สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(22 สิงหาคม 2568)-----------· วายแอลจีชี้ แนะนำจับตาราคาทองคำในช่วงการประชุม แจ็กสัน โฮล โดยเฉพาะการกล่าวสุนทรพจน์เป็นครั้งสุดท้ายของ นาย เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ท่ามกลางความคาดหวังของตลาด ให้ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย
· ระยะยาวยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่องรับข่าวสถาบันการเงินหลายแห่งยังมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำจนถึงปี 2026 พร้อมกำลังหนุนหลัก ธนาคารกลางทั่วโลกยังเดินหน้าเข้าซื้อทองคำเข้าทุนรำรองฯ อย่างต่อเนื่อง
· พร้อมเสิร์ฟแอปพลิเคชัน YLG Get Gold ให้บริการลงทุนทองคำด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 100 บาท ตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ผ่านสมาร์ตโฟน
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ในคืนนี้แนะนำต้องจับตาการประชุมแจ็กสัน โฮล ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นวานนี้ และวันนี้เป็นวันที่สองของการประชุม โดยนาย เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย โดยสิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษซึ่งจะกระทบต่อราคาสินทรัพย์การลงทุน คือ 1.อัตราเงินเฟ้อ 2.ตลาดแรงงาน 3.การทบทวนกรอบนโยบาย
โดยราคาทองคำต้องจับตาว่านาย เจอโรม พาวเวล จะแสดงท่าทีกังวลในเรื่องอัตราเงินเฟ้อหรือตลาดแรงงานมากกว่ากัน เนื่องจากหากกังวลในภาวะเงินเฟ้อจากดัชนี PPI ที่เร่งตัวขึ้นมาในช่วงก่อนหน้า อาจทำให้ตลาดตีความว่าเฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ย และเป็นปัจจัยกดดันทองคำ แต่หากมีการแสดงความกังวลต่อตัวเลขการจ้างงาน (Non-Farm) ที่อ่อนแอลงอย่างชัดเจน จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยเฟด และกลับมาเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำเช่นกัน
ในขณะที่ ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้มีโอกาสกลับมาเป็นสัญญาณบวก เนื่องจากในท้ายที่สุดแล้ว ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดก็จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอยู่ดี โดยในการประชุมเฟดในวันที่ 16 – 17 ก.ย.นี้ ตลาดเทน้ำหนักส่วนใหญ่ว่าจะปรับลด 0.25% และจะทำการลดดอกเบี้ยรวมได้ 2-3 ครั้งในปีนี้ วายแอลจีจึงคาดการณ์ว่าในเดือนก.ย. อาจจะมีโอกาสเห็นราคาทองคำขึ้นไปแตะจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นอกจากนี้ทองคำยังได้รับแรงสนับสนุนจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่เช่น UBS ได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำเป็น 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในไตรมาส 1 ปี 2568 ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของ วายแอลจีที่ให้ไว้ที่ 3,600-3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ Goldman Sachs ได้คงคาดการณ์ราคาทองคำที่ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงกลางปี 2569
ในระยะยาวยังมีกระแส De-Dollarization ลดทอนบทบาทดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของ BRICS มาสนับสนุนราคาทองคำ โดย IMF รายงานว่า สัดส่วนของสกุลเงินดอลลาร์ในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ลดลงเหลือ 57.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2537 สวนทางกับเทรนด์การเข้าซื้อทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจาก World Gold Council รายงานว่า ธนาคารกลางยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง เป็นปีที่ 15 ติดต่อกัน โดยในปี 2567 มีปริมาณการเข้าซื้อทองคำระดับ 1,045 ตัน และถือเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ความต้องการทองคำสูงเกิน 1,000 ตัน สูงกว่าค่าเฉลี่ยสิบปีที่ 473 ตัน
สำหรับการเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงระยะสั้นนี้วายแอลจี มองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 3,311-3,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถผ่านช่วงการประชุมแจ็กสัน โฮล ไปแล้วยังสามารถยืนอยู่ได้ จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกครั้งไปทดสอบแนวต้าน 3,352-3,375 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศมองเคลื่อนไหวในกรอบ 50,700-52,200 บาทต่อบาททองคำ
ส่วนนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการลงทุนระยะยาวนั้นแนะนำสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar-Cost-Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการสะสมทอง และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย สำหรับนักลงทุนมือใหม่วายแอลจีแนะนำแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG ที่วายแอลจีเปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ App Store และ Play Store หรือ LINE : @ylggetgold โทร. 0-2678-9888 #2