Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

63

 


SET ย่อพอยัง
TOP PICK MTC / BCH / BEM

 

EXTERNAL FACTOR
• วานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อตัวลงมา เฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มเทคฯ โดยดัชนี NASDAQร่วงลงราว -1.5% จากแรงเทขายทำกำไร สวนทางกับค่าเงิน DOLLAR INDEX ขยับขึ้นยืนเหนือ 98 จุด สะท้อนเม็ดเงินที่ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางการ WAIT & SEE การส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ
• ขณะเดียวกัน ความคาดหวังดอกเบี้ยขาลงยังไม่ได้หมดไป สะท้อนจาก BOND YIELDสหรัฐฯ วานนี้ปรับตัวลดลงมาเช่นกันราว -0.4% ถึง -0.6% อีกกทั้งราคาน้ำมันดิบ
WTI เฉลี่ยในเดือน ส.ค. 68 ชะลอตัวลง


INTERNAL FACTOR
• 4 วันที่ผ่านมา SET เริ่มทยอยเห็นการปรับฐานลงมาบ้างตามการ TAKE PROFITของแต่ละนักลงทุน โดยหุ้นใน SET100 ที่ปรับตัวลงแรงมากสุด คือ IVL -8.6% PR9 -8.2% STGT -7.2% OSP -7.2% BCH -7.1% CHG -6.7% DOHOME -6.6%เป็นต้น
• ซึ่ง 4 วันดังกล่าว กองทุนขายสุทธิหนัก 8.5 พันล้านบาท (ไม่ได้เกิดจากการ REDEEMLTF) เพราะพบว่าการ REDEEM LTFในช่วงเวลานั้น 339 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งคิดเป็น
4% ของแรงขายทั้งหมดของกองทุนเท่านั้น


INVESTMENT STRATEGY
• ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมา 4 วัน เกือบ 50 จุด เข้าใกล้โซนสะสมบริเวณ 1230 –1240 จุด ขณะที่ภาพรวมกำไรงวด2Q68 อยู่ที่ 3.2 –3.3 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในช่วง 5 ปี และอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการตรวจสอบ พบว่า มีหุ้นใน 23 บริษัท ใน SET100ที่กลับทำกำไรงวด 2Q68 ได้ดี และสูงสุดในรอบ 5 ปี
• ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานที่มีกำไรงวด 2Q68 สูงสุดในรอบ 5 ปี ราคายัง LAGGARDตลาด อย่าง AAV, PLANB, CK, MTC, TASCO, SPALI และหุ้นที่กำไรทั้งปี 68 มีโอกาสพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไร THCOM, STECON, IVL, TRUE


ปัจจัยแวดล้อมอยู่ในช่วง WAIT & SEE
วานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อตัวลงมา เฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มเทคฯ โดยดัชนี NASDAQ ร่วงลงราว -1.5% จากแรงเทขายทำกำไร สวนทางกับค่าเงิน DOLLAR INDEX ขยับขึ้นยืนเหนือ 98 จุด สะท้อนเม็ดเงินที่ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางการ WAIT & SEE การส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
• วันที่ 21 ส.ค. 68 เวลา 1.00 น. จับตารายงาน FOMC FED MINUTE รอบการประชุมเดือน ก.ค. 68 ซึ่งคาดว่าในบันทึกจะเผยให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ FED ประเมินผลกระทบจาก ภาษีศุลกากร และแนวทางการจัดการความเสี่ยงอย่างไร
• วันที่ 22 ส.ค. 68เวลา 21.00 น. ประธาน FED (POWELL)จะกล่าวสุนทรพจน์ที่ JACKSON HOLE ทั้งนี้หาก POWELL ไม่ส่งสัญญาณ “ผ่อนคลาย” ตลาดอาจปรับฐานได้


ขณะเดียวกัน ความคาดหวังดอกเบี้ยขาลงยังไม่ได้หมดไป สะท้อนจาก BOND YIELD สหรัฐฯ วานนี้ปรับตัวลดลงมาเช่นกันราว -0.4% ถึง -0.6% อีกกทั้งราคาน้ำมันดิบ WTI เฉลี่ยในเดือน ส.ค. 68 ชะลอตัวลงมาสู่ระดับ 64$/BARREL หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครนคลายกังวล ซึ่งจากข้อมูลในอดีตราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง อาจกดดันเงินเฟ้อชะลอตัวลงตาม

4 วัน SET INDEX ลงแรงเกือบ 50 จุด ซึ่งแรงกดดันมาจากสถาบันในประเทศกว่า 8.5 พันบ้านบาท
SET INDEX ทยอยปรับตัวขี้นตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย.68 จากความผ่อนคลายประเด็น TRADE TARIFF และการเมืองในประเทศที่เห็นผลลัพธ์ชัดเขนขึ้นในอนาคต จาก 1053 จุด สู่ระดับ 1280 จุด อย่างไรก็ตาม 4 วันที่ผ่านมาเริ่มทยอยเห็นการปรับฐานของดัชนีลงมาบ้างตามการ TAKE PROFIT ของแต่ละนักลงทุน โดยหุ้นใน SET100 ที่ปรับตัวลงแรงมากสุด คือ IVL -8.6% PR9 -8.2% STGT -7.2% OSP -7.2% BCH -7.1% CHG -6.7% DOHOME -6.6% เป็นต้น

 

โดย 4 วันที่ผ่านมา(15 –20 ส.ค. 68) กองทุนขายสุทธิหนัก 8.5 พันบ้านบาท กดดัน SET -3.3% และหากพิจารณาว่าเม็ดเงินดังกล่าวมาจากการ REDEEM LTF หรือไม่ ? ฝ่ายวิจัยฯจึงได้คำนวณการเปลี่ยนแปลงของหน่วยการลงทุนในช่วง 4 วันนั้น พบว่าเปลี่ยนแปลง -21.7 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นมูลค่า 339 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งคิดเป็น 4%
ของแรงขายทั้งหมดของกองทุน เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯมองว่า SET INDEX ระดับปัจจุบันมีโอกาสดีดตัวได้บ้างในช่วงสั้น ตามสัญญาณทางเทคนิคที่ใกล้แนวรับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วัน โดยกลุ่มหุ้นที่จะผันผวนน้อยกว่าตลาดฯ และน่าทยอยสะสม คือ หุ้นกลุ่มเช่าซื้อ MTC TIDLOR อสังหาฯ AP SPALI การแพทย์ BDMS BCH เป้นต้น


คัดหุ้นกำไร 2Q68 โดดเด่น กับหุ้นกำไรปี 68 มีโอกาส TURNAROUND
ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมา 4 วัน เกือบ 50 จุด เข้าใกล้โซนสะสมบริเวณ 1230 – 1240 จุด ขณะที่ภาพรวมกำไรงวด2Q68 อยู่ที่ 3.2 –3.3 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในช่วง 5 ปี และประวัติศาสตร์ ฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคัดกรองพบว่าว่ามีหุ้นใน SET100 ถึง 23 บริษัทที่กลับทำกำไรงวด 2Q68 ได้ดี และสูงสุดในรอบ 5 ป


ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานที่มีกำไรงวด 2Q68 สูงสุดในรอบ 5 ปี ราคายัง LAGGARD ตลาดอย่าง AAV, PLANB, CK, MTC, TASCO, SPALI และหุ้นที่กำไรทั้งปี 68 มีโอกาสพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไรTHCOM, STECON, IVL


Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้