วันพุธที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวผันผวน โดยในช่วงแรกตลาดเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก จากแรงซื้อหนุนในหุ้นDELTA อย่างไรก็ตามมีแรงขายในช่วงท้ายตลาดนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตร เป็นปัจจัยกดดันดัชนีขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการตัดสินคดีของนายกฯ ในวันพรุ่งนี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่1,248.03 จุด -3.23 จุด -0.26% มูลค่าการซื้อขาย 46,883.54 ลบ. Program Trading -1,421.26 ลบ.ต่างชาติ -1,871.91 ลบ. TFEX +4,9129 สัญญา ตราสารหนี้+958.18 ลบ.

ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 147.16 จุด หรือ +0.32% ส่วนดัชนี S&P500ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) เปิดเผยผลประกอบการซึ่งเป็นบริษัทที่ตลาดจับตาผลประกอบการอย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางของหุ้นบริษัทต่าง ๆ ที่ท าธุรกิจเกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI)
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ +1.42% ปิดที่64.15 ดอลลาร์ /บาร์เรล หลังปรับตัวลดลงมากกว่า 2% เมื่อวันอังคาร ได้แรงหนุนจากข้อมูลสต็อกน้ ามันสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาด ขณะเดียวกัน นักลงทุนกำลังพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหลังจากมาตรการภาษีศุลกากรอัตราสูงของสหรัฐฯ ต่ออินเดียเริ่มมีผลบังคับใช้
+ เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ และรัสเซียได้หารือข้อตกลงด้านพลังงานหลายฉบับนอกรอบการเจรจาในเดือนนี้ซึ่งมุ่งสร้างสันติภาพในยูเครนและเปิดโอกาสให้สหรัฐฯผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย
+ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะมีเสียงข้างมากในคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ในไม่ช้า ซึ่งจะสนับสนุนความต้องการของเขาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
+ รมช.คลัง เปิดเผยในการเปิดงานไทยแลนด์ โฟกัส 2025 ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ปัจจุบันคาดการณ์เติบโตไว้ 2.2% แต่จากการเจรจาภาษีกับสหรัฐมีผลออกมาเชิงบวกและอยู่ในอัตราที่ได้เปรียบประเทศคู่แข่ง ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าจะปรับคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีกในครั้งต่อไป ที่สำคัญยังมีพื้นที่ทางการเงินสามารถขยับดอกเบี้ยลงได้อีก และมีความเข้มแข็งทางการคลัง

ปัจจัยลบ
-มาตรการภาษีน าเข้า 50% ของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บจากสินค้าของอินเดีย เริ่มมีผลบังคับใช้ 27 ส.ค. เพื่อลงโทษที่อินเดียยังคงซื้อน้ ามันจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ออกข้อกำหนดในการเรียกเก็บภาษีป้องกันการทุ่มตลาด(anti-dumping duties - AD) และภาษีตอบโต้ (countervailing duties -CVD)กับ 10 ประเทศหลังจากสอบสวนเกี่ยวกับการนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กที่ทนทานต่อการกัดกร่อน
- ทางการจีนระบุว่าการเรียกร้องให้จีนเข้าร่วมการเจรจาลดอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ และรัสเซียนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล และไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
-ธปท. ชี้ว่าภาระหนี้ครัวเรือนที่พุ่งหวั่นเป็นจุดเปราะบางเศรษฐกิจ ส่วนเครดิตบูโรชี้ว่า สัญญาณหนี้เสียเพิ่มต่อเนื่อง

แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยมีแรงหนุนจากการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส 2025 ขณะที่นักลงทุนยังจับตาการเมืองในประเทศ ประเด็นศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติคดีคลิปเสียงนายก ในวันพรุ่งนี้อย่างใกล้ชิด คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,240-1,265 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
-หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : SAWAD TIDLOR THANI NCAP SAK
- รัฐบาลเปิด Sandbox ให้ชาวต่างชาติน าคริปโตแลกเงินบาทผ่านโครงการ TouristDigiPay : ธนาคาร KBANK SCB BAY โรงแรม MINT CENTEL ERW AWC สายการบินAAV BA บันเทิง MAJOR
- ผู้ให้บริการระบบเสนอขาย G-Token : SCB KBANK XPG
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดตัว iPhone 17 : ADVICE COM7 SYNEX SPVI JMART CPW
-เก็งกำไรงานไทยแลนด์ โฟกัส 2025 : ADVANC TRUE CENTEL CPN CRC MINT ERW CENTEL COM7