สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (19 สิงหาคม 2568 )-----The Mastercard Center for Inclusive Growth หรือ The Center ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจแห่งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN Business Advisory Council: ASEAN-BAC) เพื่อจัดงาน Mastercard ASEAN Inclusive Growth Summit ครั้งแรก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ นับเป็นเวทีแรกจากทั้งหมด 3 เวทีที่จะหมุนเวียนจัดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลอดสามปีข้างหน้า ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมาสเตอร์การ์ดในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมสร้างโอกาสให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการขนาดเล็กในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง

ความร่วมมือนี้ตอกย้ำการเดินหน้าของมาสเตอร์การ์ดที่สอดคล้องกับเป้าหมายของสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและยั่งยืน ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจและภูมิทัศน์โลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา งานประชุมครั้งนี้ต่อยอดจากความสำเร็จของ Global Inclusive Growth Summit ที่จัดโดย The Center ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจุดประกายการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน พร้อมแสดงให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือระหว่างผู้นำในภูมิภาคและภาคธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสให้กับทุกภาคส่วน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้นำจากตะวันออกและตะวันตกได้แลกเปลี่ยนมุมมอง ร่วมสร้างนวัตกรรม ความร่วมมือ และผลลัพธ์ร่วมกันเพื่อภูมิภาค

"ความร่วมมือกับมาสเตอร์การ์ดในครั้งนี้เป็นการวางรากฐานสำหรับความร่วมมือในระยะยาวเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุมในภูมิภาคอาเซียน การประชุมดังกล่าวเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความร่วมมืออย่างมีความหมาย ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาในระดับภูมิภาคผ่านแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่นได้ ในอนาคตเป้าหมายของเราคือการเสริมสร้างบทบาทของอาเซียนในฐานะผู้นำด้านความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนและครอบคลุม" นายตัน ศรี นาซีร์ ราซัค ประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน กล่าว

"เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่การเติบโตต้องควบคู่ไปกับความมั่นคง ความครอบคลุม และการเข้าถึง" นายจอน ฮันท์สแมน รองประธานและประธานฝ่ายการเติบโตเชิงกลยุทธ์ของมาสเตอร์การ์ด กล่าว "ท่ามกลางความท้าทายที่ภูมิภาคกำลังเผชิญ ตั้งแต่การกระจายตัวทางเศรษฐกิจไปจนถึงการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล ความร่วมมือของเรากับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนคือการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้ทั้งบุคคลและธุรกิจได้มีส่วนร่วมและเติบโต  เพื่อให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง"

จากข้อมูลของ World Data Lab คาดการณ์ว่าภายในทศวรรษหน้า (ปี 2578) จะมีประชากรมากกว่า 1.1 พันล้านคนก้าวเข้าสู่ชนชั้นกลางทั่วโลก โดยประชากรส่วนใหญ่ในเอเชียจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตนี้ ในภูมิภาคอาเซียน เศรษฐกิจกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนที่สำคัญ โดยครึ่งหนึ่งของประชากรในภูมิภาคนี้ได้เข้าสู่ชนชั้นกลางแล้ว และภายในปี 2578 คาดว่าจำนวนชนชั้นกลางในอาเซียนจะเพิ่มขึ้นเป็น 450 ล้านคน หรือคิดเป็น 56% ของประชากรทั้งหมดในภูมิภาค

ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีมูลค่าสินค้ารวม (Gross Merchandise Value) เพิ่มขึ้นจาก 263,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 25671 เป็น 560,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2573 การเติบโตทางดิจิทัลนี้จำเป็นต้องอาศัยนโยบายที่รอบคอบ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือข้ามภาคส่วน และแนวทางแก้ไขที่ตรงจุด เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล  ประกอบกับจำนวนประชากรรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้ ทำให้โอกาสในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่ครอบคลุม ปลอดภัย และยั่งยืนยิ่งขึ้นจึงมีสำคัญอย่างยิ่ง

การประชุมสุดยอดครั้งนี้จะรวบรวมผู้นำภาครัฐ ผู้นำทางธุรกิจ และองค์กรพัฒนาต่าง ๆ เข้าร่วมการประชุมแบบเอ็กซ์คลูซีฟโดยมุ่งเน้นที่การเติบโตอย่างครอบคลุมและยั่งยืน พร้อมให้ความสำคัญกับวิสาหกิจรายย่อย ขนาดเล็ก และขนาดกลาง (MSMEs) นวัตกรรมดิจิทัล และความร่วมมือที่มุ่งเน้นผลกระทบเชิงบวก การประชุมสุดยอดครั้งนี้จะต่อยอดจากความพยายามที่มาสเตอร์การ์ดได้ดำเนินการอยู่แล้วในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งรวมไปถึง:

    การลงทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจขนาดเล็ก MSMEs คิดเป็นสัดส่วนกว่า 97% ของธุรกิจทั้งหมดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[1] และก่อให้เกิดการจ้างงานถึง 85%[2] โดยในประเทศมาเลเซีย MSMEs มีส่วนสนับสนุน GDP ประมาณ 40% โดยมีการจ้างงานมากกว่า 7 ล้านคน[3] ศูนย์ Mastercard Center for Inclusive Growth ให้การสนับสนุนภาคธุรกิจสำคัญนี้ผ่านโครงการหลักอย่าง Mastercard Strive ในมาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือ MSMEs จำนวนกว่า 400,000 รายในสองประเทศ ผ่านการฝึกอบรมทักษะดิจิทัล การให้คำปรึกษา โอกาสในการสร้างเครือข่าย และทรัพยากรสำคัญเพื่อให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ นอกจากนี้ศูนย์ฯ ยังร่วมมือกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) เพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อสูงสุดถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านการจัดหาเงินทุนจาก ADB สำหรับ MSMEs ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยอย่างน้อยครึ่งหนึ่งมุ่งเน้นไปยังธุรกิจที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของหรือธุรกิจที่มุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ
    เสริมความแข็งแกร่งพร้อมรับมือทุกภัยคุกคามทางไซเบอร์ ด้วยความตระหนักว่าเศรษฐกิจจะเข้มแข็งได้ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนมีความมั่นคงทางไซเบอร์ที่แข็งแรง มาสเตอร์การ์ดจึงร่วมมือกับมูลนิธิอาเซียน (ASEAN Foundation) เดินหน้าหลายโครงการเพื่อยกระดับศักยภาพความปลอดภัยด้านไซเบอร์ของหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมในภูมิภาคผ่านการมอบความรู้ เครื่องมือ และการฝึกอบรมที่จำเป็น นอกจากนี้ มาสเตอร์การ์ดยังผลักดันความร่วมมือในอุตสาหกรรมเพื่อสร้างพลังรวมในการป้องกัน ตรวจจับ และรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การมีบทบาทสำคัญในการก่อตั้ง Global Anti Scam Alliance (GASA) ที่สิงคโปร์และอินโดนีเซียโดยดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานตามลำดับ และการร่วมมือกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในการเป็นพันธมิตรระดับโลกเพื่อต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์
    ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวภายในประเทศ  มาสเตอร์การ์ดกำลังทำงานร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยว และหน่วยงานภาครัฐทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อกระตุ้นการเติบโตและสร้างมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยจากการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงบทบาทของมาสเตอร์การ์ดในฐานะผู้ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างคลอบคลุม ความร่วมมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจท้องถิ่นขนาดเล็กอีกหลายประเภท ซึ่งเป็นการสร้างงานให้เพิ่มขึ้นและสร้างผลกระทบในทางบวกที่ขยายไปไกลกว่าการท่องเที่ยว
    เร่งการขับเคลื่อนการชำระเงินแบบดิจิทัล มาสเตอร์การ์ดได้ขับเคลื่อนการรับ การชำระเงินแบบดิจิทัล และการชำระเงินแบบไร้สัมผัสไปยังทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมในชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัยและไร้รอยต่อ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ธุรกิจได้เข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้นผ่านการรับชำระเงินดิจิทัล
        ในปัจจุบัน มาสเตอร์การ์ดได้ขยายโซลูชันการชำระค่าโดยสารระบบเปิด (Open-loop Payments) ไปยังประเทศฟิลิปปินส์และเวียดนาม ช่วยให้ผู้โดยสารมีตัวเลือกการชำระเงินสำหรับการเดินทางที่หลากหลายและสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นการใช้การชำระเงินแบบไร้สัมผัส และช่วยในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้ทันสมัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
        มาสเตอร์การ์ดได้ร่วมมือกับเครือข่ายการชำระเงินแบบดิจิทัลระดับชาติ เพื่อที่จะทำให้เกิด การชำระเงินแบบเรียลไทม์ในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ แพลตฟอร์มการชำระเงินแบบเรียลไทม์ อย่าง พร้อมเพย์ในประเทศไทย และ Instapay ในประเทศฟิลิปปินส์ ทำให้การนำระบบชำระเงินดิจิทัลถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย และกลายเป็นวิธีการชำระเงินที่พบเห็นได้ในธุรกรรมประจำวัน ซึ่ง ณ ขณะนี้ แม้แต่พ่อค้าแม่ค้ากลุ่มเล็ก ๆ ก็สามารถใช้ระบบไร้เงินสดและสามารถรับชำระเงินแบบดิจิทัลได้ อันเป็นการเชื่อมโยงพวกเขากับระบบนิเวศทางการเงินดิจิทัล และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้เข้ามา
        โซลูชันที่มีความเป็นนวัตกรรมและต้นทุนที่คุ้มค่า อย่าง Tap on Phone ได้ยกระดับธุรกิจขนาดเล็กและพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้สามารถรับชำระเงินแบบไร้สัมผัสได้อย่างง่ายดายและสะดวกผ่านสมาร์ทโฟน และยังทำให้การรับชำระเงินดิจิทัลเข้าถึงได้มากขึ้น ยกเลิกความจำเป็นในการใช้เครื่องรับชำระเงินที่เป็นฮาร์ดแวร์

งานประชุมครั้งแรกของ Mastercard ASEAN Inclusive Growth Summit ที่จัดโดย The Center จะจัดขึ้นในงาน ASEAN Summit ครั้งที่ 47 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 24 ตุลาคม 2568 และจะมีอีก 2 งานที่จะจัดขึ้นในภูมิภาคนี้ในปี 2569 และ 2570