26 ส.ค. 2568 14:24:45 83
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (26 สิงหาคม 2568 )-----โรงพยาบาลวิมุต โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ เปิดศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ภายใต้คอนเซปต์ "Heart to Heart หัวใจที่ดูแลด้วยหัวใจ" เร่งรับมือวิกฤตโรคร้ายที่ "เดอะแบกของครอบครัว" หรือคนช่วงวัย 30-40 ปี ต้องเผชิญกันมากขึ้น พร้อมเผยกลุ่ม Gen Y เสี่ยงโรคหัวใจมากขึ้นอย่างน่ากังวล อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของคนรุ่นใหม่ โดยความเสี่ยงต่อโรคหัวใจในคนอายุน้อยนับเป็นความท้าทายเชิงโครงสร้างที่กระทบต่อศักยภาพแรงงานและประสิทธิภาพการทำงานของประเทศ การเปิดศูนย์ความเป็นเลิศ (Center of Excellence) แห่งใหม่ สะท้อนการเดินหน้าแก้ปัญหาอันท้าทายของระบบสุขภาพไทยของ รพ. วิมุต ด้วยการสร้างระบบนิเวศที่รองรับ "การรักษาเชิงลึก" และ "การป้องกันก่อนป่วย" อย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) รวมถึงกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งพบได้มากขึ้นในกลุ่มคนที่อายุน้อยลงเรื่อย ๆนพ.นิพัฒน์ กุหลาบขาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า "โรคหัวใจและหลอดเลือด ยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลกและประเทศไทย ซึ่งนับเป็นโรคซับซ้อนที่ต้องอาศัยทั้งความชำนาญเฉพาะทางและเทคโนโลยีขั้นสูง ปัจจุบัน เราพบว่ากลุ่มวัยทำงาน โดยเฉพาะ Gen Y มีอัตราการป่วยจากโรคนี้เพิ่มขึ้น จากทั้งความเครียด การทำงานหนัก และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพ การเปิดศูนย์หัวใจและหลอดเลือดของเราในวันนี้ จึงเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อยกระดับการดูแลโรคหัวใจอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การป้องกัน การคัดกรองความเสี่ยง การวินิจฉัย ไปจนถึงการรักษาที่ผสานเทคโนโลยีทางการแพทย์ ข้อมูลสุขภาพเชิงลึก และการดูแลที่ปรับให้ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Care) รพ. วิมุต มุ่งสร้างระบบการบริการที่เข้าใจผู้ป่วยและสอดรับเทรนด์สุขภาพของโลกยุคใหม่ เพราะทุกวันนี้ คนไม่ได้ต้องการโรงพยาบาลที่เป็นแค่สถานที่รักษา แต่ต้องเป็นพันธมิตรด้านสุขภาพที่สามารถ 'ดูแลชีวิต' อย่างเข้าใจและครอบคลุมไลฟ์สไตล์จริง"ปัจจุบัน โรคหัวใจกลายเป็นปัญหาสุขภาพเร่งด่วนของโลกที่ก้าวข้ามขอบเขตเรื่องอายุ โดยโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลก ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2022 ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคกลุ่มนี้ราว 19.8 ล้านคน หรือคิดเป็น 32% ของการเสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก โดยกว่า 85% เกิดจากภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ ในปี 2021 พบว่า 38% ของผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร (อายุต่ำกว่า 70 ปี) จากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดสถานการณ์ในประเทศไทยก็ไม่แตกต่างกัน ข้อมูลจากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 พบว่ามีผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดสะสมมากกว่า 2.5 แสนราย และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 4 หมื่นราย หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 5 คน แม้ในอดีตโรคหัวใจและภาวะหัวใจวายมักพบในผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันแนวโน้มกลับเปลี่ยนไปอย่างน่ากังวล โดย American College of Cardiology ระบุว่า 1 ใน 5 ของผู้ป่วยหัวใจวายมีอายุต่ำกว่า 40 ปี และระหว่างปี 2000–2016 อัตราการเกิดหัวใจวายในคนอายุ 20–30 ปีเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2% ปรากฏการณ์นี้สะท้อนว่าคนวัยทำงานตอนต้นกำลังเผชิญปัญหาหัวใจเร็วกว่าที่เคย แม้อยู่ในวัยทำงานที่ร่างกายยังแข็งแรง แต่ด้วยภาระงาน ความเครียดจากการหาเงินเลี้ยงครอบครัวและการดูแลผู้สูงอายุในบ้าน ก็เป็นปัจจัยทำให้หัวใจทำงานหนัก เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหลอดเลือดแข็งตัวได้ง่ายขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การนั่งทำงานต่อเนื่องวันละหลายชั่วโมงโดยแทบไม่ขยับตัว การรับประทานอาหารที่มีเกลือ น้ำตาล ไขมันทรานส์ และคอเลสเตอรอลสูง ไปจนถึงอาหารสำเร็จรูป รวมถึงภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนลงพุง ปัจจัยเหล่านี้ เมื่อบวกกับพฤติกรรมอันตรายอย่างการสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และการใช้สารเสพติดบางชนิด ล้วนเร่งให้หัวใจและหลอดเลือดเสื่อม และเพิ่มโอกาสเกิดหัวใจวายได้แม้ในคนอายุน้อย ซึ่งหากคนในครอบครัวมีประวัติโรคหัวใจ ความเสี่ยงก็ยิ่งทวีคูณ ที่น่ากังวลคือ อาการในคนอายุน้อยมักไม่ชัดเจน เช่น แน่นหน้าอก หายใจติดขัด อ่อนเพลีย หรือเวียนศีรษะ ซึ่งมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการทั่วไปจากความเครียด ทำให้พลาดโอกาสรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตกะทันหันนพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาล และอายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ โรงพยาบาลวิมุต เผยว่า "ผู้ป่วยโรคหัวใจในวัยทำงาน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y นับเป็นความท้าทายใหม่ไม่ใช่เฉพาะในวงการแพทย์เท่านั้น แต่เป็นวาระสำคัญของสังคมที่ทุกฝ่ายต้องหันมาดูแล คนวัยทำงาน ซึ่งเป็นกำลังหลักของประเทศ กำลังเผชิญความเครียดสะสม และมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพหัวใจ เราพัฒนาศูนย์หัวใจและหลอดเลือด มาให้ตอบโจทย์ความท้าทายนี้ภายใต้คอนเซปต์ 'Heart to Heart หัวใจที่ดูแลด้วยหัวใจ' ด้วยทีมอายุรแพทย์โรคหัวใจและสหสาขาวิชาชีพที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด พร้อมเทคโนโลยีการแพทย์และห้องปฏิบัติการมาตรฐานสากล เพื่อให้การวินิจฉัยแม่นยำ การรักษาที่รวดเร็ว พร้อมมอบการดูแลเชิงป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เป้าหมายของเราคือไม่เพียงช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัว แต่ให้พวกเขากลับไปมีสุขภาพดีในระยะยาว"ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด รพ.วิมุต พร้อมดูแลด้วยทีมแพทย์หัวใจผู้ชำนาญการที่รักษาด้วยความใส่ใจและความเข้าใจ ภายใต้แนวคิด H.E.A.R.T ได้แก่ H – Holistic Care: ดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม ครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันโรค การตรวจวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจและหลอดเลือด ดูแลทั้งร่างกาย จิตใจ และช่วยปรับวิถีชีวิต เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ E – Expertise: ขับเคลื่อนการรักษาโดยทีมแพทย์หัวใจผู้ชำนาญการในทุกสาขา ร่วมด้วยทีมสหสาขาวิชาชีพที่พร้อมให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุด A – Advanced Technology: ใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือแพทย์ที่มีความแม่นยำสูง อาทิ เครื่องตรวจหัวใจความละเอียดสูง เทคโนโลยีการถ่ายภาพทางการแพทย์ขั้นสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยง และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้รวดเร็ว R – Reliability: สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ป่วยและครอบครัว ด้วยการรักษาที่ปลอดภัย โปร่งใส และตรวจสอบได้ พร้อมระบบติดตามดูแลต่อเนื่องหลังการรักษา เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด T – Tailored Treatment: การรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Care) โดยพิจารณาจากอาการ ภาวะสุขภาพร่วม ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดโรคหัวใจที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตสูงในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะช่วงอายุ 30–40 ปี ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease – CAD) อันเกิดจากการสะสมของคราบไขมันหรือพลัคในผนังหลอดเลือดหัวใจ ทำให้หลอดเลือดตีบแคบและเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ อาการที่พบบ่อยคือเจ็บแน่นหน้าอกโดยเฉพาะเวลาออกแรง เหนื่อยง่าย และหายใจสั้น ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันได้ อีกหนึ่งภาวะที่พบในวัยทำงานคือ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) เกิดจากความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นเร็วไป ช้าไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ โดยสาเหตุอาจมาจากความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมาก ภาวะไทรอยด์ผิดปกติ และการพักผ่อนไม่เพียงพอ อาการที่ควรสังเกต ได้แก่ ใจสั่น เวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย หน้ามืด หรือหมดสติในบางราย ส่วนโรคหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงหรือแข็งเกินไป ทำให้การบีบและคลายตัวของหัวใจไม่เต็มประสิทธิภาพ สาเหตุอาจมาจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคกล้ามเนื้อหัวใจ หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง ซึ่งอาการที่สังเกตได้ เช่น เหนื่อยง่ายโดยเฉพาะเมื่อนอนราบ ขาบวม น้ำหนักขึ้นเร็วจากการคั่งของน้ำ และหายใจลำบากรศ.นพ.ปิยะ สมานคติวัฒน์ ศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า "ความท้าทายในการรักษาโรคหัวใจในปัจจุบัน มาจากการดูแลผู้ป่วยที่มักมีหลายโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ซึ่งล้วนเพิ่มความซับซ้อนในการรักษา สิ่งเหล่านี้ทำให้การรักษาโรคหัวใจต้องอาศัยทั้งความชำนาญเฉพาะทาง การทำงานร่วมกันของทีมสหสาขา และเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง แต่ต้องย้ำว่าแม้เทคโนโลยีการรักษาจะก้าวหน้าเพียงใด การป้องกันโรคด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกายเป็นประจำ และตรวจสุขภาพประจำปีก็ยังคงเป็นวิธีที่ดีกว่าและได้ผลยั่งยืนที่สุด โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปหรือในกลุ่มที่มีปัจจัยสี่ยงเช่น สูบบุหรี่ และผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน จริง ๆ แล้วโรคหัวใจส่วนใหญ่ป้องกันได้ผ่านการเลิกพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม การไม่ออกกำลังกาย และการดื่มแอลกอฮอล์เกิน และเมื่อทำควบคู่กับการตรวจสุขภาพ เราก็จะพบสัญญาณเสี่ยงได้ไว เพื่อจะได้รีบรักษาและปรับพฤติกรรมได้ทันท่วงที"รพ. วิมุต นำเสนอแนวทางการดูแลสุขภาพ "4 ลด – 4 เลิก" สำหรับ Gen Y และทุกเจนที่ต้องการดูแลหัวใจให้แข็งแรง 4 ลด — ลดปัจจัยเสี่ยงสะสม ลดอาหารไขมันสูงและหวานจัด เมนูโปรดของ Gen Y อย่างชานมไข่มุกหรือหมูกระทะ เพิ่มปริมาณไขมันและน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงควรจำกัดความถี่ เช่น จากเดิมที่กินทุกสัปดาห์ให้เหลือเดือนละครั้ง และพยายามกินเมนูต้มหรือนึ่งแทนของทอดเพื่อลดความเสี่ยง ลดโซเดียม อาหารสำเร็จรูปคือทางลัดสุดสะดวกของคนรุ่นใหม่ แต่ก็มักซ่อนโซเดียมในปริมาณสูง ดังนั้นควรอ่านฉลากก่อนซื้อ เลือกเมนูที่ปรุงน้อย และหลีกเลี่ยงการใส่เครื่องปรุงเพิ่ม ก็จะช่วยลดภาระการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมาก ลดน้ำหนักและรอบเอว ภาวะอ้วนลงพุงเป็นปัจจัยเสี่ยงโดยตรงต่อเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง การปรับพฤติกรรมให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวมากขึ้น เช่น เดินวันละ 8,000–10,000 ก้าว ขึ้นบันไดแทนลิฟต์ จะช่วยเผาผลาญพลังงานและลดรอบเอวได้ ลดความเครียดเรื้อรัง ความเครียดจากงานและการกังวลกับภาระต่าง ๆ ในชีวิต ทำให้หัวใจทำงานหนัก เสี่ยงความดันโลหิตสูง และทำให้คุณภาพการนอนลดลง ทุกคนควรหาเวลาส่วนตัวให้ตนเองอย่างน้อยวันละ 15–30 นาทีเพื่อทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ หรือจดบันทึก จะช่วยให้หัวใจได้พักฟื้น4 เลิก — เลิกพฤติกรรมทำร้ายหัวใจ เลิกสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีสารที่ทำลายหลอดเลือดและหัวใจ และเพิ่มโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองในวัยทำงาน การเลิกสูบไม่เพียงช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น แต่ยังทำให้ปอดฟื้นตัวและเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย เลิกนอนดึก–นอนน้อย การนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืนทำให้ร่างกายไม่มีเวลาซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งทำให้ระบบฮอร์โมนแปรปรวน และเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจวาย โดยการตั้งเวลาเตือนปิดหน้าจอ 30 นาทีก่อนเข้านอน และจัดกิจวัตรก่อนนอนที่สม่ำเสมอ จะช่วยให้หลับดีขึ้นและตื่นมาสดชื่น เลิกใช้ชีวิตแบบไม่ออกกำลังกาย การนั่งติดโต๊ะทำงานทั้งวันหรือใช้เวลาว่างไปกับหน้าจอโดยไม่ขยับตัว ทำให้การไหลเวียนเลือดลดลงและหัวใจไม่แข็งแรง การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องหนักหรือใช้เวลานาน เพียงเลือกกิจกรรมที่สนุกและเหมาะกับตนเอง เช่น เต้นตามคลิป ปั่นจักรยาน หรือเดินเล่นหลังเลิกงาน เพียงทำให้ได้รวม 150 นาทีต่อสัปดาห์ก็เพียงพอในการเสริมความแข็งแรงของหัวใจ เลิกละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี ความเสี่ยงต่อโรคร้ายของ Gen Y คือการคิดว่าตัวเองยังแข็งแรงและไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ แต่โรคหัวใจใน Gen Y มักไม่มีสัญญาณเตือนชัดเจน การตรวจคัดกรองไขมัน ความดัน และสุขภาพหัวใจปีละครั้ง จะช่วยให้เจอความผิดปกติตั้งแต่เนิ่น ๆ และรับการรักษาทันท่วงที"การเปิดศูนย์หัวใจและหลอดเลือดของโรงพยาบาลวิมุต ไม่เพียงรองรับวิกฤตด้านสุขภาพที่ต้องเร่งรับมือ แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อร่วมสร้างความมั่นคงให้สังคมและเศรษฐกิจไทย ด้วยภารกิจในการดูแลหัวใจทุกดวงให้แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นคนไข้วันนี้หรือคนทำงานที่ยังไม่มีอาการแต่จำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน โรงพยาบาลวิมุตมุ่งมั่นเป็นพันธมิตรด้านสุขภาพที่จะอยู่เคียงข้างและดูแลให้คนไทยแข็งแรง" นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย กล่าวทิ้งท้ายโรงพยาบาลวิมุต ฉลองเปิดศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ด้วยแพ็กเกจตรวจคัดกรองสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ Vascular Health Check ตรวจสุขภาพหลอดเลือด (ABI – CAC – Carotid Doppler) ในราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 5,500 บาท และ Premium Heart Preventive เจาะลึกความเสี่ยงโรคหัวใจ ราคา 6,900 บาท พร้อมเลือกรับฟรี การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST) หรือ ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echo) ทั้งยังครอบคลุมการตรวจเลือด ปัสสาวะ เอกซเรย์ปอด คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และประเมินความเสี่ยงหลอดเลือด เพื่อให้ทุกคนได้เริ่มต้นดูแลหัวใจอย่างรอบด้าน
: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์
แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้หุ้นพัก นักลงทุนรอจับตา ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายกฯ ใน 29 ส.ค. นี้...
SSP เตรียม COD โซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น Q4/68
Hooninside
สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้
ชื่อหรือรหัสของคุณไม่ถูกต้อง
Please, check your email format before submit.
Please, Enter you password.
Please, Enter minimum 3 character.
Please, Enter minimum 6 character.
กรุณากรอกอีเมล์ที่คุณใช้สมัครสมาชิกแล้วกดส่งเมล์