Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

72

 

SET พัก 2 วัน ชาร์จพลังเต็มถัง
TOP PICK SCGP / ICHI / GPSC

 

EXTERNAL FACTOR
• วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บวกยกแผงราว 1.1% ถึง 3.0% โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ หนุน ดัชนี NASDAQ พุ่ง ATH ท่ามกลางความตึงเครียดของมาตรการ TARIFF ดูผ่อน คลายลง ระหว่างมวยคู่เอกอย่างสหรัฐฯ และจีน
• เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะถึงเส้นตายการใช้มาตรการภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในวีนที่ 12 ส.ค. 68 ปธน. ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ขยายเวลาการพักการ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน อีก 90 วัน จนถึง 10 พ.ย. 68
• นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเปิดให้จีนนำเข้าชิปได้

 

INTERNAL FACTOR
• ดัชนี CPI +2.7%YOY เดือน ก.ค.68 แต่เงินเฟ้อพื้นฐาน (CORE CPI) พุ่งสูงสุดรอบ 6 เดือน MOM ทำให้นักลงทุนยังคงคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.68 กว่า 93.4%
• ประเทศไทยมีโอกาสเห็นมาตรการที่จะเข้าประคับประคองทั้งนโยบายการคลัง และ นโยบายการเงินในอนาคต ซึ่งทิศทางดอกเบี้ยไทย 2H68 มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้ง ราว 0.25-0.50% โดย CONSENSUS ให้น้ำหนักราว 61% คาด กนง. จะปรับลด ดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้

 

INVESTMENT STRATEGY
• เดือน ส.ค. (MTD) FUND FLOW ไหลเข้าตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ทุกแห่ง รวมถึงไทยที่ต่างชาติซื้อสุทธิ 4.5 พันล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีโอกาสเห็นเม็ดเงินย้ายจากตลาดตราสารหนี้เข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้นทั้งจาก MARKET EARNING YIELD GAP ที่กว้างถึง 4.5% และ BOND YIELD ระยะสั้นที่ปรับตัวลงแรงกว่าระยะยาว หรือเป็นการเกิด BULL STEEPENING YIELD CURVE ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเห็นจากการเก็งว่าจะมีการลด ดอกเบี้ย หรือเกิดขึ้นหลังเม็ดเงินมีการไหลเข้า SAFE HAVEN ในช่วงก่อนหน้าปริมาณมาก
• กลยุทธ์ดัก FUND FLOW แนะนำหุ้นปัจจัยภายนอกหนุน CHINA PLAY: SCGP, SCC, TECH : DELTA, ดอกเบี้ยขาลง : KTC, MTC, ICHI, ERW

 

ตลาดหุ้นดูดีใจ หลังกระแส TARIFF มวยคู่เอก (สหรัฐฯ – จีน) พักยก
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บวกยกแผงราว 1.1% ถึง 3.0% โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ หนุนดัชนี NASDAQ พุ่ง ATH ท่ามกลางความตึงเครียดของมาตรการ TARIFF ดูผ่อนคลายลง ระหว่างมวยคู่เอกอย่างสหรัฐฯ และจีน

 

เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะถึงเส้นตายการใช้มาตรการภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ และจีนในวีนที่ 12 ส.ค. 68 ปธน. ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ขยายเวลาการพักการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน อีก 90 วัน จนถึง 10 พ.ย. 68 โดย ทั้งสองฝ่ายตกลงลดการเก็บภาษีตอบโต้และผ่อนคลายข้อจำกัดการส่งออก แม่เหล็กแร่หายาก (RARE EARTH MAGNETS) และเทคโนโลยีบางประเภท ซึ่งการเลื่อนกรอบเวลานี้ช่วยบรรเทาความกังวลว่าจะเกิดสงครามการค้า รอบใหม่ อีกทั้งจะมีเวลาเพิ่มขึ้นเพื่อหารือประเด็นค้างคา อาทิ ภาษีเกี่ยวกับการลักลอบขนเฟนทานิล, ความกังวล เรื่องจีนซื้อน้ำมันจากรัสเซียและอิหร่าน, ข้อจำกัดการดำเนินธุรกิจของบริษัทสหรัฐในจีน เป็นต้น

 

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเปิดให้จีนนำเข้าชิปได้โดย NVIDIA และ AMD ได้ทำข้อตกลงกับรัฐบาลทรัมป์ โดยยอมจ่าย 15% ของรายได้จากการขายชิป AI ให้สหรัฐ เพื่อแลกกับสิทธิส่งออกไปจีน บวกกับ ปธน. ทรัมป์ยังเปิดทางอาจ อนุญาตขายชิป AI รุ่นลดสเปกให้จีนในอนาคต

 

อย่างไรก็ดี แม้กระแส TARIFF จะดูผ่อนคลายลง แต่ในระยะยาวยังต้องจับตาผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่าง ใกล้ชิด ขณะที่บ้านเรา CONSENSUS คาดการณ์ GDP GROWTH ไทยใน 2Q68 ขยายตัวแค่2.5%YOY ซึ่งชะลอ ตัวลงจาก 1Q68 ที่ 3.1%YOY

 

ดอกเบี้ยสหรัฐฯ-ไทย DOVISH มากขึ้น หนุนเม็ดเงินยังไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
วานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น 1.1%-1.4% หลังสหรัฐฯตลาดแรงงานยังคงอ่อนแอจากตัวเลขเศรษฐกิจก่อน หน้านี้ บวกกับ ดัชนี CPI +2.7%YOY เดือนก.ค.68แต่เงินเฟ้อพื้นฐาน(CORE CPI)พุ่งสูงสุดรอบ 6 เดือน MOM ทำ ให้นักลงทุนยังคงคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.68 โดย FED WATCH TOOL บ่งชี้ว่า ความเป็นไปได้ที่ FED จะลดดอกเบี้ยลง 25 BPS. อยู่ที่ 93.4% และมอง ณ สิ้นปีนี้จะลด ดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 25 BPS. อยู่ที่ระดับ 3.75% ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น(BOND YIELD 2 ปี) ปรับตัวลดลงแรงเหลือ 3.73% สะท้อนการลดดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้ง

 

ขณะที่ไทยมีโอกาสเห็นมาตรการที่จะเข้าประคับประคองทั้งนโยบายการคลัง และนโยบายการเงินในอนาคต ซึ่งทิศทาง ดอกเบี้ยไทย 2H68 มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้ง ราว 0.25-0.50% สะท้อนผ่านตราสารหนี้ไทยอายุน้อยกว่า 10 ปีที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% โดย CONSENSUS ให้น้ำหนักราว 61% คาด กนง. จะปรับลด ดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้

 

ส่วนนโยบายการคลัง ตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 ส.ค.68 สภาฯนัดถกงบปี 69 วาระ 2 - 3 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท (+0.7%YOY) โดยแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ : ประมาณ 2.92 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 77.3% ของงบทั้งหมด และ รายจ่ายลงทุน: ประมาณ 860,000 ล้านบาท หรือ 22.7% ของงบทั้งหมด ซึ่งต้องติดตามว่าจะสามารถโหวตผ่านได้ หรือไม่ หากผ่านจะมีเม็ดเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนภาครัฐ และโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยพยุงเศรษฐกิจไทย ปี 2568 ให้มีโอกาสให้เติบโตเกิน 2% และทำให้ SET INDEX เป็นเป้าหมายของ FUND FLOW ในระยะถัดไป

 

FUND FLOW มีโอกาสไหลเข้าหุ้นไทยต่อ ทั้งจากต่างชาติ และโยกจากตลาดตราสารหนี้
เดือน ส.ค. (MTD) FUND FLOW ไหลเข้าตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ทุกแห่ง รวมถึงไทยที่ต่างชาติซื้อสุทธิ 4.5 พันล้านบาท

 

ขณะเดียวกันยังมีโอกาสเห็นเม็ดเงินย้ายจากตลาดตราสารหนี้เข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น ด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้

▪ BOND YIELD อยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะ 2 –4 ปี ที่ต่ำกว่า 1.25% หรือต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบายเกิน 0.5%
▪ ระดับ MARKET EARNING YIELD GAP ที่กว้างถึง 4.5% หนุนเม็ดเงิน มีโอกาสสลับจากตราสารหนี้มาที่ หุ้นมากขึ้น
▪ BOND YIELD ระยะสั้นที่ปรับตัวลงแรงกว่าระยะยาวในช่วงที่ผ่านมา หรือเป็นการเกิด BULL STEEPENING YIELD CURVE ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเห็นจากการเก็งว่าจะมีการลดดอกเบี้ย หรือเกิดขึ้น หลังเม็ดเงินมีการไหลเข้า SAFE HAVEN ในช่วงก่อนหน้าปริมาณมาก

 

กลยุทธ์การลงทุน เลือกดัก FUND FLOW แนะนำหุ้นปัจจัยภายนอกหนุน CHINA PLAY: SCGP, SCC, TECH : DELTA, ดอกเบี้ยขาลง : KTC, MTC, ICHI, ERW

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์


 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

สู่จุดหมาย By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง รอคอยปัจจัยบวกใหม่ เพื่อให้ทั้งดัชนีตลาดและราคาหุ้น มุ่งไปสู่จุดหมาย ขอให้เม็ดเงินนอก ....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้