สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(16 สิงหาคม 2568)-----------------ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ BOCT ที่ ‘AAA(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ ยังประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น: อันดับเครดิตของ BOCT สะท้อนความคาดหวังของฟิทช์ว่า BOCT จะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากการดำเนินงานตามปกติ (extraordinary support) จากธนาคารแม่ในฮ่องกง ซึ่งคือ Bank of China (Hong Kong) Limited (BOCHK; ‘A+’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ/a) ในกรณีที่จำเป็น ทั้งนี้ อันดับเครดิตภายในประเทศของ BOCT ยังพิจารณาถึงโครงสร้างอันดับเครดิตที่พิจารณาจากปัจจัยสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นเมื่อเทียบกับสถาบันอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารที่ ‘AAA(tha)’ สะท้อนถึงความคาดหวังว่า BOCT มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ในระดับที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความสามารถ และโอกาสในการให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากธนาคารแม่

มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์: ฟิทช์เชื่อว่า BOCT เป็นธนาคารลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อ BOCHK โดย BOCHK ถือเป็นธนาคารลูกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ Bank of China Limited (BOC; ‘A’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ทั้งนี้ ธนาคารลูกในประเทศไทยมีบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนลูกค้าของ BOCHK และ BOC ที่มีธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักตามกลยุทธ์สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของกลุ่ม โดย BOCT มีการร่วมกันดำเนินงานอย่างใกล้ชิดผ่านความร่วมมือทางด้านการตลาดกับธนาคารแม่และกลุ่ม โดยมุ่งเน้นที่จะให้การสนับสนุนธุรกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับจีน อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่ได้พิจารณาให้ BOCT เป็นธนาคารลูกหลักของกลุ่มธนาคารแม่ (core subsidiary) เนื่องจากธนาคารยังมีขนาดที่ค่อนข้างเล็กและมีการดำเนินธุรกิจอยู่ในตลาดที่ไม่ใช่ตลาดเป้าหมายหลักของกลุ่ม

มีการผสานการทำงานกับกลุ่มในระดับสูง: อันดับเครดิตของ BOCT ยังพิจารณาถึงการถือหุ้นทั้งหมดในธนาคารโดย BOCHK ความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่ง และการควบคุมการบริหารงานซึ่งรวมไปถึงการแต่งตั้งกรรมการและผู้บริหารระดับสูง รวมทั้งมีการผสานการทำงานในระดับสูง ทั้งในด้านการควบคุมความเสี่ยงและการใช้ระบบปฏิบัติงานของกลุ่ม

ความเชื่อมโยงทางด้านชื่อเสียง: BOCT ใช้ชื่อและสัญลักษณ์ทางการค้าเดียวกันกับธนาคารแม่ และมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับกลุ่ม ดังนั้น ฟิทช์เชื่อว่าหาก BOCT มีการผิดนัดชำระหนี้ จะส่งผลกระทบด้านชื่อเสียงต่อธนาคารแม่อย่างมาก และยังอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อบริษัทอื่นๆ ของกลุ่มได้

ความสามารถของธนาคารแม่ในการให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่ง: ความสามารถในการให้การสนับสนุนของ BOCHK แก่ BOCT สะท้อนได้จากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน หรือ Viability Rating (VR) และอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น หรือ Shareholder Support Rating (SSR) ที่ระดับ ‘a’ ซึ่งสะท้อนว่าอาจมีความไม่แน่นอนว่า BOCT จะได้รับประโยชน์จาก qualifying junior debt ของธนาคารแม่ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อันดับเครดิตสากลระยะยาวของ BOCHK อยู่ในระดับที่สูงกว่า VR และ SSR ทั้งนี้ BOCHK เป็นกลุ่มธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองในฮ่องกงและมีการดำเนินงานในภูมิภาคที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ ฟิทช์เชื่อว่าการให้ความช่วยเหลือแก่ธนาคารลูกในกรณีที่จำเป็นจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับทรัพยากรทางการเงินของธนาคารแม่ เนื่องจาก BOCT คิดเป็นเพียงไม่ถึง 1% ของสินทรัพย์รวมและส่วนของผู้ถือหุ้นรวมของ BOCHK ณ สิ้นปี 2567

การสนับสนุนการดำเนินงานตามปกติที่ต่อเนื่อง: กลุ่มยังคงให้การสนับสนุนการดำเนินงานตามปกติของ BOCT เช่น การถ่ายทอดความรู้และความเชี่ยวชาญ และการสนับสนุนทางการเงิน โครงสร้างการระดมทุนของ BOCT นั้นได้รับการสนับสนุนจากวงเงินสินเชื่อภายในกลุ่ม และกลุ่มยังได้ให้การสนับสนุนด้านเงินกองทุนผ่านการเข้าซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิชั้นที่ 2 ของ BOCT ในปี 2566

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับตัวด้อยลงของความสามารถของ BOCHK ในการให้การสนับสนุน BOCT ซึ่งอาจบ่งชี้ได้จากการปรับลดอันดับ VR และ SSR ของธนาคารแม่ลงไปอยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าอันดับเครดิตของรัฐบาลไทยที่ ‘BBB+’ อาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตของ BOCT ทั้งนี้จะมีการพิจารณาเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตของของธนาคารและบริษัทอื่นที่พิจารณาจากปัจจัยสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศจากฟิทช์ด้วย

การปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญของโอกาสที่ BOCHK จะให้การสนับสนุนแก่ BOCT อาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตของธนาคารลูกในไทยได้เช่นกัน เช่น การลดสัดส่วนการถือหุ้นของ BOCHK ลงไปต่ำกว่า 75% และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (minority shareholder) ในระดับที่มีนัยสำคัญ ควบคู่ไปกับ การลดระดับการควบคุมการบริหารงาน การบูรณาการในเชิงปฏิบัติการ และการสนับสนุนทางการเงินตามปกติ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในด้านโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนธนาคารลูกในระยะปานกลาง

อาจมีการปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นได้ หากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวถูกปรับลดอันดับลงไปที่ ‘A-(tha)’ หรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในสมมติฐานที่เกี่ยวกับโอกาสในการไห้การสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตของ BOCT เป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุดแล้ว จึงไม่มีปัจจัยใดที่อาจทำให้อันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่ม
แหล่งที่มาของข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
แหล่งที่มาของข้อมูลหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์เป็นไปตามรายละเอียดที่อธิบายไว้ในเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

อันดับเครดิตที่เชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตภายในประเทศของ BOCT มีความเชื่อมโยงกับโครงสร้างอันดับเครดิตของ BOCHK

รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:
BOCT:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’