สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(27 สิงหาคม 2568)-------- InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 27 สิงหาคม 2568 คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/ลุ้นรีบาวด์ตามแนวรับ หลังลงรับรู้ปัจจัยลบ MSCI Rebalancing ซึ่งมีเงินไหลออกราว 200 ล้านเหรียญใน OR และ HMPRO ไประดับหนึ่งแล้ว ช่วงต่อจากนี้ติดตามการจัดงาน Thailand Focus ที่สถิติในอดีตพบว่า SET จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวก 1 ถึง 5 วันแรกผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ย 1.2% เป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ ด้านเทคนิคตลาดลงมาแนวรับที่ให้ไว้ หากยังพักฐานสั้นเพื่อปรับตัวขึ้นไม่ควรหลุดแนวรับ 1250/1245 การขึ้นมีแนวต้าน 1256/1260
ประเด็นสำคัญ
• รมว. คมนาคมเผยนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายอาจไม่สามารถเริ่มใช้ได้ทันในวันที่ 1 ต.ค. นี้ และอาจเลื่อนไปช่วงกลาง พ.ย. แทน จากการผ่านกฎหมายในสภาที่ล่าช้า จำนวนประชาชนที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” นับตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. มีถึง 1.8 แสนคน
• ครม. รับทราบความคืบหน้าการเปิดจ่ายงบฯ สำหรับนโยบายกระตุ้น ศก. วงเงิน 1.57 แสนลบ. และมีการอนุมัติงบฯ ให้หน่วยงานต่างๆ แล้ว 1.10 แสนลบ. ส่วนเม็ดเงินส่วนที่เหลือจากนโยบายดังกล่าวอีก 2.6 หมื่นลบ. ผอ. สำนักงบฯ ได้โอนเงินดังกล่าวกลับเข้างบกลางเป็นเงินสำรองจ่ายเผื่ออกรณีฉุกเฉิน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการเบิกจ่ายก่อนสิ้นปีงบฯ
• จำนวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยในสัปดาห์ก่อน (18-24 ส.ค.) ที่ 562,870 คน ลดลง 8.2%WoW และพบชะลอตัวในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะ อินเดีย, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จากช่วงก่อนที่เป็นช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องของแต่ละประเทศและเป็นช่วงท้ายของช่วง Summer Holiday ส่วนจำนวน นทท. เดินทางเข้าไทยสะสมทั้งปีนี้ที่ 21,373,361 คน ลง 7.1%YoY
• รักษาการนายกฯ สั่งการในที่ประชุม ครม. ให้ทุกหน่วยงานชะลอการจัดซื้อ จัดจ้าง และเช่าใช้บริการระบบ Cloud เพื่อรอความชัดเจนของแนวทางการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล หรือ National Cloud จากกระทรวงดิจิทัลฯ โดยจะเร่งเสนอแนวทางต่อครม.อีกครั้งใน 1 เดือน
• หัวหน้าผู้แทนเจรจาการค้าอินโดนีเซียเผยว่าสหรัฐฯ ได้ตกลงหลักการยกเว้นภาษีศุลกากร 19% สำหรับโกโก้, น้ำมันปาล์ม และยาง อยู่ระหว่างเจรจาขั้นสุดท้ายและกำหนดกรอบเวลา เรามองหากสหรัฐฯ ยกเว้นเก็บภาษีสินค้าที่สหรัฐฯ ไม่ได้ผลิตข้างต้นจริง จะทำให้มีความเป็นไปได้ที่ไทยจะได้รับยกเว้นเก็บภาษียางเช่นกัน เนื่องจากไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางอันดับ 1 ของโลก ซึ่งจะช่วยตอบสนองความต้องการยางในสหรัฐฯ ได้ และจะเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มยางในระยะถัดไป (STA NER)
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ดัชนี SET มีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดโลกหลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเดือนหน้า แต่ Upside ยังจำกัดเพราะนักลงทุนรอความชัดเจนทางการเมือง โดยวันที่ 29 ส.ค. เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายกฯ ซึ่งอาจกำหนดทิศทางตลาดใน 3 กรณีหลัก 1) หากศาลตัดสิน “พ้นจากตำแหน่ง” หรือหากนายกฯ ลาออกก่อน อาจกดดัน SET ลงแรงช่วงสั้นจากความกังวลสุญญากาศทางการเมือง และต้องติดตามการเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่หรือการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล 2) หากศาลตัดสินว่า “ไม่มีความผิด” ตลาดมีโอกาสฟื้นช่วงสั้นจากแรงซื้อคลายกังวลต่อเสถียรภาพการเมือง แต่ Upside ยังจำกัดเพราะยังมีคดีอื่นที่รอพิจารณา 3) หาก “ยุบสภา” อาจเป็นผลบวกต่อตลาด เพราะทำให้การเมืองชัดเจนขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
กลยุทธ์ลงทุนจึงยังคงแนะนำ “Selective Buy”
แนวรับ – แนวต้าน : 1250/1245– 1256/1260
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
แม้ช่วงสั้นมอง SET จะมีโอกาสปรับขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นโลกหลังประธานเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย แต่คาดตลาดหุ้นไทยมี Upside จำกัด รอติดตามความชัดเจนการเมือง กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานจะยังเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและจากปัจจัยบวกที่มีเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC BCPG GULF SCC TIDLOR
2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET100 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ PTT SIRI HMPRO TTB
3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Laggard Play ซึ่งคาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเลือกหุ้น SET50 ซึ่งราคาหุ้นปรับขึ้น QTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก โดยมี PBV และ PER 2568F < -1SD อีกทั้งมีพื้นฐานดี (กำไรเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่งและมี ESG Ratings A-AAA) แนะนำ BDMS CPALL MTC PTT WHA 2) หุ้น Global Play เพื่อหลบช่วงที่เสถียรภาพทางการเมืองไทยยังมีความไม่ชัดเจน แนะนำ SCC HANA และ 3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง และ/หรือ ดอลลาร์อ่อนค่า (บาทแข็งค่า) แนะนำ กลุ่ม REITs (FTREIT LHSC) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) และกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF GPSC)
Daily Top Picks
GULF: มีโอกาสได้ประโยชน์จากแนวโน้ม Yield ที่เริ่มปรับตัวลง กำไร 2H68 มีโอกาสโตต่อจากโรงไฟฟ้า Jackson (1,200MW, ถือ 49%) รับ Capacity Payment ใหม่ตั้งแต่ มิ.ย. จาก US$30 เป็น US$270/MW-day ส่วน Data Center 25MW เริ่มรับรู้รายได้ ส.ค.นี้ และการ COD โครงการ Solar และ Solar+BESS
HANA: มีโอกาสได้ประโยชน์จากการเก็งกำไรการเปิดตัว iPhone พร้อมโครงการผลิตสินค้าใหม่ด้าน AI คือ Solid-state Cooling Device บริษัทจะติดตั้งสายการผลิตที่โรงงานลำพูนใน 4Q68 และจะเริ่มผลิตใน 1H69 เป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ AI ที่มีโอกาสหนุนผลประกอบการในอนาคต โดยเชื่อว่าลูกค้ารายนี้จะมีศักยภาพในการเติบโตสูง