Equality for All
TOP : บมจ.ไทยออยล์

2Q25 กำไรสุทธิ 6,476 ลบ. สูงกว่าคาดจากรายการพิเศษที่มากกว่าคาด : โดยในผลการดำเนินงาน 2Q25 มีรายการพิเศษสุทธิกว่า +3,648 ลบ. (การปรับมูลค่า 7,062 ลบ., กำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ +2,522 ลบ., ขาดทุนจากสต็อก -4,663 ลบ. และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน -1,273 ลบ.) แต่การดำเนินงานปกติฟื้นตัว q-q จาก GRM ที่ดีขึ้น ขณะที่ LUBE ทรงตัว
โรงกลั่น กำลังการกลั่นใกล้เคียง q-q ที่ 113% ขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์แก๊สโซลีน, ดีเซล และน้ำมันเตาเพิ่มขึ้น +3.76, +1.55 และ +3.73 เหรียญ/บาร์เรล ตามลำดับ แม้จะได้ผลกระทบลบจาก crude premium ที่เพิ่มขึ้น +0.18 เหรียญ/ บาร์เรล และยังได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำมันรั่ว แต่ส่วนต่างราคาที่ดีขึ้นทำให้ GRM ยังสามารถเพิ่มจาก 3.5 เป็น 5.2 เหรียญ/ บาร์เรล
อะโรเมติกส์ กำลังการผลิตลดลงเหลือ 75% ขณะที่ LAB ที่ 120% แต่จากส่วนต่างราคา BZ ที่ลดลงทำให้ GIM ทรงตัวที่ 0.8 เหรียญ/บาร์เรล
LUBE การใช้กำลังการผลิตลดลงจากหน้าฝนเหลือ 76% แต่ส่วนต่างราคาทรงตัวที่ 1 เหรียญ/ บาร์เรล
ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน เพิ่มขึ้นเป็น 2.2 เหรียญ/ บาร์เรล เนื่องจากไตรมาสนี้มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากโครงการ CFP, น้ำมันรั่ว และค่าซ่อมราว 0.30 เหรียญ/ บาร์เรล

แนวโน้ม GRM ครึ่งปีหลังอ่อนตัว : ผบห. แจ้งว่าแนวโน้ม GRM ในครึ่งปีหลังคาดจะอ่อนตัวกว่าในครึ่งปีแรกจากแนวโน้ม Crude Premium คาดเพิ่มขึ้นหลังอินเดียหันมาซื้อน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นแทนรัสเซีย
ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันแก๊สโซลีนจะลดลงตามอุปสงค์ที่ลดลงหลังหมดช่วงฤดูท่องเที่ยวประกอบกับสต็อกมีสูง
ส่วนน้ำมันเครื่องบินแม้ว่าอุปสงค์จะดีแต่หากมีสต็อกสูงเช่นกัน อาจมีเพียงน้ำมันดีเซลที่คาดยังดีต่อในครึ่งปีหลังจากอากาศหนาว และสต็อกอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงยุโรปมีการ sanction ทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปจากรัสเซียด้วย
โครงการ CFP รอแจ้งผู้รับเหมารายใหม่ใน 3Q25 : ในส่วนของผู้รับเหมารายใหม่ที่จะมาทำงานต่อจากรายเดิมนั้น คาดจะชัดเจนใน 3Q25 ขณะที่การจัดหาเงินโครงการดังกล่าวจะมาจาก กระแสเงินสดของบริษัท และการออก Perpetual Bond รวมถึงการทำ Asset monetization ซึ่งคาดว่าจะทำในช่วง 2H25 เช่นกัน
ปรับประมาณการขึ้นจากเดิม : แม้การดำเนินงานครึ่งปีหลังอาจไม่เด่นมากนัก แต่จากการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่ออกมาดีกว่าคาดทำให้เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ขึ้น 41% จากเดิม ซึ่งจากการปรับสมมติฐานค่าการกลั่นเพิ่มจากเดิม ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มเป็น 13,613 ลบ. ขยายตัว +37% y-y

พอซื้อขายตาม GRM
“ราคาหุ้นปรับขึ้นมาจากความคืบหน้าของโครงการ CFP ที่มีมากขึ้นแม้ว่าจะยังไม่สรุปผลสุดท้ายก็ตาม จนราคาหุ้นปัจจุบัน upside ค่อนข้างจำกัด ประกอบกับแนวโมการดำเนินงานครึ่งปีหลังที่อาจไม่ได้เด่นมากจากต้นทุนที่เร่งตัวขึ้นและ GRM ที่หดตัว
กลยุทธ์การลงทุนยังเก็งกำไรเล่นรอบตาม GRM ที่ฟื้นตัว, ราคาน้ำมันดิบที่เหวี่ยงไปมา และความชัดเจนมากขึ้นในโครงการ CFP ”

นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th