วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้น โดยยังคงได้แรงหนุนจากนักลงทุนปรับเพิ่มคาดการณ์ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็น 3 ครั้งในปีนี้ จากเดิมคาดเพียง 1 ครั้ง ประกอบกับ Fund Flow ที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุม GBC ระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดน มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มขนส่ง โรงพยาบาล และพลังงาน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,246.96 จุด +17.56 จุด +1.43% มูลค่าการซื้อขาย 53,040.81 ลบ. Program Trading +1,129.27 ลบ. ต่างชาติ +2,059.21 ลบ. TFEX -1,088 สัญญา ตราสารหนี้+642.11 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ลดลง 16% สู่ระดับ 6.02 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 6.26 หมื่นล้านดอลลาร์จากระดับ 7.17 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.
+ สหภาพยุโรป (EU) ประกาศว่าจะระงับแผนการขึ้นภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งเดิมมีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาจัดทำแถลงการณ์ร่วมด้านการค้า หลังจากผู้นำทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเมื่อวันที่ 27 ก.ค.
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 61.90 จุด หรือ -0.14% ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งซึ่งรวมถึง ยัม แบรนด์ส (Yum! Brands) ระบุว่าผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษี
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ -1.7% ปิดที่ 65.16 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดยังคงถุกกดดันจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอลงทั่วโลก ขณะที่นักลงทุนจับตาการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออินเดีย หลังจากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ว่าจะปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดีย เนื่องจากอินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
- ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 50.8 ในเดือนมิ.ย. และต่ ากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 51.5 โดยธุรกิจต่าง ๆ ระบุว่ามาตรการภาษีการค้ากำลังผลักดันให้ต้นทุนสูงขึ้น
- โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินเดียคัดค้านสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU)ที่วิจารณ์อินเดียเรื่องการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยระบุว่าเป็นการกล่าวหาที่ไม่สมควรและไม่สมเหตุสมผล และประเทศที่วิจารณ์อินเดียกำลังค้าขายกับรัสเซียเช่นกัน
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการวิเคราะห์ตำแหน่งการแข่งขันในภูมิภาค และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหลังจากสหรัฐประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ไทย 19% ว่าได้ประเมินผลกระทบภาษี 19% ในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปี 68 คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยประมาณ 114,612 ล้านบาท ทำให้ GDP ลดลง 0.62% ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปี 69 เป็นผลกระทบเต็มปี คาดว่ารุนแรงส่งผลกระทบต่อการส่งออก 275,069 ล้านบาท ทำให้จีดีพีลดลง 1.48%
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด กรอบดัชนีที่ 1,240 -1,250 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- เที่ยวไทยคนละครึ่ง : AWC MINT ERW CENTEL SHR
- หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการที่ก.ล.ต.เตรียมเปิด Sandbox ให้ชาวต่างชาติน าคริปโตแลกเงินบาทนำมาใช้จ่าย
ธนาคาร KBANK SCB BAY โรงแรม MINT CENTEL ERW AWC สายการบิน AAV BA บันเทิง MAJOR ค้าปลีก CPALL CPAXT หุ้นคริปโต JTS BTC XPG ZIGA
- ได้รับผลกระทบเชิงลบจากความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา : CBG SAV
-หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการภาษีที่ต่ำกว่า 36% : AMATA WHA ROJNA TU ITC AAI HANA KCE DELTA