Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

กลุ่มค้าปลีก ผลประกอบการไตรมาส 3/68 น่าจะอ่อนตัว แต่คาดฟื้นตัวในไตรมาส 4/68 แนะนำ “คงน้ำหนักการลงทุน”

100

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (20 สิงหาคม 2568 )-----ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ผู้ค้าปลีก 8 บริษัทที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯศึกษา ประกอบด้วย BJC, CPALL, CPAXT, CRC, DOHOME, GLOBAL,  HMPRO และ MOSHI ทำกำไรสุทธิในไตรมาส 2/68 รวม 1.34 หมื่นล้านบาท ลดลง 4% yoy และลดลง 18% เป็นการลดลง yoy ครั้งแรก นับตั้งแต่ฟื้นตัวหลังโควิด-19 เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายจากความเชื่อมั่น ทางเศรษฐกิจที่ลดลง รวมถึงรายได้การขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวลดลงชัดเจน ตามปริมาณนักท่องเที่ยวที่หดตัว ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเกือบทุกบริษัทมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ติดลบ

 

ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ระบุว่า กำไรสุทธิของกลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้า Home improvement ในไตรมาส 2/68 ลดลง 19.5% yoy และยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ติดลบในช่วง -1.6% ถึง -10.7% โดยกลุ่มนี้ยังเผชิญแรงกดดันเชิงโครงสร้างจากการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในปีนี้ขาดแรงหนุนจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งเคยเป็นปัจจัยบวกในปีก่อน จึงยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อผลกำไร เนื่องจาก ผู้ประกอบการมีต้นทุนคงที่สูง โดยไตรมาส 2/68 GLOBAL มีกำไรสุทธิลดลงมากสุด 32% yoy ตามด้วย DOHOME ลดลง 18% และ HMPRO ลดลง 14% yoy

 

ขณะที่กลุ่มแฟชั่นของ CRC ในไทยมี SSSG ติดลบ 4% ในไตรมาส 2/68 สะท้อนการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนตัวลง และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งตรงข้ามกับ MOSHI ที่มี SSSG บวก 15.2% จากการตั้งราคาให้เข้าถึงได้และการปรับปรุงการทำ Visual merchandising เพื่อเพิ่มอัตราการแปลงยอดขายและกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าแบบไม่ได้วางแผน นอกจากนี้ operating leverage ที่ดีขึ้นยังช่วยให้กำไรสุทธิของ MOSHI เติบโตสูงถึง 65% yoy

 

สำหรับกลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ทุกบริษัทที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯศึกษามี SSSG ติดลบในช่วง -0.8% ถึง -3.2%ในไตรมาส 2/68 ยกเว้น Makro ที่ SSSG ทรงตัว เนื่องจากยอดขายออนไลน์เติบโตสูงถึง 22% yoy ขณะที่ CPALL และ CPAXT ยังคงมีกำไรสุทธิเติบโต 8% yoy และ 5% yoy ตามลำดับ จาก margin ที่เพิ่มขึ้นและการควบคุม ค่าใช้จ่าย ซึ่งต่างจาก BJC ที่มีกำไรสุทธิลดลง 19% yoy เพราะมีแรงกดดันจากยอดขายที่ลดลงของ BigC, margin ที่หดตัว รวมถึงความต้องการบรรุภัณฑ์ที่ลดลง เพราะปริมาณการขายเครื่องดื่มลดลง

 

ฝ่ายวิเคราะห์ เชื่อว่า การที่ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของผู้ค้าปลีกกลุ่ม Home improvement บางบริษัทติดลบน้อยลงตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาส 3/68 จนถึงปัจจุบัน (QTD) เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในปีก่อน มากกว่าการฟื้นตัวของอุปสงค์ ขณะที่ปัจจัยฤดูกาลยังเป็นแรงกดดันเพิ่มเติม เนื่องจากไตรมาส 3 มักเป็นช่วงที่ยอดขายอ่อนตัวที่สุดของปี ทั้งนี้ คาดว่าการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นอาจเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นในไตรมาส 4/68 หากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเริ่มส่งผลเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของผู้บริโภค

 

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI หันมามองเชิงบวกต่อผู้ค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น หลังจากธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR หลังธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงถึง 87.4% ของ GDP ในไตรมาส 1/68 การใช้จ่ายอาจฟื้นตัวได้เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ CPALL ยังคงเป็นหุ้น Top pick ของฝ่ายวิเคราะห์ฯ เนื่องจากมี margin ทรงตัวและเติบโตสม่ำเสมอ ส่วน MOSHI ยังมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แต่ฐานที่สูงในไตรมาส 4/67 อาจจำกัดการเติบโตและโมเมนตัมของราคาหุ้นชั่วคราว

 

ดังนั้นยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) ในกลุ่มค้าปลีกไทย เพราะยังไม่เห็นปัจจัยบวกที่ชัดเจนจากอุปสงค์ในระยะสั้น อีกทั้งผลประกอบการของผู้ค้าปลีกไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ฟื้นตัวชัดเจน และปัจจัยลบจากเศรษฐกิจมหภาคจะหักล้างผลดีจากการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน อย่างไรก็ตาม กลุ่มค้าปลีกอาจมี upside risk หากการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวเร็วขึ้น และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นตัวแข็งแกร่ง ส่วน downside risk จะมาจากการบริโภคที่อ่อนตัวต่อเนื่องและ margin ถูกกดดันจากการแข่งขัน

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้