในรอบถัดไป
เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทองคำในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยประเมินว่าราคามีแนวโน้มขยับขึ้นสู่เป้าหมายระยะยาวที่ $5,000 ต่อออนซ์ โดยมีกรณีฐานอยู่ที่ประมาณ $3,560 ต่อออนซ์ภายในปี 2026 แม้ระยะสั้นจะเผชิญแรงกดดันจากค่าเงินและความตึงตัวของโมเมนตัมราคา แต่การปรับฐานควรถูกมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ภายใต้บริบทของโลกที่ยังคงเปราะบางจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนด้านนโยบายเศรษฐกิจทั่วโลก
กองทุน US ETF: แนะนำ iShares Gold Trust (IAU)
กองทุนรวมในประเทศ: กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ (SCBGOLD)
สรุปภาพตลาดวานนี้
หุ้นไทยย่อเล็กๆ วานนี้ แรงขาย PTTEP IVL SCC GULF TRUE TLI CPAXT ส่วนหุ้นบวกสวนกระจายไปยัง CRC CPN DELTA ADVANC MTC BDMS HMPRO เป็นต้น
แนวโน้มตลาดวันนี้
เลือกสะสมหุ้นเมื่อราคาอ่อนตัว
วันนี้คาดตลาดหุ้นไทย Sideways ต่อเนื่องและการพักฐานเป็นโอกาสในการ เลือกหุ้นเล่นรอบ โดยเมื่อวานหุ้นกลุ่มโรงแรมเริ่มบวกตามที่เราคาด เช่น CENTEL ERW ยกเว้น MINT ที่ยังย่อมาให้รับเพิ่มอยู่
เรายังคงกลยุทธ์ เลือกซื้อหุ้นตามปัจจัยเฉพาะตัว ยกตัวอย่างหุ้นที่เราเพิ่มเข้าพอร์ต ส่วนใหญ่อิงตาม ภาวะเศรษฐกิจโลกคลี่คลายจากประเด็นภาษีตอบโต้ ต่อด้วยแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงช่วยลดต้นทุน และแนวโน้มถัดไป คือ “บาทอ่อน”
คาดแนวโน้มที่จะเกิดตามมาหลังจากนี้ คือค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งเป็นไปตามทิศทางดอกเบี้ยในประเทศ และการอ่อนค่าน่าจะช่วยหนุนธุรกิจที่เชื่อมโยง เช่น นิคมอุตสาหกรรม, โรงแรมท่องเที่ยว ส่งออก เพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ด้านปัจจัยบวก/ลบ ที่ต้องติดตามในช่วงนี้
(0/-) ปรับพอร์ต MSCI ไปแล้วเมื่อวาน/ FTSE ปรับหุ้นใหม่มีผล 19 ก.ย. ลด CPAXT ไปกลุ่ม MID Cap, BGRIM SAWAD ลดไปกลุ่ม Small Cap
(0/+) คดีถอดถอนนายก ปมคลิปเสียง ศาลฯนัดพิจารณาลงมติ 29 ส.ค.
(0/+) ติดตามผลสำรวจทิศทางดอกเบี้ยเฟดหลังจากนี้
กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ถือหุ้นปันผล สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลระหว่างกาลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร
วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ย่อ! เทรดอยู่ในโครงสร้างคลื่นขาลง corrective wave ตามแผน…ปัจจุบันเปลี่ยนจากคลื่น “b” เป็น “c“ สัญญาณเริ่มชัดขึ้น จับตาตำแหน่งตัวเลข Fibo retracement 23.6% ตรงกับเส้น EMA 25 วัน มองเป็นโซนรับแรก 1,230 จุด หากหลุดมีโอกาสลงมที่โซนรับถัดไป 1,200 จุด (Fibo 38.2%) ขณะที่โมเมนตัม MACD alert! ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าแล้ว
สรุป: ดัชนีมีโอกาสปรับฐาน..สำหรับนักลงทุนที่เล่นรอบ แนะระมัดระวัง....โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารออกอาการเซ! ไม่สามารถทำ high ใหม่
คุณสมบัติWave c: นักทุนจะขายหุ้นถอดใจ เนื่องจากดัชนีไม่สามารถทะลุขึ้นทำ high + เครื่องมือทางเทคนิคจะเตือนและปรับตัวลงนำไปก่อนแล้ว! นับเป็นคลื่นสุด้ทายของคลื่นขาลง a-b-c
ไฮไลท์หุ้นแนะนำ: หยิบเรื่อง IPHONE 17 …ใกล้เปิดตัว! มาวิเคราะห์กันอีกครั้ง / แผนเล่นรอบ “KTB” แรง แต่!ปิดไม่สวย... / วิธีแก้มือ PTTGC & WHA / CPN จับตาสัญญาณ Golden cross….ติดตามการวางแผนในหน้าเลือกหุ้นเด่นประจำวัน
What to watch
FTSE จะปรับหุ้นใหม่ มีผล 19 กย. ลด CPAXT ไปกลุ่ม MID Cap, BGRIM SAWAD ลดไปกลุ่ม Small Cap และ มีหุ้นถอดออกจาก Small Cap ได้แก่ BEC BSRC FORTH PSH SINGER SUPER THANI TKN TQM
ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติคดีปมคลิปเสียงนายกฯ วันที่ 29 ส.ค.และ วันที่ 9 ก.ย. เวลา 10:00 น. ศาลฏีกาได้นัดฟังคำสั่ง คดี “ทักษิณรักษาตัวชั้น 14” การสะดุดของรัฐบาลอาจมีผลผูกพันไปยังงบประมาณที่กำลังจะผ่านสภาฯ-อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณปี 68-69
ตลท.จัดงาน Thailand Focus 2025: Beyond the Challenges ก้าวข้ามความท้าทายสู่โอกาสลงทุนใหม่ 27-29 ส.ค. มี 75 สถาบันทั่วโลกเข้าร่วม ดึง 180 นลท.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 91.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย.นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือน ธค. (เหลือลดดอกเบี้ยแค่ 2 ครั้ง) หลังจากประฐานเฟด แถลงในงานเสวนา Jackson Hole พร้อมด้วยท่าที ต่อนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย
สภาฯผ่าน กม.ตั๋วร่วม วาระ 3 เตรียมส่ง สว.พิจารณาต่อไป จาก กม.ทั้ง 3 ร่างที่ต้องผ่าน สภาเพื่อเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ขั้นตอนทั้งหมดคาดแล้วเสร็จและจะเริ่มโครงการดังกล่าวได้ใน เดือน พ.ย.นี้
หุ้นแนะนำวันนี้
MINT ธุรกิจโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศของ MINT เริ่มเห็นสัญญาณ RevPar ที่ดีขึ้นเริ่มตั้งแต่เดือน กค.เป็นต้นมา คาดปิดเดือน ส.ค.ยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง
แนวรับ 23.5 ต้าน 24.5 Stop loss 23
รายงานพื้นฐานวันนี้
Retail Finance Sector
เห็นสัญญาณอะไรจากกำไร 2Q25
กำไรสุทธิ 2Q25 ของกลุ่ม Retail Finance อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY และ 6% QoQ จากสินเชื่อเติบโตและ cost/income ratio ปรับลดลง โดยกำไรที่ออกมาเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด ทั้งนี้ SAWAD เป็นบริษัทเดียวที่รายงานกำไร 2Q25 ออกมาดีกว่าคาด ส่วนบริษัทอื่นรายงานกำไรออกมาเป็นไปตามที่เราคาด
โดยใน 2Q25 บริษัทที่รายงานกำไรเติบโตโดดเด่น YoY นำโดย TIDLOR ที่ 20% YoY ตามมาด้วย MTC ที่ 14% YoY และ KTC ที่ 4% YoY ส่วนกำไรสุทธิ 2Q25 ของ SAWAD ทรงตัว YoY
ทั้งนี้ เราเห็นสัญญาณบวก 2 เรื่องใน 2Q25 คือ
1) เราเห็น NIM ปรับเพิ่มขึ้น 34bps QoQ จากอัตราผลตอบแทนสินเชื่อเฉลี่ยที่สูงขึ้น QoQ และ
2) คุณภาพสินทรัพย์ของ KTC และ TIDLOR ปรับตัวดีขึ้น QoQ ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ของ MTC และ SAWAD ก็ค่อนข้างทรงตัว
อย่างไรก็ตาม เราเห็นสัญญาณลบ จาก
1) สินเชื่อที่เติบโตช้าลงใน 2Q25
2) เราจึงประเมินว่าทิศทาง NIM ของกลุ่ม Retail Finance น่าจะปรับลดลงในอัตราที่ชะลอตัวลงในช่วงที่เหลือของปี โดยคาด cost of funds น่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยใน 2H25 โดยคาดว่าผู้ประกอบการจะยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อต่อเนื่อง และเน้นเติบโตในสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ
3) ทำให้เราคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่ม Retail Finance น่าจะยังบริหารจัดการได้ในปีนี้
เราคาดว่ากำไร 3Q25 ของกลุ่ม Retail Finance จะปรับเพิ่มขึ้น 5% YoY จากสินเชื่อเติบโตและ credit cost ลดลง สำหรับภาพรวมกำไรของกลุ่มปีนี้ เราคาดว่าจะเติบโตได้ 4% YoY นำโดย TIDLOR และ MTC ส่วน KTC เราคาดกำไรจะทรงตัว YoY และแนวโน้มกำไรของ SAWAD จะอ่อนตัวลง 6% YoY
Fundamental view: เรายังชอบ TIDLOR มากที่สุด
STGT
(Visit Note)
ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย)
ภาษีคลี่คลายหนุนฟื้น แต่ราคาขายยังท้าทาย
ความชัดเจนของนโยบายภาษี จะช่วยหนุนความสามารถการแข่งขันของบริษัทในตลาดสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามแนวโน้ม 2H25 ยังเผชิญการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นจากการทุ่มตลาดของผู้ผลิตจีนนอกสหรัฐฯ แต่ปริมาณขายคาดเพิ่มขึ้น จึงคาด ASP มีแนวโน้มลดลงราว 5-7% QoQ จากการแข่งขันด้านราคา ขณะที่ฝั่งต้นทุนคาดปรับตัวลงเช่นกันราว 7-10% เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับตัวลง ด้าน GM คาดทรงตัวจาก 2Q25
Valuation: เรามองว่าบริษัทผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว รอการฟื้นตัวช่วง 2H25 ปัจจุบันเทรดที่ Forward PER 13.3 เท่า หรือระดับ -0.25SD จากค่าเฉลี่ย5ปีที่ 14.4 เท่า
สรุปประเด็นจาก Quick take
CPN
เซ็นทรัลพัฒนา
สรุปประเด็นสำคัญจากการชี้แจงข่าว DUSIT
CPN ถือหุ้นใน DUSIT คิดเป็น 17.09% ตั้งแต่ปี 2018 CPN ได้รับการเสนอให้ส่งตัวแทน เพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นแต่งตั้งเป็นกรรมการ DUSIT ตามสัดส่วนการถือหุ้นโดยไม่มีอำนาจการควบคุมใน DUSIT แต่อย่างใด
View from fundamental: เรามีมุมมองเป็นกลางต่อ CPN ในประเด็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารของ DUSIT คาดจะไม่กระทบต่อโครงการร่วมลงทุน Dusit central park และคาด CPN จะยังไม่เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น DUSIT ระยะอันใกล้
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน