GLOBAL : ประเด็นจากงาน Opp Day

ไตรมาสที่ท้าทาย แต่คาดไตรมาส 3 เริ่มฟื้นตัว
ในงาน SET Opp Day บริษัท GLOBAL ได้สรุปผลประกอบการรายไตรมาส โดยระบุว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2025 ลดลง 32% YoY ซึ่งได้รับผลกระทบจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่หดตัว -10.47% แม้ผลประกอบการจะอ่อนแอ แต่ฝ่ายบริหารส่งสัญญาณการฟื้นตัว โดยชี้ว่าตัวเลข SSSG ในเดือนกรกฎาคมปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เหลือการหดตัวเพียงหลักเดียว บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาและเน้นสินค้ากลุ่ม House Brands ที่มีอัตรากำไรสูง โดยคาดว่ารายได้ทั้งปีจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

มุ่งเน้นสินค้ากลุ่ม House Brands ที่มีอัตรากำไรสูง
กลยุทธ์ในการรักษาความสามารถในการทำกำไรขึ้นอยู่กับสินค้ากลุ่ม House Brands ซึ่งคิดเป็น 24% ของยอดขายในไตรมาส 2 ปี 2025 โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 40% ฝ่ายบริหารตั้งเป้าให้สินค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในระยะกลาง และกำลังเพิ่มปริมาณสินค้าคงคลัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดอิสระชั่วคราว

เดินหน้าขยายธุรกิจแม้เผชิญแรงกดดัน
บริษัทเดินหน้าตามแผนการลงทุน (CAPEX) มูลค่า 2.5 พันล้านบาทในปีนี้ โดยเน้นการเปิดสาขาใหม่ โดยมีแผนเปิดร้านใหม่ 5 แห่งในประเทศไทยในครึ่งหลังของปี 2025 พร้อมกับการขยายธุรกิจในลาว อินโดนีเซีย และเมียนมา ที่น่าสนใจคือ ธุรกิจในกัมพูชายังคงมีการเติบโตของยอดขายแบบ YoY แม้จะเกิดความขัดแย้งบริเวณชายแดน เนื่องจากร้านค้าในพื้นที่ได้รับการสนับสนุนจากซัพพลายระหว่างประเทศและความต้องการภายในประเทศที่ยังคงอยู่

ซัพพลายเชนเหล็กยังคงมั่นคง
ฝ่ายบริหารยืนยันว่าไม่มีปัญหาขาดแคลนเหล็กอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 15% ของยอดขาย บริษัทพึ่งพาซัพพลายเชนภายในประเทศที่หลากหลายสำหรับเหล็กมาตรฐาน TISI และไม่ได้มีการนำเข้าเหล็กหลักจากจีน ปัญหาสต็อกเล็กน้อยที่เกิดขึ้นมาจากการตัดสินใจยกเลิกสินค้าที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ไม่ใช่ความล้มเหลวของระบบซัพพลาย เราแนะนำให้ “ถือ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 10.00 บาท