Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บลจ.ยูโอบี "รู้จัก FTSE Russell ESG Scores ยกระดับความยั่งยืนหุ้นไทย สู่มาตรฐานสากล"

58

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (14 สิงหาคม 2568 )-----ในยุคที่โลกการลงทุนไม่ได้พิจารณาเพียงผลกำไรทางการเงิน แต่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับ "ความยั่งยืน" ที่ผสมผสานปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เข้ากับการลงทุน คะแนน ESG จึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนใช้ประกอบการคัดเลือกหลักทรัพย์และตัดสินใจลงทุน เพื่อเสริมสร้างผลตอบแทนระยะยาว  ผู้ประเมินผลการดำเนินงานด้าน ESG ระดับโลกอย่าง FTSE Russell ได้พัฒนา FTSE Russell ESG Scores ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีมาตรฐาน และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในการประเมินศักยภาพด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก

               ในปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้เริ่มโครงการนำร่องการประเมิน FTSE Russell ESG Scores กับบริษัทจดทะเบียนไทย เพื่อยกระดับการดำเนินงานด้าน ESG และสะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนตามมาตรฐานระดับสากล (ที่มา: ฝ่ายพัฒนาการลงทุนอย่างยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568)


               บทความนี้จึงอยากพาท่านผู้อ่านไปรู้จักกับ FTSE Russell ESG Scores กันให้มากขึ้นว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และจะเป็นประโยชน์ในแง่มุมไหนบ้าง ทั้งต่อนักลงทุนและบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย


FTSE Russell ESG Scores คืออะไร ทำไมจึงสำคัญ?              
               
                FTSE Russell ESG Scores คือ การประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนจากข้อมูลที่บริษัทได้เปิดเผยสู่สาธารณะ จัดทำขึ้นโดย FTSE Russell ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ให้บริการด้านข้อมูลทางการเงินในเครือ London Stock Exchange Group (LSEG) (ที่มา: LSEG)  โดยหลักเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนของ FTSE Russell ESG Scores จะแบ่งออกเป็น 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ซึ่งในแต่ละมิติจะมีตัวชี้วัดย่อย (Indicators) กว่า 300 รายการ โดยจำนวนธีมและจำนวนตัวชี้วัดที่แต่ละบริษัทได้รับการประเมินจะแตกต่างกันไปตามประเด็นสาระสำคัญ (Material Issue) ชองแต่ละประเทศ กลุ่มอุตสาหกรรม และสัดส่วนรายได้ของธุรกิจ (ที่มา: FTSE Russell)  อาทิเช่น

1. มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) เช่น ความหลากหลายทางชีวภาพ, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การจัดการมลพิษและทรัพยากร, การบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น

2. มิติด้านสังคม (Social) เช่น มาตรฐานแรงงาน, สิทธิมนุษยชนและความรับผิดชอบต่อชุมชน, สุขอนามัยและความปลอดภัย, ความรับผิดชอบต่อลูกค้า เป็นต้น

3. มิติด้านธรรมาภิบาล (Governance) เช่น การต่อต้านการทุจริต, การกำกับดูแลกิจการ, การบริหารความเสี่ยง, ความโปร่งใสด้านภาษี เป็นต้น

ผลคะแนนของ FTSE Russell ESG Scores จะประกาศเป็นช่วงตัวเลขตั้งแต่ 0.0 ถึง 5.0 คะแนน โดยบริษัทที่ได้ 0.0 คะแนน หมายถึง ไม่มีข้อมูลให้ประเมิน ส่วนบริษัทที่ได้ตั้งแต่ 3.0 คะแนนขึ้นไป หมายถึง Good Practice และบริษัทที่ได้ 5.0 คะแนน หมายถึง Best Practice (ที่มา: setsustainability)

 

FTSE Russell ESG Scores ช่วยยกระดับหุ้นไทยยั่งยืน อย่างไรบ้าง?
               
1. ประโยชน์ต่อนักลงทุน  

    ช่วยให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลด้าน ESG ที่โปร่งใส ชัดเจน สามารถเปรียบเทียบกับบริษัทชั้นนำระดับโลก เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันจะสามารถเข้าถึงมาตรฐานการรายงานข้อมูลความยั่งยืนระดับโลกจากผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ข้อมูลดิบด้าน ESG ซึ่งสามารถช่วยพัฒนาด้านการลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการเปรียบเทียบการดำเนินงานด้าน ESG ของแต่ละบริษัท ซึ่งผลคะแนน FTSE Russell ESG Scores สามารถนำไปเปรียบเทียบกับบริษัทชั้นนำระดับโลกได้ เพราะเป็น Global Benchmarking ที่ใช้ Methodology ซึ่งพิจารณาประเด็นด้านความยั่งยืน และแบ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ละเอียดถึง 173 Subsectors เพื่อสะท้อนลักษณะของแต่ละธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังพิจารณาประเทศที่ตั้งของแต่ละธุรกิจเพื่อให้การประเมินสอดคล้องกับ Local context ซึ่งแนวทางนี้ถูกใช้กับ 8,000 บริษัทใน 47 ประเทศทั่วโลก จึงสามารถนำไปใช้เทียบเคียงกับ Global peers ได้


2. ประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียนไทย

    เป็นการเพิ่มศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทยและตลาดหุ้นไทยในสายตานักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจากกรอบการพัฒนาด้านความยั่งยืนที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เนื่องจาก FTSE Russell จะประเมินบริษัทจดทะเบียนไทยจากข้อมูลที่บริษัทได้เปิดเผยสู่สาธารณะ มีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือ และยังเป็น Global Rater ที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
    อีกทั้งยังสามารถเปรียบเทียบ (benchmark) กับบริษัทในระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านกระบวนการประเมินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Independent External Committee ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากภาคธุรกิจ นักลงทุน องค์กรไม่แสวงผลกำไร (NGOs) และนักวิชาการ ทำให้การประเมินดังกล่าวสะท้อนมุมมองจากผู้มีส่วนได้เสียอย่างหลากหลาย และเป็นไปตามหลักการของความโปร่งใสและความยั่งยืนอย่างแท้จริง (ที่มา: setsustainability)


จะเห็นว่าผลประเมินจาก FTSE Russell ESG Scores เป็นกรอบอ้างอิงที่เป็นประโยชน์แก่บริษัทจดทะเบียนไทยในการพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานความยั่งยืนในระดับสากล พร้อมทั้งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริษัทและนักลงทุนทราบทิศทาง แนวโน้มและความคาดหวังด้าน ESG เพื่อนำไปใช้ยกระดับมาตรฐานและการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ บริษัทที่เข้าร่วมประเมิน FTSE Russell ESG Scores ปี 2567 จะถูกคัดกรองจากบริษัทที่อยู่ในดัชนีหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 และเป็นบริษัทที่อยู่ใน SET100 Index ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 – ธันวาคม 2566 (รอบใดรอบหนึ่ง) (ที่มา: The Guideline to FTSE Russell ESG Scores ณ มีนาคม 2568)  ซึ่งปี 2567 มีบริษัทจดทะเบียนไทย 225 แห่ง ได้รับคะแนนระดับ Good Practice (≥3.0) ถึง 121 บริษัท หรือคิดเป็นเกือบ 50% ของบริษัทที่ได้รับการประเมินทั้งหมด โดยด้านบรรษัทภิบาล (Governance) บริษัทไทยทำคะแนนเฉลี่ยสูงสุดที่ 4.2 จาก 5 คะแนนเต็ม แสดงถึงความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

 

อย่างไรก็ตาม มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ยังคงเป็นจุดอ่อนที่ต้องพัฒนา โดยพบว่ากว่า 70% ของจำนวนบริษัทไทยมีคะแนนเฉลี่ยน้อยกว่า 3 คะแนน เนื่องจากขาดความคุ้นเคยกับตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การบริหารความเสี่ยงด้าน Climate Change เป็นต้น (ที่มา: ฝ่ายพัฒนาการลงทุนอย่างยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568)

 

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจการลงทุนที่ผสมผสานแนวคิด ESG เข้าไปในกระบวนการลงทุน  ปัจจุบัน บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ("บลจ.ยูโอบี") ได้นำเสนอกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์ที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งครอบคลุมการลงทุนทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ ดังนี้

 

    UTSB-THAIESG: กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ตราสารหนี้ไทย ซัสเทนเนเบิล – หน่วยลงทุนชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับสิทธิ  ประโยชน์ทางภาษีและไม่จ่ายเงินปันผล ระดับความเสี่ยง 3 – เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ที่กระทรวงการคลัง หน่วยงานภาครัฐ หรือกองทุนฟื้นฟูเป็นผู้ออก ผู้สั่งจ่าย ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือเป็นผู้มีภาระผูกพัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยนะ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย หรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย แต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (sustainability bond) หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน(sustainability - linked bond) รวมถึงตราสารหนี้อื่นใดในกลุ่มความยั่งยืนตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG Fund) สามารถลงทุนหรือมีไว้ได้ โดยมี net exposure ในทรัพย์สินดังกล่าว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

 

    UTSEQ-THAIESG: กองทุนเปิด ยูไนเต็ด หุ้นไทย ซัสเทนเนเบิล – หน่วยลงทุนชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและไม่จ่ายเงินปันผล ระดับความเสี่ยง 6 – เสี่ยงสูง มีนโยบายการลงทุนลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจที่ได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือองค์กร หรือสถาบันอื่นที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยอมรับว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) หรือด้านความยั่งยืน (ESG) ซึ่งประกอบไปด้วยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านสังคม (Social) และด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน


               นอกจากนี้ บลจ. ยูโอบี ยังได้รับรางวัล Best ESG Engagement Initiative (Thailand), Best of the Best Awards 2025 Asia Asset Management ซึ่งตอกย้ำความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ESG อีกด้วย

บทความโดย บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด

ติดตามข้อมูลการลงทุนอย่างยั่งยืนได้ที่ https://www.uobam.co.th/th/Sustainability

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2786-2222 หรือ www.uobam.co.th

 

คำเตือน

    ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
    การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่การฝากเงินและไม่สามารถรับรองผลตอบแทนได้
    ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
    ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม Thai ESG ด้วย กรณีไม่ได้ปฎิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี ผู้ลงทุนจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุนรวม
    ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดข้อมูลต่างๆ ในหนังสือชี้ชวนของ SRI Fund ก่อนการลงทุน เพื่อให้รับทราบถึงข้อมูลสำคัญต่างๆ ก่อนการลงทุน อาทิ นโยบายการลงทุน หลักทรัพย์ที่กองทุนนั้นได้ไปลงทุน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตลอดจนค่าธรรมเนียมรวมถึงสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุนที่ได้รับอนุญาตก่อนการซื้อขาย ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบรายชื่อของกองทุน SRI Fund ได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุน

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

เปลี่ยนมือ By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็น วานนี้ ต่างชาติ เทขายหุ้น 6,655.96 ล้านบาท สรุปสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 7,778.30 ล้านบาท นับเป็นการ....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้