Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

92

 

 

 

SET ขึ้นมาแรง ก็ยังหวังขึ้นต่อ
TOP PICK ICHI / SPALI / TASCO

EXTERNAL FACTOR
• แม้มีความกังวล TRADE TARIFF ในบางประเทศ อาทิ อินเดีย แต่สภาวะการค้าโลกมีแนวโน้มดูดีขึ้น จากความกังวลดังกล่าวต่อประเทศต่างๆที่ผ่อนคลายลง หลังเจรจากันไปหลายประเทศ จึงทำให้ภาวะดอกเบี้ยขาลงยังคงเกิดเร็วขึ้น
• FED WATCH TOOL คาดว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกปีนี้ในเดือน ก.ย. 68(4.50% สู่ 4.25%) จากช่วง 1 ที่ผ่านมาคาดลดครั้งแรก ณ ก.ค.68 ส่วนวานนี้ BOE ก็มีมติลดดอกเบี้ย 25 BPS. เหลือ 4.00% และไทยมีโอกาสเห็นการลดดอกเบี้ย 25BPS. ตั้งแต่การประชุมรอบ 13 ส.ค.68


INTERNAL FACTOR
• เงินเฟ้อไทยเดือน ก.ค. 68 -0.7%YOY (ต่ำกว่าคาด -0.4%) หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือนติดกัน ส่วน CORE CPI ล่าสุด +0.84%YOY ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.93% และชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ 1.06% ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่มีแนวโน้มต่ำลง อาจเห็นภาพ GDPGROWTH ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงได้
• มุมมองเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่มีโอกาสดูดีขึ้นเมื่อเทียบกับประมาณการเดิม ถือเป็นข่าวดีที่อาจหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้า SET และดีดตัวแรงในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไปอาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้น จากผลกระทบของ TARIFFS ที่เสี่ยงเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะ 2H68 ลากยาวไปจนถึง 1H69

 

INVESTMENT STRATEGY
• เดือนนี้ FUND FLOW ไหลเข้าหุ้นไทยเพียงแห่งเดียวในตลาดหุ้นเอเชียใต้ และมีมูลค่าซื้อสุทธิสะสมสูงถึง 4.7พันล้านบาท (MTD) และพรุ่งนี้มีโอกาสเห็น MSCI เพิ่มน้ำหนัก หลัง SET ขึ้นได้แรงกว่าตลาดหุ้นโลกมากในช่วง1 –2 เดือนที่ผ่านมา แนะนำไทยในดัชนี MSCI น่าสะสม อย่าง KBANK, SCC, CPF, BH, SCGP, AWC, MTC
• มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยสูงถึง 6.5 หมื่นล้านบาท (คิดเป็น TURNOVER 100% ต่อปี)ซึ่งเพียงพอที่จะผลักดันตลาดหุ้นขึ้นต่อได้ รวมถึงเห็นการกระจายมายังหุ้นแถว 2 แถว 3 เพิ่มขึ้น จากมูลค่าซื้อขายหุ้น NON SET100 วานนี้ก้าวกระโดดเป็น 1.38 หมื่นล้านบาท มากกว่าค่าเฉลี่ยปีนี้ที่ 5.3 พันล้านบาท/วัน ถึง157% แนะนำเก็งกำไรสั้นๆICHI, AAV, TKN,JMT, SINGER, THANI, BTG

 

 

แม้มีความกังวล TRADE TARIFF ในบางประเทศ แต่ภาวะดอกเบี้ยขาลงยังคงเกิดเร็วขึ้น
แม้ทรัมป์เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียเป็น 50% เพื่อกดดันการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย และประกาศจะเก็บภาษี100% กับสินค้านำเข้าที่มีเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) แต่จะยกเว้นภาษี ให้กับบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตกลับมาสหรัฐฯหรือมีแผนลงทุนในประเทศอย่างชัดเจน แต่สภาวะการค้าโลกมีแนวโน้มดูดีขึ้น จากความกังวลดังกล่าวต่อประเทศต่างๆที่ผ่อนคลายลง หลังเจรจากันไปหลายประเทศ และรู้ตัวเลขที่แน่นอนสำหรับอัตราภาษีนำเข้าแล้ว สิ่งที่ส่งผลตามมา คือ การเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยที่ง่ายขึ้นของธนาคารกลางต่างๆ อาทิFED ที่ส่งสัญญาณ DOVISH มากขึ้น สอดคล้องกับ FED WATCH TOOL ที่คาดว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกปีนี้ในเดือน ก.ย. 68 (4.50% สู่4.25%) จากช่วง1 ที่ผ่านมาคาดลดครั้งแรก ณ ก.ค.68 ส่วนวานนี้BOE ก็มีมติลดดอกเบี้ย 25 BPS. เหลือ 4.00%เช่นกัน

 

ส่วนประเทศไทยมีโอกาสเห็นมาตรการที่จะเข้าประคับประคองทั้งนโยบายการคลัง และนโยบายการเงินในอนาคต ซึ่งทิศทางดอกเบี้ยไทย 2H68 มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้ง ราว 0.25-0.50% สะท้อนผ่านตราสารหนี้ไทยอายุน้อยกว่า 10 ปีที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ซึ่งหลายสำนักเศรษฐกิจที่รวบรวมโดย BLOOMBERG ก็คาดว่าดอกเบี้ยจะเริ่มลด 25 BPS. ตั้งแต่การประชุมรอบ 13 ส.ค.68ซึ่งประเมินว่าการปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. จะหนุนระดับ PE ขึ้น 0.67 เท่า และดัน TARGET SET INDEXจะขยับขึ้นมาได้ราว 57 จุดดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เน้นหุ้นได้ประโยชน์หากอัตราดอกเบี้ยลดลง แนะนำหุ้นกลุ่มเช่าซื้อ MTC TIDLORกลุ่มอสังหา AP SPALI และกลุ่ม HIGH YIELD ADVANC SCC

 

ความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงระยะถัดไป...ยังวางใจไม่ได้
วานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือน ก.ค. 68 -0.7%YOY (ต่ำกว่าคาด -0.4%) หดตัวต่อเนื่อง4เดือนติดกัน ตามการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ เช่น เนื้อหมู น้ำมันพืช ผักสด แก๊สโซฮอล์ ฯลฯ ส่วน CORE CPIล่าสุด +0.84%YOY ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.93% และชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ 1.06%สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อไทยเดือน ส.ค. 68 ก.พาณิชย์คาดว่าจะต่ำเช่นเดียวกับเดือน ก.ค. ด้วยปัจจัยกดดันหลักๆจากราคาน้ำมันดิบย่อตัว บวกกับราคาผักสดต่ำลง รวมทั้งนโยบายภาครัฐช่วยลดค่าไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว ผ่านโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง อย่างไรก็ตามยังต้องระวังผลกระทบจาก TARIFF สหรัฐฯ พุ่งเป็น 19%ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลในอดีตของเงินฟ้อและ GDP ของไทย มักเคลื่อนไหวไปในทางเดียวกัน ซึ่งเงินเฟ้อไทยที่มีแนวโน้มต่ำลง อาจเห็นภาพ GDP GROWTH ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงได้

และจากความสัมพันธ์ระหว่าง GDP GROWTH ไทย กับ SETช่วงที่เศรษฐกิจไทยมีแรงกระตุ้นทยอยฟื้นตัวได้สูงกว่าคาดการณ์มันจะหนุนให้ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นตามไปด้วย อาทิ ช่วง 1Q66-1Q65 เป็นต้น แต่ในทางกลับกัน ช่วงที่GDP GROWTH เติบโตต่ำกว่าคาดการณ์หลายไตรมาสติดต่อกัน ก็มักจะตามมาด้วยการย่อตัวของตลาดหุ้นไทยเช่นกัน อาทิ ช่วง 1Q62-4Q62และ 2Q66-4Q66เป็นต้นขณะที่สถานการณ์ปัจจุบัน บ้านเรารับรู้แรงกดดันในหลายประเด็นตลอด 1H68 ทั้งเรื่องการเมืองไทย บวกกับสงคราม และความกังวล TARIFFS พุ่งสูง ทำให้สำนักเศรษฐกิจต่างปรับลดคาดการณ์ GDP GROWTH ไทยปีนี้ลงมาเหลือเฉลี่ย 1.7% (เดิมคาด 2.7%) แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุดบางสำนักเศรษฐกิจเริ่มปรับคาดการณ์ GDP GOWTHไทย เพิ่มอีกครั้ง หลังประเมินว่าในช่วง 1H68 มีการเร่งตัวของภาคการส่งออกสูงกว่าคาด


มุมมองเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่มีโอกาสดูดีขึ้นเมื่อเทียบกับประมาณการเดิม ถือเป็นข่าวดีที่อาจหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าSET และดีดตัวแรงในช่วงที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี ในระยะถัดไปอาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้น จากผลกระทบของTARIFFS ที่เสี่ยงเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะ 2H68 ลากยาวไปจนถึง 1H69ซึ่ง GDP GROWTH ของไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอตัว

FUND FLOW ไหลเข้า มูลค่าซื้อขายแน่น หวัง SET เดินหน้าต่อ
เดือนนี้ FUND FLOW ไหลเข้าหุ้นไทยเพียงแห่งเดียวในตลาดหุ้นเอเชียใต้ และมีมูลค่าซื้อสุทธิสะสมสูงถึง 4.7 พันล้านบาท (MTD) และพรุ่งนี้มีโอกาสเห็น MSCI เพิ่มน้ำหนัก หลัง SET ขึ้นได้แรงกว่าตลาดหุ้นโลกมากในช่วง 1 –2 เดือนที่ผ่านมา แนะนำไทยในดัชนี MSCI น่าสะสม อย่าง KBANK, SCC, CPF, BH, SCGP, AWC, MTC


และมูลค่าซื้อขายหุ้นไทยกลับมาโดดเด่น วานนี้สูงถึง 6.5 หมื่นล้านบาท (คิดเป็น TURNOVER 100% ต่อปี) และมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยเดือน ส.ค. นี้5.4 หมื่นล้านบาท/วัน (คิดเป็น TURNOVER 83% ต่อปี)


เพียงพอที่จะผลักดันตลาดหุ้นขึ้นได้ รวมถึงเห็นการกระจายมายังหุ้นแถว 2 แถว 3 เพิ่มขึ้น จากมูลค่าซื้อขายหุ้น NONSET100 วานนี้ก้าวกระโดดเป็น 1.38 หมื่นล้านบาท มากกว่าค่าเฉลี่ยปีนี้ที่ 5.3 พันล้านบาท/วัน ถึง 157% แนะนำเก็งกำไรสั้นๆ ICHI, AAV, TKN, JMT, SINGER, THANI, BTG

 


Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

สถานะซื้อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เห็นต่างชาติ ยังคงสถานะซื้อหุุ้นไทยต่อเนื่อง 4 วัน สำหรับเดือนสิงหาคม 68 จำนวน 4746 ล้านบาท....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้