Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

46

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ Sentiment
ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นสู่โซน Greed
KEY FINDINGS:

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง หนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาไม่ร้อนแรงเกินไป ทำให้ตลาดคาดหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยได้ในเดือนกันยายนนี้
อย่างไรก็ตาม เครื่องมือชี้วัดด้าน Sentiment ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ สะท้อนภาพความเชื่อมั่นที่ ค่อนข้างมิกซ์ ระหว่างความคาดหวังเชิงบวกและความกังวลที่ก่อตัวขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ความผันผวนของตลาดหรือการปรับฐานในระยะสั้น

ส่วน BLS Greed & Fear Barometer สำหรับตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องและเข้าสู่โซน Greed ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ต.ค. 2024 สะท้อนถึงการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุน


US MARKET SENTIMENT TRACKER:
CNN Fear & Greed ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นจากระดับ 55 คะแนนในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 65 คะแนนในปัจจุบัน ซึ่งยังคงอยู่ในโซน Greed อย่างไรก็ตาม Market Breadth ได้ปรับตัวลงนับตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. ชี้ว่าการปรับขึ้นของดัชนีมีการกระจุกตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงลบต่อตลาด

ขณะที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนของ AAII สะท้อนถึงมุมมองต่อตลาดในช่วง 6 เดือนข้างหน้าที่แย่ลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง โดยนักลงทุนมีมุมมองฝั่ง Bearish เพิ่มขึ้นจาก 43.2% เป็น 46.2% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 31.2%) ขณะที่มุมมองฝั่ง Bullish ลดลงจาก 34.9% เหลือ 29.9% (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37.6%) ส่งผลให้ Bull-Bear Spread ปรับลดลง 7.9% เหลือ -16.3% ส่วนผลสำรวจพิเศษของ AAII ในสัปดาห์นี้ สอบถามถึงประเภทของหุ้นที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้น้ำหนักการลงทุนในปัจจุบัน พบว่า 24% เน้นหุ้นปันผล, 18% เน้นหุ้นเติบโต, 13% เน้นหุ้นคุณค่า, 3% เน้นหุ้นขนาดเล็ก ที่เหลือผสมสานกันและอื่นๆ


THAI MARKET SENTIMENT TRACKER:
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยดัชนี SET เคลื่อนไหวไซด์เวย์หลังจากปรับขึ้นถึงระดับแนวต้านสำคัญที่ 1280 จุด ขณะที่มาตรวัด BLS Greed & Fear Barometer ยังคงปรับขึ้นได้ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ห้า จาก 55 เป็น 59 คะแนน และเป็นการเข้าสู่โซน Greed เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ต.ค. 2024 องค์ประกอบย่อยที่ปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ ดัชนี Volume Index ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 สามารถยืนเหนือระดับ Mid-point ได้เป็นสัปดาห์ที่ 3 Market Breadth ที่ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง สะท้อนแรงซื้อที่กระจายตัว ดัชนี Momentum Strength ที่ขยับขึ้นเล็กน้อยจาก +37 จุดเป็น +38 จุด ขณะที่ดัชนี Bull-to-Bear แกว่งตัวอยู่ในเหนือ Upper-bound ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5


IMPLICATION:
แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง แต่บรรยากาศการลงทุนเริ่มส่งสัญญาณมิกซ์จากเครื่องมือชี้วัด Sentiment ที่ขัดแย้งกัน โดย CNN Fear & Greed มีการปรับตัวขึ้นและยังอยู่ในโซน Greed แต่ความเชื่อมั่นนักลงทุนของ AAII ชี้ถึงมุมมองเชิงลบที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง สะท้อนบรรยากาศ การลงทุนที่เริ่มเปราะบาง และเพิ่มความเสี่ยงที่ตลาดจะเข้าสู่ช่วงผันผวน หรือแม้แต่การปรับฐานในระยะถัดไป

สำหรับตลาดหุ้นไทย BLS Greed & Fear Barometer ปรับขึ้นต่อเนื่องจนเข้าสู่โซน Greed ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ต.ค. 2024 ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวก อย่างไรก็ดี การที่ดัชนี Bull-to-Bear ขยับขึ้นมาอยู่ในโซนบนสุดของช่วงการเคลื่อนไหว และเริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวลงตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงดัชนี Momentum Strength ที่ปรับตัวเข้าใกล้โซนตึงตัว และเริ่มปรับขึ้นด้วยอัตราที่ชะลอลง ล้วนสะท้อนความเป็นไปได้ที่ตลาดอาจเผชิญแรงขายทำกำไรในระยะสั้น

สรุปภาพตลาดวานนี้

วานนี้มีแรงขายหุ้นใหญ่ เช่น พลังงาน-ปิโตรเคมี PTTEP PTTGC TOP IVL ธนาคาร SCB KTB BBL (กังวล Downside NIM) และอื่นๆ AOT DELTA BDMS ส่วน THAI ยังเป็นหุ้นหลักที่พยุงตลาดไว้ โดยมีกลุ่ม Domestic หลายตัวบวกมาด้วย เช่น CPN AWC CPALL

แนวโน้มตลาดวันนี้

สะสมหุ้นรายตัว
แม้ตลาดหุ้นไทยดูจะมี Upside ที่จำกัดเมื่อเข้าใกล้โซนเป้าหมายดัชนี 1280 ของทาง BLS Research แต่กลยทุธ์ยังคงแนะนำ เลือกสะสมหุ้นไทยรายตัวที่ยังมี Upside to fair value และให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่สูง, กำไรที่มีโอกาสดีกว่าคาดนำไปสู่การปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไร...
โดยปัจจัยลบระยะสั้นต่อตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ คือ แรงขาย Sell on fact หลังงบออกและ งบหุ้นรายตัวที่ต่ำกว่าคาดนำไปสู่การปรับลดประมาณการณ์กำไร แต่ถ้าหุ้นนั้นงบดีกว่าคาด และมีโอกาสถูกปรับเพิ่มคาดการณ์กำไร เรามองเป็นโอกาสในการสะสมเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลงตามภาวะตลาด เช่น เมื่อวานที่เราเพิ่ม COM7
สำหรับปัจจัยถ่วง Upside ของตลาดหุ้นไทยอีกเรื่อง คือประเด็นการเมืองในประเทศ ซึ่งศาล รธน.ได้กำหนดวันลงมติ คดี “คลิปเสียงนายกแพรทองธาร” วันที่ 29 ส.ค.นี้ โดยวันที่ 21 ส.ค. จะเรียกไต่สวนครั้งสุดท้าย...


ตามที่เราเกริ่นไว้ในรายงานกลยุทธ์ประจำสัปดาห์แล้วว่า อุบัติเหตุการเมืองรอบนี้อาจกดดันตลาดหุ้นไทย”ระยะสั้น” เพราะตลาดจะวิตกเรื่องการเบิกจ่ายงบฯล่าช้าถูกใช้เป็นเหตุในการขายทำกำไร แต่เมื่อผ่านจุดนี้ไปได้เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาตั้งหลักเล่นขึ้นได้รอบใหม่
กลยุทธ์แนะนำ หาจังหวะเพิ่มการซื้อเก็งกำไร หุ้นที่เห็นแนวโน้มของการปรับประมาณการกำไร และการปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้นรายตัวจากนี้ไป

กลยุทธ์การลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ถือหุ้นปันผล เริ่มสะสมหุ้นต้นรอบ ดักงบการเงินไตรมาส 2 และปันผลระหว่างกาล

วิเคราะห์ทางเทคนิค

SET เริ่มสลับพัก ภายหลังขึ้นจากจุด bottom 1,053 จุด ทำผลตอบแทนสูงถึง +20%...ปัจจุบัน SET ขึ้น test Fibonacci retracement 50% ที่ 1,280 แล้วย่อ ไม่ผ่าน! ส่งผลให้แนวโน้มระยะสั้นอาจจบคลื่นขาขึ้นย่อย 1-5 เปลี่ยนเป็น corrective wave a-b-c
ปรับฐานเพื่อลดความร้อนแรง overbought ลง ขณะที่เส้น EMA 10& 200 วันจะเปลี่ยนหน้าที่เป็นแนวรับที่ 1,240-1,250 จุด....มองลักษณะปรับฐานย่อย เพื่อไปต่อนั่นเอง จับตา “Wave 3” โครงสร้างหลัก ชี้เป้าหมายระยะกลางไว้ที่ 1,330 จุด
ไฮไลท์หุ้นแนะนำ: ADVANC โครงสร้างแกร่ง กดไม่ลง/ SYNEX throw back สู้บนเส้น EMA 200 / KCE ขาขึ้น….รอบใหม่!…..ติดตามแผนเทรดหน้าเลือกหุ้นเด่นประจำวันครับ

 

What to watch
ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติคดีปมคลิปเสียงนายกฯ วันที่ 29 สค.และ วันที่ 9 ก.ย. เวลา 10:00 น. ศาลฏีกาได้นัดฟังคำสั่ง คดี”ทักษิณรักษาตัวชั้น 14” การสะดุดของรัฐบาลอาจมีผลผูกพันไปยังงบประมาณที่กำลังจะผ่านสภาฯ-อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณปี 68-69
มติเอกฉันท์ กนง.ลดดอกเบี้ยในการประชุม 13 ส.ค. เหลือ 1.5% จาก 1.75%
เศรษฐกิจภูมิภาคกลับมาขยายตัวสูง ในไตรมาสที่ 2/25 เช่น ฮ่องกง +3.1%, มาเลเซีย +4.5%, ไต้หวัน +8%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อขยายเวลาข้อตกลงพักรบทางภาษีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ออกไปอีก 90 วัน ไปจนถึงเวลา 00:01 น. ของวันที่ 10 พ.ย. เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่อัตราภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจีนจะกลับไปสูงถึงเลขหลักร้อย ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนก็ออกประกาศพักการเก็บภาษีเพิ่มเติมเช่นกัน ทั้งยังเลื่อนการเพิ่มรายชื่อบริษัทสหรัฐฯ ที่ได้ระบุไว้ในเดือนเม.ย. เข้าสู่บัญชีจำกัดการค้าและการลงทุนออกไปอีก 90 วัน
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 63.1% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเดือน ต.ค.กับเดือน ธ.ค.จะปรับลดดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% เหลือ 3.5-3.75%

หุ้นแนะนำวันนี้
COM7 รายงานกำไร 2Q25 ที่ 1พันล้านบาทดีกว่าคาด โดยไตรมาส 3 คาดบวกแรงต่อเนื่องตามฤดูกาลเปิดตัว IPHONE 17 ใหม่ (คาดมี Earnings upward revision)
แนวรับ 24 ต้าน 26 Stop loss 23.8

Tactical port ถอด TOP PTTGC IVL

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

BDMS
กรุงเทพดุสิตเวชการ
ผู้ป่วย CLMV หด กดดัน BDMS
หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เห็นสัญญาณเชิงลบ (มากกว่าที่เคยมอง) โดยเมื่อดูในรายละเอียดสำหรับ 2Q25 ผู้ป่วยต่างประเทศของ BDMS ปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV ที่ติดลบ –4% YoY และแนวโน้มเดือนกรกฎาคม น่าเป็นห่วงกว่าเดิมด้วย เพราะ CLMV ปรับตัวลงแรงถึง –26% YoY ซึ่งกลุ่มนี้มีสัดส่วนราว 6–7% ของรายได้รวม ทำให้เรามองว่ารายได้ใน 3Q25 จะปรับตัวลดลง 2–3% YoY และเราคาดกำไรจะลดลง 7% YoY แต่ดีขึ้น QoQ ตามฤดูกาล นอกจากนี้ BDMS ยังเจอฐานสูงจากไข้หวัดใหญ่ปีก่อนด้วย
Fundamental view: จากปัจจัยกดดันดังกล่าว ทำให้เราปรับกำไรลง 4% ทั้งปี 2025-26 และเราคาดเห็นการปรับกำไรของตลาดอีกราว 5-7% นอกจากนี้ เราได้ปรับราคาเป้าหมายใหม่เหลือ 20 บาท โดยลดความคาดหวังในแง่ Valuation ลงมาด้วย และปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ (จากซื้อ)


รายงานผลประกอบการวันนี้

วันนี้มีรายงานสรุปผลประกอบการจำนวน 11 บริษัท แบ่งเป็น
(+) Beat: กำไรดีกว่าคาด จำนวน 6 บริษัท ได้แก่ COM7 SIRI CK SAWAD CPF GFPT
(0) In-line: กำไรตามคาด จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ PLANB HANA
(-) Missed: กำไรต่ำกว่าคาด จำนวน 3 บริษัท ได้แก่ IVL BTS OKJ

Beat:
(+) COM7 รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% YoY และ 2% QoQ สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 7% และ 10% ตามลำดับ โดยเป็นการคุมค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองฯ ได้ดีกว่าคาด แนวโน้ม 3Q25 คาดกำไรหลักจะ เติบโต YoY (SSSG ก.ค. อยู่ที่ 7-8% และคุมค่าใช้จ่ายได้) แต่ลดลง QoQ ตามฤดูกาล (รอมือถือรุ่นใหม่เปิดตัว) เราปรับประมาณการกำไรขึ้น 6–9% สำหรับปี 2025–27 และเพิ่มราคาเป้าหมาย เป็น 27 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” การเติบโตกำไรหลักปี 2025 สูง 21% มากกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม IT Retail
(+) SIRI รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1,214 ล้านบาท ลดลง 8% YoY แต่เพิ่มขึ้น 49% QoQ สูงกว่าที่เราคาด และตลาดคาด จากรายได้การขายที่ดินเข้า JV ที่สูงกว่าคาด SIRI ประกาศจ่ายปันผล 0.05 บาท/หุ้น คิดเป็น div yield ถึง 3.3% XD 28 ส.ค. ในเบื้องต้นมองว่าแนวโน้มกำไรหลัก 3Q25 จะลดลง YoY ทรงตัว QoQ เรายังคงคำแนะนำถือ
(+) CK รายงานกำไรสุทธิ/หลัก 2Q25 ที่ 863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% YoY และ 206% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 20% และ 16% ตามลำดับ เกิดจากรายได้อื่นมากกว่าคาด (มีรายได้บริหารโครงการ และอื่นๆ เพิ่มมากกว่าคาด) ทั้งนี้ CK ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.20 บาท สำหรับ 1H25 คิดเป็น Div Yield 1.5% ขึ้น XD วันที่ 27 ส.ค. จ่ายเงิน 11 ก.ย. แนวโน้มกำไร 3Q25 คาดเบื้องต้นคาดว่าจะลดลง YoY และ QoQ จากฐานสูง เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 19 บาท


(+) CPF รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 10,377 ล้านบาท หักรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 10,994 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% YoY และ 29% QoQ มากกว่าที่เราและตลาดคาด แนวโน้ม 3Q25 คาดกำไรหลักจะ เพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ ตามราคาเนื้อสัตว์ เราปรับกำไรปี 2025-26 ขึ้น 9-15% ตามลำดับ จากอัตรากำไรที่ดีกว่าคาด (ต้นทุนลดลง) ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 27 บาท (จาก 24 บาท) คงคำแนะนำซื้อ และเป็น Top Pick ของกลุ่มฯ
(+) GFPT รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 642 ล้านบาท หักรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 664 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY และ 6% QoQ สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 10% จากค่าใช้จ่ายน้อยกว่าคาด แนวโน้ม 3Q25 คาดกำไรหลักจะ เพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ ตามการส่งออกที่ลดลง เราปรับกำไรปี 2025-26 ขึ้น 9% และ 6% ตามลำดับ ราคาเป้าหมายใหม่ 11.50 บาท (เดิม 10.60 บาท) ยังแนะนำเก็งกำไร
(+) SAWAD รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 1.3 พันล้านบาท ทรงตัว YoY เพิ่มขึ้น 15% QoQ สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 15% (ขาดทุนจากการขายรถยึดน้อยกว่าคาด และ NIM ดีกว่าคาด) ด้านคุณภาพสินทรัพย์ค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาสก่อน เราคาดกำไรสุทธิ 3Q25 จะปรับลดลง YoY (สินเชื่อลดลง และ credit cost สูงขึ้น) และ QoQ (ค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น) ทั้งนี้ เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2025 ขึ้น 8% มาที่ 4.8 พันล้านบาท (ลดลง 6% YoY) จากการปรับสมมติฐาน NIM และ cost/income ratio ดีขึ้น และปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ขาย เป็น ซื้อ ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 26 บาท

In-line:
(0) PLANB รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY และ 40% QoQ เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด แนวโน้ม 3Q25 คาดกำไรหลักจะ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY, QoQ ยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท
(0) HANA รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 35 ล้านบาท ลดลง 91% YoY และ 93% QoQ หักรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 153 ล้านบาท ลดลง 69% YoY และ 31% QoQ แนวโน้ม 3Q25 คาดกำไรหลักจะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ เราปรับลดกำไรทั้งปี 2025 ลง 29% ยังแนะนำ wait-and-see

Missed:
(-) IVL รายงานขาดทุนสุทธิ 2Q25 ที่ 521 ล้านบาท ขาดทุนหลักที่ 383 ล้านบาท พลิกจากกำไร YoY แต่ขาดทุนลดลง QoQ และต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด จากอัตรากำไรต่ำคาด และมีรายการพิเศษด้านลบ แนวโน้ม 3Q25 คาดผลประกอบการจะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ เราปรับกำไรสุทธิปี 2025 ลง 70% เหลือ 1,725 ล้านบาท ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 23.90 บาท ยังคงคำแนะนำซื้อ (มองเป็นจังหวะสะสม)
(-) BTS รายงานขาดทุนสุทธิงวด 1Q25 (เม.ย.-มิ.ย.) ที่ 230 ล้านบาท หักรายการพิเศษ ขาดทุนหลักจะอยู่ที่ 217 ล้านบาท ทรงตัว YoY แต่พลิกจากกำไร QoQ ต่ำกว่าที่เราคาดว่าจะมีกำไร และตลาดคาดว่าจะขาดทุนแค่เล็กน้อย เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรน้อยกว่าคาด และอัตราภาษีเฉลี่ยมากกว่าคาด แนวโน้มงวด 2Q25 (ก.ค.-ก.ย.) คาดเห็นการปรับตัวขึ้น YoY, QoQ จากรายได้ และส่วนแบ่งกำไร เรายังแนะนำแค่ถือ
(-) OKJ รายงานกำไรสุทธิ 2Q25 ที่ 24 ล้านบาท ลดลง 60% YoY และ 63% QoQ ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 25% จากค่าใช้จ่ายที่มากกว่าคาด (นอกจากค่าเช่าสาขาใหม่เพิ่มขึ้นมา มีค่าการตลาด-ส่งเสริมการขายเพิ่มมามากขึ้นด้วย จากการขยายธุรกิจ) แนวโน้ม 3Q25 คาดกำไรหลักจะ ลดลง YoY กดดันจาก SSS แต่ฟื้น QoQ จากการทำกลยุทธ์ด้านเมนูใหม่ และร่วมมือกับพันธมิตรใหม่อย่าง THAI รวมทั้งการขยายสาขา อย่างไรก็ตาม เราปรับลดกำไรปี 2025-26 ลง 38% และ 36% ตามลำดับ ราคาเป้าหมายใหม่ลงเหลือ 5.60 บาท (จาก 12 บาท) และปรับลดคำแนะนำลงเป็นขาย

 

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

PTTGC
พีทีที โกลบอล
เคมิคอล
การขายหุ้นในบริษัท Vencorex
PTTGC ได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อขายหุ้นสามัญ 100% ของบริษัท Vencorex US, Inc. และ บริษัท Vencorex (Thailand) Co., Ltd. ให้แก่บริษัทย่อยของบริษัท Covestro AG
View from fundamental: ธุรกรรมดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทในการทำ asset rationalization ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะยาว เราจึงยังคงแนะนำ ซื้อ (ราคาเป้าหมาย 28 บาท)

JMT
เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
แม้ JMT ประเมินกำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q25 ไปแล้ว แต่เราประเมินว่ากำไร 3Q25 จะยังลดลง YoYทิศทาง cash collection จะทยอยฟื้นตัว QoQ (แต่เราคาดว่าจะยังลดลง YoY) จากการจัดเก็บหนี้ใหม่ๆ ที่ซื้อมาใน 1H25 ได้มากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ทยอยลดลง QoQ ด้วยเช่นกัน
View from fundamental: เราคาดธุรกิจบริหารสินทรัพย์ยังฟื้นตัวช้า กดดันแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2025 จะปรับลดลง 29% YoY จึงยังแนะนำ ขาย

CPAXT
ซีพี แอ็กซ์ตร้า
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
ยังกังวลต่อกำลังซื้อที่ยังชะลอ , SSS ก.ค.ยังทรงตัวคาดกลับมาโตใน 4Q25 กลยุทธ์การขายหลักเน้นสินค้ากลุ่มอาหารสดและอาหารพร้อมทาน
View from fundamental: แม้ภาพใหญ่ยังถูกกดดันจากเศรษฐกิจ แต่เราคาดกำไรหลัก 3Q25 ของ CPAXT จะขยายตัว YoY และ QoQ จากอัตราทำกำไรที่ดีขึ้นตามผลบวกควบรวมกิจการและสัดส่วนสินค้ามาร์จิ้นสูง (อาหารสดและ Private brand) ยังโตต่อเนื่อง คงแนะนำ ซื้อลงทุน

AAV
เอเชีย เอวิเอชั่น
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
แนวโน้ม 3Q25 น่าจะยังคงอ่อนตัวใกล้เคียงกับ 2Q25 เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง, เป็นช่วงโลว์ซีซั่น, และค่าโดยสารเฉลี่ยทรงตัว QoQ (ลดลง YoY)
View from fundamental: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ นอกจากนี้ ไตรมาสที่สามยังคงเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวไทย ดังนั้นเราจึงไม่เห็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นที่ชัดเจน เรายังคงแนะนำ ขาย

BAM
บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
BAM จะเน้นขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เร็วขึ้น ผ่านช่องทางพันธมิตรใหม่ๆ ได้แก่ บริษัทนายหน้าและผู้ประกอบการอสังหาฯ รวมไปถึงสถาบันการเงิน
View from fundamental: เราประเมินว่าธุรกิจบริหารสินทรัพย์ของ BAM จะอ่อนตัวลง HoH ใน 2H25 กดดันจากธนาคารที่ยังเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และการแข่งขันที่สูงจากในอุตสาหกรร อสังหาริมทรัพย์ จึงแนะนำ SELL into strength

 


BGRIM
บี.กริม เพาเวอร์
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
คาดครึ่งปีหลัง sync ลูกค้าเพิ่ม 30–40MW (ส่วนใหญ่เข้า 4Q25) Demand IU ตั้งแต่ต้นไตรมาสเริ่มเห็นบางกลุ่ม auto part ฟื้นตัว
View from fundamental: เราคาดกำไรจะฟื้นชัดขึ้น ใน 1H26 จากการทยอย COD กำลังผลิตใหม่

CRC
เซ็นทรัล รีเทล
คอร์ปอเรชั่น
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
กำลังซื้อและบาทแข็งยังฉุด SSS โดยก.ค.ยังอ่อนตัว 4-5% (ไทยลง 2-3% ส่วนเวียดนามและอิตาลี
ลง 7-9%) ปรับแผนขยายสาขาไทวัสดุและมินิโกลงอย่างละ 1 แห่งเหลือเปิด 3 ไทวัสดุและ 2 มินิโก
View from fundamental: ระยะสั้นยังคงถูกกดดันจากเศรษฐกิจและผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย คาดกำไรหลักยังลดลง YoY ใน 3Q25 แนะนำขาย

BEM
ทางด่วนและ รถไฟฟ้ากรุงเทพ
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
คาดนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจะหนุนจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าให้เติบโตดี ทั้งนี้มองว่าภาครัฐจะจ่ายชดเชยให้ 100% สำหรับส่วนที่บริษัทมองว่าควรจะได้
View from fundamental: คาดการณ์การเติบโตของกำไรหลัก 3Q25 และแนวโน้มกำไรที่มั่นคงในระยะยาวน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

KCE
เคซีอี อีเลคโทรนิคส์
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
รายได้ 3Q25 คาดเติบโต High single digit จาก ออเดอร์ที่ฟื้นตัว และ New business บางส่วน และคาด GM มีโอกาสแตะ 20-21% ได้
View from fundamental: มุมมองจากที่ประชุมออกมาในเชิงบวกตามรายงานเช้านี้ โดยคาดกำไร 3Q25 จะฟื้นตัวมาระดับ 320-350 ล้านบาท น่าจะหนุนการเก็งกำไรได้ต่อเนื่อง ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงทำกำไรใน 4Q25 เนื่องจากมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนทั้งการเจรจาด้านราคา และผลกระทบ End-demand

AOT
ท่าอากาศยานไทย
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
การศึกษาการปรับเปลี่ยนสัญญาสัมปทาน Duty Free โดยสถาบันการศึกษา ยังคงเป็นไปตามกำหนดการและคาดว่าจะทราบผลและเสนอต่อคณะกรรมการ AOT พิจารณา ภายในเดือน ก.ย. นี้
View from fundamental: เรามองเห็นผลกระทบเชิงบวกจากการปรับขึ้นอัตราค่าบริการผู้โดยสาร (PSC) ซึ่งผู้บริหารของ AOT คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในต้นปี 2026ซึ่งยังไม่สะท้อนในประมาณการปัจจุบันของเรา)

CBG
คาราบาวกรุ๊ป
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
คาดรายได้ energy drink ใน 3Q25 ยังโต YoY และ QoQ ตามการเพิ่มขึ้นส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 26% เดือน มิ.ย. 2025 คาดรายได้ต่างประเทศลด YoY และ QoQ ใน 3Q25โดยเฉพาะจากประเทศกัมพูชาที่บริษัทคาดว่ารายได้จะลดลง 20% QoQ
View from fundamental: เราคาดว่ากำไรทั้งปีอาจได้รับแรงกดดันจากรายได้ในกัมพูชาที่หดตัว ส่งผลให้หุ้นขาดความน่าสนใจในแง่ของผลประกอบการระยะสั้น


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

กาแฟพันธุ์ไทย หนุนบริจาคเลือดช่วยชายแดน มอบเครื่องดื่มฟรีตลอดเดือนสิงหาคมนี้

กาแฟพันธุ์ไทย หนุนบริจาคเลือดช่วยชายแดน มอบเครื่องดื่มฟรีตลอดเดือนสิงหาคมนี้

ลง ซื้อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เมื่อ บจ.แจ้งงบการเงินไตรมาส2 ครึ่งปีแรกปีนี้ ออกมากันแล้ว ตอนนี้ รอวันเวลา ราคาหุ้นปรับตัวลง ...

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้