สรุปภาพตลาดวานนี้
SET ย่อวานนี้ เป็นแรงขายทำกำไรในหลายกลุ่ม เช่น ธนาคาร พลังงาน รพ. ขนส่ง แต่ก็พบความน่าสนใจว่ากลุ่มสื่อสาร ADVANC TRUE THCOM มีแรงซื้อเข้ามาพร้อมกัน อีกทั้งพบว่ามีการเล่นเป็นรายตัวฉีกกลุ่มอย่าง ITC HANA KTB TTB HMPRO COM7 เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้
เลือกสะสมหุ้นเมื่อราคาอ่อนตัว
ตลาดหุ้นไทยเดินทางมาถึงกลางสัปดาห์ “ขึ้นวันจันทร์ลงวันอังคาร กลับมาอยู่ที่เดิม” และหุ้นที่ย่อแรงกว่า SET ได้แก่หุ้นที่มีข่าวเชิงลบเฉพาะตัว เช่น BEM BTS (เหตุงบประมาณที่จะใช้กับโครงการ 20 บาทตลอดสาย ผ่าน กม.ใช้งบฯไม่ทันอาจต้องเลื่อนไปกลางเดือน พ.ย.)
เราคงกลยุทธ์เลือกซื้อหุ้นตามปัจจัยเฉพาะตัว ยกตัวอย่างหุ้นที่เราเพิ่มเข้าพอร์ต ส่วนใหญ่อิงตาม ภาวะเศรษฐกิจโลกคลี่คลายจากประเด็นภาษีตอบโต้ ต่อด้วยแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงช่วยลดต้นทุน และแนวโน้มถัดไป คือ “บาทอ่อน”

คาดแนวโน้มที่จะเกิดตามมาหลังจากนี้ คือค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งเป็นไปตามทิศทางดอกเบี้ยในประเทศ และการอ่อนค่าน่าจะช่วยหนุนธุรกิจที่เชื่อมโยง เช่น นิคมอุตสาหกรรม, โรงแรมท่องเที่ยว ส่งออก เพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ด้านปัจจัยบวก/ลบ ที่ต้องติดตามในช่วงนี้
(0/-) ปรับพอร์ต MSCI ไปแล้วเมื่อวาน/ FTSE ปรับหุ้นใหม่มีผล 19 ก.ย. ลด CPAXT ไปกลุ่ม MID Cap, BGRIM SAWAD ลดไปกลุ่ม Small Cap
(0/+) คดีถอดถอนนายก ปมคลิปเสียง ศาลฯนัดพิจารณาลงมติ 29 สค.
(0/+) ติดตามผลสำรวจทิศทางดอกเบี้ยเฟดหลังจากนี้

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ถือหุ้นปันผล สะสมหุ้นเมื่อราคาย่อลงมาตามแนรับ เน้นไปที่หุ้นผลตอบแทนเงินปันผลระหว่างกาลสูง, หุ้นที่มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ยังคงเทรดอยู่ในโครงสร้างคลื่นขาลง corrective wave a-b-c สัญญาณชัดขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันกำลังเปลี่ยนจากคลื่น “b” เป็น “c” อาจบ่งชี้จบรอบรีบาวด์ระยะสั้น จับตาตำแหน่งตัวเลข Fibo retracement 23.6% ตรงกับเส้น EMA 25 วัน มองเป็นโซนรับแรก 1,230 จุด
สรุป: ดัชนีมีโอกาสปรับฐานระยะสั้น สำหรับนักลงทุนที่เล่นรอบ แนะระมัดระวัง....อย่างไรก็ตามภาพระยะกลางมีโอกาสขึ้นได้อีก อาจรอการปรับฐานย่อยให้เสร็จสมบูรณ์ Impulse wave 3 เป้าหมายใหญ่ 1,330 จุด ลุ้นกันยาวๆ

ไฮไลท์หุ้นแนะนำ: เมื่อตลาดหมุนมาเทรดหุ้นสื่อสาร / KTB….mission break high!/ แผนแก้มือหุ้นแนะนำ: PTTGC (EMA 10 กำหนดจุดซื้อ / EMA 200 วิเคราะห์ เทรนด์) WHA (Impulse wave 3….รอทะลุ EMA 200) TOP (Sideway up & ลุ้นทะลุ EMA 200 วัน)ติดตามการวางแผนในหน้าเลือกหุ้นเด่นประจำวัน

What to watch
FTSE จะปรับหุ้นใหม่ มีผล 19 ก.ย. ลด CPAXT ไปกลุ่ม MID Cap, BGRIM SAWAD ลดไปกลุ่ม Small Cap และ มีหุ้นถอดออกจาก Small Cap ได้แก่ BEC BSRC FORTH PSH SINGER SUPER THANI TKN TQM
ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติคดีปมคลิปเสียงนายกฯ วันที่ 29 ส.ค.และ วันที่ 9 ก.ย. เวลา 10:00 น. ศาลฏีกาได้นัดฟังคำสั่ง คดี “ทักษิณรักษาตัวชั้น 14” การสะดุดของรัฐบาลอาจมีผลผูกพันไปยังงบประมาณที่กำลังจะผ่านสภาฯ-อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณปี 68-69
"กิตติรัตน์" จ่อชงเคาะมาตรการแก้หนี้ประชาชน หนุนเลิกดอกเบี้ย Flat Rate ในธุรกิจลีสซิ่ง
ตลท.จัดงาน Thailand Focus 2025: Beyond the Challenges ก้าวข้ามความท้าทายสู่โอกาสลงทุนใหม่ 27-29 ส.ค.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 91.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย.นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือน ธ.ค. (เหลือลดดอกเบี้ยแค่ 2 ครั้ง) หลังจากประฐานเฟด แถลงในงานเสวนา Jackson Hole พร้อมด้วยท่าที ต่อนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย
รมว.คมนาคม ยอมรับว่า โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คงไม่สามารถเริ่มใช้ได้ทันตามกำหนดเดิมในวันที่ 1 ต.ค.68 เนื่องจากการทำโครงการนี้ จำเป็นต้องผ่านกฎหมาย 3 ฉบับ
ด้านนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม กล่าวว่า กฎหมายทั้ง 3 ฉบับไม่ได้กังวลในขั้นตอนการพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งได้มีการทำความเข้าใจแล้วว่า นโยบายนี้มีส่วนสำคัญ และ สว. จะมีการเร่งพิจารณาให้โดยเร็ว

หุ้นแนะนำวันนี้
MINT ธุรกิจโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศของ MINT เริ่มเห็นสัญญาณ RevPar ที่ดีขึ้นเริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นมา คาดปิดเดือน ส.ค.ยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง
แนวรับ 23.8 ต้าน 25 Stop loss 23.5

รายงานพื้นฐานวันนี้

Healthcare Sector
เลือกเฉพาะ BH และ PR9
ใน 2Q25 ภาพรวมผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลออกมาแบบ “ไม่เท่ากัน” โดยกำไรหลักรวมอยู่ที่ราว 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย +2% YoY แต่ลดลงแรง –11% QoQ สะท้อนแรงกดดันตามฤดูกาล (ช่วงสงกรานต์และวันหยุดยาวทำให้จำนวนผู้ป่วยชะลอ) รวมถึงโครงสร้างผู้ป่วยที่แตกต่างกัน
รายได้รวมของ 4 โรงพยาบาลใหญ่ (BDMS, BH, BCH, PR9) อยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท (+3% YoY, –4% QoQ) อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยเหลือ 37.4% (–10bps YoY, –100bps QoQ) จากสัดส่วนผู้ป่วยที่เปลี่ยนไป

PR9 ทำผลงานโดดเด่นทั้งรายได้และกำไรโต YoY ต่อเนื่อง ขณะที่ BH แม้จะมีแรงกดดันในประเทศ แต่ยังได้แรงหนุนจากผู้ป่วยตะวันออกกลาง ส่วน BDMS ถูกกดดันหนักจากผู้ป่วย CLMV หายไป –4% YoY ใน 2Q25 (และต่อเนื่อง –26% ในเดือน ก.ค. จากปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา) ขณะที่ BCH ก็เสี่ยงเผชิญแรงกดดันลักษณะเดียวกันจากพึ่งพาผู้ป่วยข้ามแดนสูง

มองไปข้างหน้า งาน “Rediscovering Health in Thailand” ที่สถานกงสุลคูเวตจัดขึ้น ก.ย. นี้ จะเป็นตัวเร่งสำคัญ โดย BH มีโอกาสได้อัพไซด์กำไร 5–7% และ PR9 ได้ 3–5% ในปี 2026 จากการกลับมาของผู้ป่วยคูเวต
Fundamental view: เราจึงแนะนำเลือกลงทุนเฉพาะ BH และ PR9 เป็นหลัก และช่วงนี้เลี่ยง BDMS และ BCH ชั่วคราวก่อน

GUNKUL
กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง
โอกาสเติบโต พร้อมการสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว
เราเห็นความไม่แน่นอนจากนโยบายเริ่มคลี่คลาย สืบเนื่องจากปลายปี 2024 ที่ กพช. ชะลอการเซ็น PPA พลังงานแสงอาทิตย์กดดัน sentiment ก่อนหน้า แต่ล่าสุด กพช. ได้มอบหมายให้ กกพ. กฟผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเจรจา FIT ใหม่ภายใน 45 วัน โดยอิงจากต้นทุนโซลาร์ลอยน้ำของ กฟผ. ที่ 1.40-1.50 บาท/หน่วย ขณะที่โครงการลมไม่ได้รับผลกระทบ และไฟเขียวให้เซ็น PPA แล้ว เปิดทางให้ GUNKUL เดินหน้าโครงการลม 284MW ที่ชนะประมูลไว้ ซึ่งจะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำใน ตลาดพลังงานลม

ในส่วนกลยุทธ์การขายหุ้น 50% ของโครงการพลังงานในประเทศให้ GULF เราได้นำรวมในประมาณการแล้ว ซึ่งจะช่วยลด D/E ratio และต้นทุนทางการเงิน ขณะเดียวกันยังสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับผู้เล่นรายใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในประเทศ การซื้อเข้าของ GULF ยังสะท้อนความมั่นใจในผลตอบแทนของโครงการ อีกทั้งยังลดต้นทุน EPC ผ่านการจัดซื้อร่วมกัน

ภาพรวมตามแผน SCOD โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 177MW ในปี 2026 จะเป็นตัวขับเคลื่อนกำไรหลักให้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ในช่วงปี 2026-27 ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมปี 2026-32 คาดโตเฉลี่ย 11% จากสัญญา PPA ที่ชนะการประมูล
Fundamental view: ด้วย Valuation ที่ยังถูก (PER 2025 เพียง 10 เท่า) และแนวโน้มกำไรที่เติบโตจากโครงการลมและการ Synergy กับ GULF เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ GUNKUL ในฐานะ หุ้นโรงไฟฟ้าที่ผสมผสานทั้ง Value และ Growth ได้ลงตัว จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.08 บาท

ICHI
(Visit Note)
อิชิตัน กรุ๊ป
กำไรสูงสุดของปีเลื่อนมา 2H25
แม้ว่ามูลค่าตลาดชาพร้อมดื่มจะหดตัว 4% YoY ใน 1H25 จากกำลังซื้อที่อ่อนแอ สภาพอากาศที่ ไม่ร้อนจัด เหตุการณ์แผ่นดินไหว ทำให้กำไรหลักของ ICHI ลดลง 22% YoY ผู้บริหารมองปีนี้กำไร 2H25 จะดีกว่า 1H25 ซึ่งไม่เหมือน pattern กำไรรายไตรมาสปีก่อนๆ เนื่องจาก utilization เพิ่ม ต้นทุนวัตถุดิบลง และฐานกำไรต่ำ 4Q24
โดยการฟื้นตัว 2H25 ด้วยแรงสนับสนุนจาก 1) การออกสินค้าใหม่ที่เป็น value size ขนาด 840ml หรือขนาด 1 ลิตรซึ่งทำให้ผู้บริโภคซื้อเพราะความคุ้มค่ามากกว่า รสชาดใหม่ โปรโมชั่นร้าน traditional trade และ 2) ธุรกิจ OEM โตจากลูกค้าเจ้าเดิมและเจ้าใหม่ เติบโตตามกำลังการผลิตที่เพิ่ม แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจาก OEM จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัท แต่ไม่มีค่าใช้จ่ายขายและบริหาร ทำให้กำไรจาก OEM ไหลลง bottom line ได้
Our view: ใน 3Q25 มีแนวโน้มเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ สอดคล้องกับประมาณการทั้งปีของ consensus ทำให้เราไม่คาดว่าจะมีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2025 ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น อีกทั้งจากการประชุมล่าสุด ผู้บริหารได้ชี้ให้เห็นว่ากำไรสูงสุดไม่ได้อยู่ใน 1H ตามที่เคยมองไว้ แต่จะไปถึงจุดสูงสุดใน 2H25 โดยเฉพาะใน 4Q25 แทน

สรุปประเด็นจาก Quick take

ITEL
อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม
ITEL ประกาศเพิ่มทุน 31.14% ขายให้บริษัท SEAX Asia ที่ราคา 1.61 บาท
เพิ่มทุนจดทะเบียน 628 ล้านหุ้น (31.14%) ขาย PP ให้กับ SEAX ที่ราคา 1.61 บาท (สูงกว่าราคาปิดวันศุกร์ 7%) คาดเงินเข้าบริษัทราว 1 พันล้านบาท
View from fundamental: เรามองว่าการเข้ามาของพาร์ทเนอร์ดังกล่าวจะเข้ามาหนุน ITEL ในจังหวะของการลงทุนด้าน AI, Cloud, Data center ในประเทศไทยตามการผลักดันของรัฐบาล อีกทั้งในปัจจุบันตลาดอาจจะมอง story หนุนผลประกอบการ ITEL จะอิงกับงานภาครัฐเป็นหลัก ดีลนี้คาดจะปลดล๊อคภาพดังกล่าวและหนุนสัดส่วนรายได้จากงานเอกชน และงานต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้นในอนาคต (และ EBITDA margin น่าจะสูงเนื่องจากเป็นงานส่วน Data services)

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน