Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.ทิสโก้ : TFG คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท

81

 

Company Note
ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป
สรุปประชุมนักวิเคราะห์

ผู้บริหารยังคงมั่นใจเป้าหมายรายได้ปีนี้ 7.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 10-15% YoY โดยธุรกิจค้าปลีกเริ่มเป็นธุรกิจหลักมีสัดส่วนรายได้มากที่สุด 36% (2Q25) จากการขยายสาขา และมีแผนนำเข้าตลาดฯในอีก 2-3 ปีนี้ สำหรับธุรกิจไก่และสุกรยังเติบโตต่อเนื่องจากราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาสุกรจะลดลงชั่วคราวใน 3Q25 และยังได้ประโยชน์จากต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงโดยเฉพาะกากถั่วเหลืองและข้าวโพดอาหารสัตว์

แนวโน้มธุรกิจสุกร คาดราคาลดลงช่วงคราวใน 3Q25 และจะกลับมาดึขึ้นใน 4Q25

แนวโน้มราคาสุกรในไทยที่ลดลงช่วงที่ผ่านมาเกิดจากปัจจัยชั่วคราว โดย 1) ประเทศไทย ราคาหมูเป็นที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ฝนตกทำให้การบริโภคลดลง และผู้เล่นในตลาด (โรงเชือด) ที่เคยรับซื้อหมูเป็นมีจำนวนลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ราคาเนื้อหมูหน้าเขียงไม่ได้ลดลงตามมากนัก TFG ได้รับผลกระทบน้อยเพราะเชือดเองและขายผ่านช่องทางของตัวเองกว่า 80% คาดว่าราคาหมูเป็นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะค่อยๆ ฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยอาจอยู่ในกรอบ 65–75 บาท 2) ประเทศเวียดนาม สถานการณ์โรค ASF กลับมาระบาดอีกครั้ง มี่พื้นที่ระบาด 70% ของพื้นที่ทั้งหมด ทำให้ราคาย่อตัวลงมาต่ำกว่า 60,000 ดอง แต่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3–4 เดือนในการฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับปกติที่ 65,000–70,000 ดอง

โครงสร้างตลาดและการขยายกำลังการผลิตสุกร ผู้เล่นรายใหญ่ในไทย (12 ราย) มีการลงนาม MOU ที่จะไม่ขยายกำลังการผลิตแม่พันธุ์ ซึ่งจะช่วยควบคุมอุปทานในระยะยาว โดยตลาดเปลี่ยนไปจากเดิมที่เน้นขายหมูมีชีวิต มาเป็นการเชือดและแปรรูปเองมากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายย่อยที่ไม่มีโรงเชือดลดบทบาทลง สำหรับ TFG จะเพิ่มปริมาณสุกรจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการสวิทช์จากการขายลูกหมูมาเลี้ยงเอง

ธุรกิจไก่แนวโน้มการส่งออกยังคงแข็งแกร่ง บริษัทคาดราคาเฉลี่ยไก่ปีนี้อยู่ที่ระดับ 40-41 บาท/กก. โดยเฉพาะตลาดยุโรปและญี่ปุ่นที่มีความต้องการสูง แม้ตลาดจีนจะชะลอตัวชั่วคราวจากประเด็นไข้หวัดนกในบราซิล แต่คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในไม่ช้า เป้าหมายการส่งออก TFG ทั้งปีที่ 70,000 ตัน มีแนวโน้มว่าจะทำได้ และอาจสูงถึงเกือบ 100,000 ตัน โดยราคาส่งออกไปยุโรปยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ราคาส่งออกไปญี่ปุ่นก็ถือว่าค่อนข้างดี

ขยายสาขาธุรกิจค้าปลีก (Thai Food Fresh Market) มีแผนนำเข้าตลาดฯใน 2-3 ปีนี้

บริษัทตั้งเป้าสาขาปีนี้ปิดที่ 600 สาขา โดยปัจจุบันอยู่ที่ 500 สาขา (2024 อยู่ที่ 401 สาขา) และปีหน้าเป้าหมาย 750 สาขา ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น โดยยอดขายสาขาเดิม (Same-Store Sales Growth) ในช่วง ก.ค.-ส.ค.25 เติบโตประมาณ 17% และบริษัทมีแผนเพิ่มรายได้อื่นๆ จาก 1% เป็น 2% ของยอดขาย โดยจะเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่ไม่ใช่ของ TFG จาก 25% เป็น 30–35% ซึ่งจะช่วยเพิ่มทั้งยอดขายและอัตรากำไรโดยรวม และมีแผนนำธุรกิจค้าปลีกเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว และอยู่ในกระบวนการเตรียมความพร้อม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี (ปี 2027 –2028) โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาทก่อนเข้าตลาดฯ

ผลกระทบจากข้อตกลงการค้าการนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ ไม่เป็นที่กังวล เนื่องจากไทยมีมาตรฐานสูงและไม่อนุญาตให้ใช้สารเร่งเนื้อแดง ส่วนวัตถุดิบอาหารสัตว์ถือเป็นโอกาสสำคัญ หากมีการลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง (2%) และลดอุปสรรคภาษีสำหรับข้าวโพด จะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมาก

ประเด็นอื่นๆ ผลกระทบจากแรงงานกัมพูชาที่กลับประเทศมีน้อยมากและเป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจาก TFG มีสัดส่วนแรงงานกัมพูชาเพียง 10% และสามารถทดแทนด้วยแรงงานจากชาติอื่นได้ ประเด็นหุ้นวอแรนต์ค้ำประกันของผู้บริหารกำลังทยอยลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะลดลงไปเรื่อยๆ

เราคาดกำไรปีนี้เติบโตก้าวกระโดด จากทุกธุรกิจเติบโตและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง

ผลประกอบการ 1H25 คิดเป็น 57% ของทั้งปี และคาดครึ่งปีหลังจะอ่อนตัวจากครึ่งปีแรกจากช่วง low season ฤดูฝน และช่วงเทศกาลกินเจในไตรมาส 4 คาดราคาหมูและไก่จะอ่อนตัว เราคงประมาณการเดิมคาดกำไรปีนี้เติบโต 155% แต่ปีถัดไปลดลง 8% จาก 1) ธุรกิจสุกรดีขึ้นเราคาดรายได้ปี 2025F เพิ่มขึ้น 7% แต่ปีถัดไปคาดลดลง -7% จากคาด supply จะเริ่มกลับมาหลังจากสถานการณ์โรคระบาด ASF เริ่มดีขึ้น 2) ธุรกิจไก่คาดเพิ่มขึ้น จากการเน้นจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของบริษัทเพิ่มขึ้น คาดการส่งออกปีนี้ 7 หมื่นตัน ส่งออกไปญี่ปุ่น จีน และกลุ่มยุโรปเป็นหลัก 3) คาดร้านค้าปลีกคาดเพิ่มขึ้นเป็น 550 สาขา และปีถัดไปเพิ่มขึ้น 50 สาขา (สิ้นปี 2024 ปิดที่จำนวน 401 สาขา) คาดอัตราทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มต้นทุนอาหารสัตว์ลดลงตามผลผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งกากถั่วเหลืองและข้าวโพดอาหารสัตว์ และปีถัดไปคาดลดลงจากราคาสุกรที่ปรับลดลงและธุรกิจ shop ที่มีมาร์จิ้นต่ำกว่าเพิ่มขึ้น

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 6.50 บาท

คาดแนวโน้มผลประกอบการปี 2025F เพิ่มขึ้น และธุรกิจสุกรและร้านค้าปลีกเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นหลัก แต่ปี 2026F คาดลดลงจาก supply เริ่มกลับ ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 6.50 บาท อ้างอิง historical PER-0.5STD เฉลี่ย6X โดยราคาปัจจุบันมีระดับ PER26F ที่ 5.4X, Dividend Yield 26F อยู่ระดับสูงคาดที่ 8.9% ความเสี่ยง : โรคระบาด, ต้นทุนอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้