วันพุธที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว sideway ในแดนบวกจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ขนส่ง และธนาคารเป็นต้น โดยหุ้น DELTA ส่งผลบวกต่อดัชนีราว +10 จุด มีประเด็นสำคัญในช่วงบ่ายคือ กนง.มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาที่ 1.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ consensus คาด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,277.43 จุด +18.36 จุด +1.46% มูลค่าการซื้อขาย 70,029 ลบ. Program Trading +1,494.81 ลบ.ต่างชาติ -6,655.96 ลบ. TFEX +4,510 สัญญา ตราสารหนี้+90.89 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 463.66 จุด หรือ +1.04% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันวันที่สอง โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
+ สหรัฐรายงานดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 2.7%YoY ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8% YoY หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 2.7% YoY เช่นกันในเดือนมิ.ย. ทำให้นักลงทุนมั่นใจ 100% ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.
+ รัฐบาลจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญ "อุดหนุนดอกเบี้ยเงินกู้" ให้แก่ภาคประชาชนและธุรกิจ เพื่อลดภาระต้นทุนและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ
+ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนระบุว่า บรรดาผู้นำจากยุโรปและสหรัฐฯ เห็นพ้องในหลักการ 5 ข้อสำหรับการเจรจากับรัสเซีย
+ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย.
+ กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี มีผลทันที โดยเศรษฐกิจไทยในปี 68 และปี 69 ขยายตัว ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้
+ กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี มีผลทันที โดยเศรษฐกิจไทยในปี 68 และปี 69 ขยายตัว ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ ขณะที่เช้านี้ธนาคารต่างทยอยประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 52 เซนต์ หรือ -0.82% ปิดที่ 62.65 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่สูงเกินคาด และสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่าอุปทานน้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าคาดทั้งในปีนี้และปีหน้า
- รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศ เตรียมไต่สวนข้อกล่าวหาที่ว่าสินค้าเหล็กกล้าจากจีนและเกาหลีใต้ถูกส่งเข้ามาตีตลาดในราคาที่ต่ำกว่าปกติอย่างไม่เป็นธรรม หลัง 4 ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเหล็กกล้าในประเทศยื่นเรื่องร้องเรียน
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เตือนว่า รัสเซียจะเผชิญกับผลลัพธ์ที่รุนแรงอย่างมาก หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงภายในสัปดาห์นี้
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี ขณะที่นักลงทุนยังติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะสิ้นสุดวันนี้ คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,270 - 1,285 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
-เที่ยวไทยคนละครึ่ง : AWC MINT ERW CENTEL SHR
-หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการที่ก.ล.ต.เตรียมเปิด Sandbox ให้ชาวต่างชาตินำคริปโตแลกเงินบาทนำมาใช้จ่ายธนาคาร KBANK SCB BAY โรงแรม MINT CENTEL ERW AWC สายการบิน AAV BA บันเทิง MAJORค้าปลีก CPALL CPAXT หุ้นคริปโต JTS BTC XPG ZIGA
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการภาษีที่ต่ำกว่า 36% : AMATA WHA ROJNA TU ITC AAI HANA KCE DELTA
- MSCI ปรับน้ าหนักวันที่ 26 ส.ค. : MSCI Thailand เข้า - ออก HMPRO, OR MSCI Global Small Capเข้า KTC, HMPRO ออก ICHI, SISB, TPIPL
- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : SAWAD TIDLOR THANI NCAP SAK