หวัง THAILAND FOCUS เป็นตัวดึงดูด FLOW
TOP PICK MTC / PLANB / AMATA
EXTERNAL FACTOR
• วานนี้ DOLLAR อ่อนค่าสู่ระดับ 98.23 คาดมาจากกังวลผลกระทบเชิงลบระยะกลาง -ยาว ในความเป็นอิสระของ FED ถูก ปธน. TRUMP แทรกแซง หลังพยายามปลดผู้ว่าการ FED (LISA COOK) ออกจากตำแหน่ง ด้วยข้อกล่าวหาฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัยขณะที่ COOK มีแนวโน้มจะยื่นฟ้องต่อศาล และอาจได้รับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ยังคงดำรงตำแหน่งและร่วมประชุม FED รอบเดือน ก.ย. 68
• อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นตลาดฯ ยังมีแนวโน้มให้น้ำหนักกับเรื่องดอกเบี้ยขาลงเป็นหลักจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง FOMC ให้มีแนวโน้ม “ผ่อนคลายนโยบายการเงิน”มากขึ้น หากเสียงข้างมากในคณะกรรมการFED อยู่ในฝั่ง TRUMP
INTERNAL FACTOR
• เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงจากการเติบโตต่ำ (SLOW GROWTH) มากกว่า “ถดถอยแบบเป็นทางการ” เพราะปัจจัยขับเคลื่อนหลายด้าน เช่น ภาคท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศ และโครงสร้างแรงงานที่ยืดหยุ่น อีกทั้งไทยยังมีโอกาสเห็นมาตรการที่จะเข้าประคับประคองทั้งนโยบายการคลัง-การเงินในอนาคต
• แต่ยังต้องจับตาความท้าทาย เช่น หนี้ครัวเรือนสูง โครงสร้างประชากรแก่ตัว และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์-ภาษีนำเข้าสหรัฐฯที่อาจกระทบการส่งออกซึ่งองค์ประกอบสำคัญของ GDP
INVESTMENT STRATEGY
• หวังว่างาน THAILAND FOCUS ยังช่วยพยุง SET สถิติเชิงตัวเลขในอดีต (ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี) บ่งชี้ว่าช่วงจัดงาน THAILAND FOCUS SET INDEX มักปรับตัวขึ้นเฉลี่ย +0.65% ซึ่งคนที่เป็นคนซื้อสุทธิ คือ สถาบัน และต่างชาติ ที่ซื้อเฉลี่ย 5.8 ร้อยล้านบาท และ 2.4 พันล้านบาท ตามลำดับ จึงคาดหวังว่า THAILAND FOCUS จะเป็นแรงจูงใจต่อนักลงทุนเช่นอดีต
• ส่วนหุ้นที่มักจะปรับตัวขึ้นได้ดี คือ VGI +5.4%(โอกาสผลตอบแทนเป็นบวก 100%), SAWAD +3.2%(โอกาสผลตอบแทนเป็นบวก 80%), PLANB +2.3%(โอกาสผลตอบแทนเป็นบวก 80%), COM7 +2.1%(โอกาสผลตอบแทนเป็นบวก 100%), DELTA +1.8%(โอกาสผลตอบแทนเป็นบวก 80%) เป็นต้น
ปูทางสู่ดอกเบี้ยขาลง
วานนี้ DOLLAR อ่อนค่าสู่ระดับ 98.23 คาดมาจากกังวลผลกระทบเชิงลบระยะกลาง - ยาว ในความเป็นอิสระของFED ถูก ปธน. TRUMP แทรกแซง หลังพยายามปลดผู้ว่าการFED (LISA COOK) ออกจากตำแหน่ง ด้วยข้อกล่าวหาฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัย ขณะที่ COOK มีแนวโน้มจะยื่นฟ้องต่อศาล และอาจได้รับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ยังคง
ดำรงตำแหน่งและร่วมประชุม FED รอบเดือน ก.ย. 68
อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นตลาดฯ ยังมีแนวโน้มให้น้ำหนักกับเรื่องดอกเบี้ยขาลงเป็นหลัก ซึ่งโทนความเห็นของ COOKออกไปในทางสายเหยี่ยว (HAWKISH) และหาก COOK ถูกปลดออกจากตำแหน่งก่อน ก.พ. 69 ทาง ปธน.ทรัมป์อาจแต่งตั้งคนของตนเองเข้าแทนที่ตำแหน่งที่ว่าง ทำให้มีโอกาสกลายเป็นเสียงข้างมากในคณะกรรมการ และอาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง FOMC ให้มีแนวโน้ม “ผ่อนคลายนโยบายการเงิน” มากขึ้น
อีกประเด็นหนึ่ง ยังมีข้อมูลสนับสนุในการปรับลดดอกเบี้ย ผ่านความกังวลเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ THE CONFERENCE BOARD ลดลงในเดือน ส.ค. 68 เหลือ 97.4 จุด (จากเดือนก่อนที่98.7 จุด) หลังได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงาน อีกทั้งผู้บริโภคเริ่มระมัดระวังในการใช้จ่ายโดยเฉพาะในหมวดสินค้าฟุ่มเฟือย
แม้การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยต่ำ แต่มีความเสี่ยงต่อการเกิด RECESSION น้อย
แม้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา GDP GROWTH ของไทยจะโตไม่มาก โดยหากเปรียบเทียบ CAGR ของ GDP แต่ละประเทศย้อนหลัง 10 ปี (2015 -2024) ไทยอยู่ที่ +1.9% ซึ่งต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม +6.1% อินเดีย +6.0%จีน +5.8% ฟิลิปปินส์ +4.7% อินโดนีเซีย +4.2% มาเลเซีย +3.9% เป็นต้น อย่างไรก็ตามหากพิจารณาความเสี่ยงที่จะเกิด RECESSION ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจาก BLOOMBERG ของไทยลดลงจาก 30% สู่ระดับ 25%(เปรียบเทียบ 1 วันที่ผ่านมา) ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงจากการเติบโตต่ำ (SLOW GROWTH)มากกว่า “ถดถอยแบบเป็นทางการ” เพราะปัจจัยขับเคลื่อนหลายด้าน เช่น ภาคท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศ และโครงสร้างแรงงานที่ยืดหยุ่น ทำให้ไม่เข้าสู่ภาวะ RECESSION ง่ายนัก แต่ยังต้องจับตาความท้าทาย เช่น หนี้ครัวเรือนสูง โครงสร้างประชากรแก่ตัว และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์-ภาษีนำเข้าสหรัฐฯที่อาจกระทบการส่งออกซึ่งองค์ประกอบสำคัญของ GDP
อีกทั้งไทยยังมีโอกาสเห็นมาตรการที่จะเข้าประคับประคองทั้งนโยบายการคลัง โดยล่าสุดครม. อนุมัติงบประมาณ2,000 ล้านบาท (62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อใช้จัดเทศกาลดนตรีนี้เป็นเวลา 5 ปี ไปจนถึงปี 2031 โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก และนโยบายการเงิน โดยทิศทางดอกเบี้ยไทย 2H68 มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ราว 0.25% สะท้อนผ่านตราสารหนี้ไทยอายุน้อยกว่า 10 ปีที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% อีกทั้งภาวะอัตราเงินเฟ้อยังติดลบต่อเนื่องถึง 4 เดือน จึงยิ่งเป็นปฏิกิริยาเร่งใน กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยมากขึ้น
หวังว่างาน THAILAND FOCUS ยังช่วยพยุง SET ได้ไม่มากก็น้อย
THAILAND FOCUS 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27–29 สิงหาคม 2025 ชูความแข็งแกร่งและโอกาสเติบโตของเศรษฐกิจไทย พร้อมเปิดเวทีให้บริษัทจดทะเบียนใน SET100 เสนอต่อกลุ่มนักลงทุนสถาบันจากทั่วโลก ซึ่งทำให้อาจได้รับเงินลงทุนหรือคำสั่งซื้อเพิ่มจากนักลงทุนสถาบันได้ ซึ่งสถิติเชิงตัวเลขในอดีต (ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี) บ่งชี้ว่าช่วงจัดงาน THAILAND FOCUS SETINDEX มักปรับตัวขึ้นเฉลี่ย +0.65% ซึ่งคนที่เป็นคนซื้อสุทธิ คือ สถาบัน และต่างชาติที่ซื้อเฉลี่ย 5.8 ร้อยล้านบาท และ 2.4 พันล้านบาท ตามลำดับ จึงคาดหวังว่าTHAILAND FOCUS จะเป็นแรงจูงใจต่อนักลงทุนเช่นอดีต
ส่วนหุ้นที่มักจะปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงจัดงาน THAILAND FOCUS (ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี) คือ VGI +5.4%(โอกาสผลตอบแทนเป็นบวก 100%), SAWAD +3.2%(โอกาสผลตอบแทนเป็นบวก 80%), PLANB +2.3%(โอกาสผลตอบแทนเป็นบวก 80%), COM7 +2.1%(โอกาสผลตอบแทนเป็นบวก 100%), DELTA +1.8%(โอกาส
ผลตอบแทนเป็นบวก 80%), AMATA +1.5%(โอกาสผลตอบแทนเป็นบวก 80%), BANPU +1.2%(โอกาสผลตอบแทนเป็นบวก 80%) ส่วนหุ้น TOPPICK เลือก AMATA PLANB จาก THEME THAILAND FOCUS PLAY และ เสริมด้วย MTC ที่ได้ประโยชน์ในยามดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์