Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.พาย: Pi Daily

83


Pi Daily พักตัวหลังตลาด Price In ปัจจัยบวกเกี่ยวกับดอกเบี้ยไปแล้ว ประกอบกับนักลงทุนจะรอดูการเมืองภายในประเทศ ช่วงปลายสัปดาห์ ส่วนต่างประเทศตลาดเริ่ม Wait & See รอดูผลประกอบการ NVIDIA

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 349 จุด (-0.77%) เผชิญแรงทำกำไรหลังวันก่อนหน้าปรับขึ้นแรงประกอบกับนักลงทุนรอดูผลประกอบการ NVIDIA ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.58% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนเพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่าสหรัฐฯจะออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย

เมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกประจำเดือน ก.ค. พบว่าขยายตัว 11%YoY แต่หากไม่รวมสินค้าเกี่ยวข้องกับน้ำมันและทองคำขยายตัวได้ดี 16.6%YoY โดยช่วง YTD ขยายตัวได้ 14.7%YoY สำหรับสินค้าที่ขยายตัวได้แก่ไก่สดแช่เย็น (+9.8%YoY) อาหารสัตว์เลี้ยง +9%YoY น้ำตาลทราย (+36%YoY) และสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์ (+61%YoY) ผลิตภัณฑ์ยาง (+9.7%YoY) สาเหตุที่การส่งออกขยายตัวได้กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าผู้นำเข้ายังคงเร่งเพื่อปิดความเสี่ยงประกอบกับรัฐบาลไทยที่สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนว่าจะสามารถบรรลุเจรจาภาษีกับสหรัฐฯได้อย่างลุล่วงและมีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับภาษีของสหรัฐฯ มองเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้น (DELTA TU ITC) สัดส่วนการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯยังคงเป็นอันดับแรกด้วยสัดส่วน 22% จีน 12.7% และญี่ปุ่น 7% สำหรับสหรัฐฯ เมื่อคืนประกาศยอดขายบ้านมือหนึ่งที่ 6.52 แสนหลังคาเรือนมากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ 6.35 แสนหลังคาเรือน แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนเหมือนจะไม่ได้ให้น้ำหนักมากเท่าใดนักเพราะเห็นการปรับลงของ US Bond Yield บ่งชี้ว่านักลงทุนมองบวกกับถ้อยแถลงของประธาน FED มากกว่าและทำให้เงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ 32.4 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตามกับตลาดหุ้นไทยยังไม่แน่นอนเกี่ยวกับกระแสเงินทุนเพราะวานนี้เห็นการขายสุทธิออกมาของต่างชาติส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศที่รอดูการตัดสินของศาลเกี่ยวกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคนปัจจุบันและการฟื้นตัวของหุ้นไทยวานนี้ก็ถือว่าน้อยกว่าภูมิภาค ปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 96.4 วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1250 – 1270 น่าจะชะลอตัวลงหลังวานนี้ปรับขึ้นแรงผสานกับตลาดต่างประเทศก็เริ่มทรงตัว (Nikkei -0.5% , DJIA -0.7%) โดย Price In ปัจจัยบวกเจรจาการค้าและลดดอกเบี้ยของ FED , BOT ไปพอสมควรแล้ว ประกอบกับรอดูท่าทีการเมืองภายในประเทศ ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังไม่เพิ่มพอร์ตการลงทุนด้วย Valuation ที่ยังแพงและพื้นฐานไม่โดดเด่น แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นยังเลือก Trading ในกลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) อสังหาฯ (AP SPALI) ปัจจัยหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) และมองกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) น่าสนใจรอสะสมด้วยปันผลเด่นและหุ้นไม่แพงแต่ระยะสั้นโดนแรงกดดันจากดอกเบี้ย

STECON (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท)
แนวโน้มผลประกอบการช่วง 2H25 ยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องจาก 1H25 ทั้งจากฐาน Backlog ที่มีอยู่กว่า 100,000 ล้านบาท และการไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูไตรมาสละกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่การเซ็นสัญญางานใหม่มีงานภาคเอกชนที่รอเซ็นอีกกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เป็นไปตามเป้าที่จะมีงานใหม่เข้ามาที่ 50,000 ล้านบาท

MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 45.00 บาท)
ผลการดำเนินงานใน 2Q25 แข็งแกร่ง กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.65 พันล้านบาท (+14% YoY, +5% QoQ) และ NPL ratio ลดลงเหลือ 3.6% แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H25 คาดจะขยายตัวต่อเนื่องทั้ง YoY และ HoH หนุนจากสินเชื่อขยายตัว และต้นทุนการเงินลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยลดลง

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SSP เตรียม COD โซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น Q4/68

SSP เตรียม COD โซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น Q4/68

ทำกำไร By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม มองตลาดหุ้นไทย ตอนนี้ ต่างฝ่าย ต่างจ้อง ขายทำกำไร แบบจังหวะใคร จังหวะมัน ด้วยปัจจัยพื้นฐานของประเทศ ของ....

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้