Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

87

 

VOL หนา หวังเม็ดเงินกระจายสู่หุ้นแถว 2 แถว 3
TOP PICK PLANB / BEM / BCH

EXTERNAL FACTOR
• ประเด็นนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ยังคงมีความไม่แน่น โดยล่าสุด ปธน.ทรัมป์ เผยเตรียมประกาศรีดภาษีชิป-เซมิคอนดักเตอร์ในสัปดาห์หน้า พร้อมกับกล่าวว่า ยาที่มี
การนำเข้าสู่สหรัฐฯ อาจถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงถึง 250% (เดิม 150%)นอกจากนี้ยังเผยว่าจะปรับขึ้นภาษีเพิ่มเติมกับอินเดีย อย่างไรก็ดี ความกังวลนโยบาย
ภาษีของสหรัฐฯ ดูผ่อนคลายลงในบางประเทศ อาทิ จีน และ EU
• ในแง่มุมของผลกระทบนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ซึ่งเศรษฐกิจไทยปีนี้ ลากยาวไปจนถึง 1H69 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

 

INTERNAL FACTOR
• ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่แย่ลง แต่ไม่กระทบ SET โดยเวลาNONFARM PAYROLL ต่ำกว่า 100 K หรือติดลบ MSCI DEVELOPED สลับบวกสลับลบบ้าง แต่เฉลี่ยยังบวกอยู่ 0.4% ต่อเดือน ส่วน SET เฉลี่ยบวก 1.0% และชนะMSCI DEVELOPED 15 ครั้ง จาก 23 ครั้งด้วยซ้ำ
• ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเห็น FUND FLOW ไหลเข้าจาก 3 เหตุผล 1.ประมาณการเศรษฐกิจของ IMF มอง EMERGING ดีกว่า DEVELOPED 2.VALUATION มุม PER
ของไทยยังถูก 3.เริ่มเห็น FUND FLOW ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทย

 

 


INVESTMENT STRATEGY
• เดือนนี้มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยที่กลับมาสนับสนุนคึกคักระดับเฉลี่ย 5.07 หมื่นล้านบาทต่อวัน หนุนการขยับขึ้นของSET มีโอกาสกระจายตัวไปยังหุ้นแถว 2 แถว 3 มากขึ้น ต่างกับช่วงก่อนหน้าที่มูลค่าซื้อขายเบาทำให้การขึ้นเป็นลักษณะกระจุกตัว
• ฝ่านวิจัยฯ ทำการค้นหาหุ้นแถว 2 แถว 3 ที่มีโอกาสถูกหมุนมาซื้อเพิ่ม จากการวิเคราะห์พอร์ตกองทุนวายุภักษ์ซึ่งเป็นกองทุนที่ใหญ่สุดในประเทศ เห็นว่ากำไรเยอะขึ้นจากหุ้นหลังวันปิดสมุดบัญชี ใน DELTA 7.8 พันล้านบาท,THAI1.4 พันล้านบาท ฯลฯ ทำให้มีโอกาสหมุมมาเพิ่มน้ำหนักหุ้นในพอร์ต ราคา LAGGARD มี STORY ดีอย่าง หุ้นท่องเที่ยว ERW, AAV หุ้นวัฎจักรดอกเบี้ยลง MTC, ICHI และหุ้น GLOBAL PLAY CPF เป็นต้น

 


เรื่อง TARIFFS ยังไม่จบ จับตาผลกระทบลากยาว
ประเด็นนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ยังคงมีความไม่แน่น โดยล่าสุด ปธน.ทรัมป์ เผยเตรียมประกาศรีดภาษีชิป-เซมิคอนดักเตอร์ในสัปดาห์หน้า พร้อมกับกล่าวว่า ยาที่มีการนำเข้าสู่สหรัฐฯ อาจถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงถึง 250%(เดิม 150%) นอกจากกนี้ยังเผยว่าจะปรับขึ้นภาษีเพิ่มเติมกับอินเดีย เหตุยังคงซื้อน้ำมันรัสเซีย อย่างไรก็ดี ความกังวลนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ดูผ่อนคลายลงในบางประเทศ อาทิ “จีน” มีสัญญาณจาก ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า “ใกล้มากแล้ว” กับการขยายข้อตกลงสงบศึกการค้ากับจีน รวมถึง “EU” ที่ประกาศเมื่อ 4 ส.ค.68ว่าจะเลื่อนการเก็บภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมที่กำหนดเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ในแง่มุมของผลกระทบนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะภาคการค้าระหว่างประเทศ หลังยอดนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ลดลงในเดือน มิ.ย. 68 เหลือแค่ 2.65 แสนล้านดอลลาร์ จากผลกระทบของภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น

ส่วนบ้านเรา เศรษฐกิจไทยปีนี้ ลากยาวไปจนถึง 1H69 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยCONSENSUS คาดการณ์ GDP GROWTH ไทยในช่วง 2Q68 (สภาพัฒน์ประกาศตัวเลขจริง 18 ส.ค. 68) เติบโตเฉลี่ย +2.4%YOY และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า +0.1%QOQภายใต้สมมติฐาน มูลค่า GDP เมื่อเทียบรายไตรมาส (SEASONAL ADJUSTED) นับตั้งแต่ 3Q68-2Q69 คงเดิม(GDP GROWTH = 0.0%QOQ) พบว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2568จะเติบโตแค่ “1.88%YOY” และนับตั้งแต่ 2H68 เป็นต้นไป อาจเห็น GDP GROWTH ของไทยขยายตัวในอัตราที่ต่ำลงแต่เนื่อง โดยเฉพาะช่วง 1H69 ที่แทนไม่เห็นการเติบโต YOY เลย


จากความกังวลผลกระของภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ เรียบเก็บสูงขึ้นเป็น 19% ทำให้คาดหวังนโยบายการเงิน-การคลังเข้ามาช่วยบรรเทาผลกระทบเศรษฐกิจไทย
• นโยบายการคลัง วานนี้ครม.ไฟเขียวงบกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสอง 1.85 หมื่นลบ. ใช้เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน นอกจากนี้กระทรวงการคลัง เตรียมเร่งจัดงบ 2.5 หมื่นล้าน เยียวยาผลกระทบภาษีทรัมป์
• นโยบายการเงิน CONSENSUS ให้น้ำหนักราว 60% คาด กนง. ลดดอกเบี้ย ในการประชุมสัปดาห์หน้า

เม็ดเงินมีโอกาสไหลเข้าฝั่งเอเชีย รวมถึงไทยมากขึ้น ... ด้วยเหตุอันใด
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯทยอยปรับตัวลง จากหลายกังวลหลายประเด็น(ตามหัวข้อก่อนหน้า) ซึ่งฝ่ายวิจัยฯลองเทียบข้อมูลเชิงเทคนิคของ ดัชนีNASDAQ VS AD LINE(ยอดสุทธิของจำนวนหุ้นขึ้นและลงทั้งตลาด แล้วนำยอดดังกล่าวมาสะสมไปเรื่อยๆ) พบว่ามีทิศทางที่สวนทางกัน หมายถึง ทิศทางจำนวนหุ้นที่บวกรายวันน้อยกว่าจำนวนหุ้นที่ลบรายวัน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แสดงถึงการขึ้นแบบกระจุกตัวเฉพาะบางบริษัทเท่านั้น อาทิ NVIDIA ซึ่งตอกย้ำเหตุผลดังกล่าวโดยหากเปรียบเทียบ NASDAQ100 VS AD LINE สอดคล้องกัน ยังไม่อันตราย แต่ก็ต้องเริ่มระวังเพิ่มขึ้น แสดงว่า นักลงทุนเริ่ม SELECTIVE มากขึ้น และโฟกัสมาที่หุ้นใหญ่เป็นหลัก


อีกทั้งตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแอลง ผ่านตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และ อัตราการว่างงาน จึงทำให้เม็ดเงินไหลออกจากฝั่งสหรัฐฯทั้งในมุมตลาดหุ้น และ DOLLAR INDEX มากขึ้น ซึ่งฝ่ายวิจัยฯได้นำตัวเลข NONFARM PAYROLL เทียบกับ RETURN รายเดือนของตลาดหุ้นMSCI DEVELOPED และ SET พบว่าเวลา NONFARM PAYROLL ต่ำกว่า 100 K หรือติดลบ MSCI DEVELOPED สลับบวกสลับลบบ้าง แต่เฉลี่ยยังบวกอยู่ 0.4% ต่อเดือน ส่วน SET เฉลี่ยบวก 1.0% และชนะ MSCI DEVELOPED 15 ครั้ง จาก 23 ครั้ง บ่งชี้ถึงความกังวลดังกล่าว ไม่กระทบต่อ SET INDEX เลยแม้แต่น้อย

โดยฝ่ายวิจัยฯคาดว่าตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงไทยมีโอกากสสูงที่จะเห็น FUND FLOW ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องจาก 3เหตุผล ดังนี้
1.ประมาณการเศรษฐกิจของ IMF มอง EMERGING ดีกว่า DEVELOPED โดย IMF ปรับคาดการณ์ GDP ของEMERGING ขึ้นเด่น 0.4% เป็น 4.1% ขณะที่ GDP ไทย 2.0% แซงสหรัฐ1.9%
2.VALUATION มุม PER ของไทยดูไม่ขี้เหร่ แถมผลตอบแทน YTD ยังติดลบ โดยหากเทียบ PER25F ตลาดหุ้นทั่วโลก จะพบว่าตลาดหุ้นไทยมี PER25F อยู่ระดับ 14.5 เท่า ซึ่งต่ำกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป ขณะที่ผลตอบแทนYTD ยัง -10.9% ซึ่งประเทศอื่นให้ผลตอบแทนเป็นบวก(>0) ทั้งสิ้น
3.เริ่มเห็น FUND FLOW ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทย โดย 2 เดือนที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ 1.9 หมื่นล้านบาท หลังจากที่ขายต่อเนื่องอย่างยาวนาน 9 เดือน มูลค่ารวมกว่า 1.3 แสนล้านบาท จึงทำให้ดัชนีทยอยปรับตัวขึ้น และมีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักในดัชนีระดับโลกอย่าง MSCI และ FTSE RUSSELL ที่จะถึงในช่วงกลางเดือน ส.ค.68

 

มูลค่าซื้อขายคึกคักขึ้น หวังเม็ดเงินกระจายมาหุ้น LAGGARD แถว 2 แถว 3 เพิ่มขึ้นเดือนนี้มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยที่กลับมาสนับสนุนคึกคักระดับเฉลี่ย 5.07 หมื่นล้านบาทต่อวัน หนุนการขยับขึ้นของSET มีโอกาสกระจายตัวไปยังหุ้นแถว 2 แถว 3 มากขึ้น ต่างกับช่วงก่อนหน้าที่มูลค่าซื้อขายเบาทำให้การขึ้นเป็นลักษณะกระจุกตัว

 

ฝ่านวิจัยฯ ทำการค้นหาหุ้นแถว 2 แถว 3 ที่มีโอกาสถูกหมุนมาซื้อเพิ่ม จากการวิเคราะห์พอร์ตกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งเป็นกองทุนที่ใหญ่สุดในประเทศ ซึ่งเห็นว่ากำไรเยอะขึ้นจากหุ้นหลังวันปิดสมุดบัญชี ใน DELTA 7.8 พันล้านบาท,THAI 1.4 พันล้านบาท ฯลฯ ทำให้มีโอกาสหมุมมาเพิ่มน้ำหนักหุ้นในพอร์ต ราคา LAGGARD มี STORY ดี อย่างหุ้นท่องเที่ยว ERW, AAV หุ้นวัฎจักรดอกเบี้ยลง MTC, ICHI และหุ้น GLOBAL PLAY CPF เป็นต้น

 


Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ATLAS ส่งต่อพลังงาน เติมกำลังใจชายแดนไทย-กัมพูชา

ATLAS ส่งต่อพลังงาน เติมกำลังใจชายแดนไทย-กัมพูชา

พิชิตต้าน By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เมื่อกองทุนในประเทศ ต่างชาติ ซื้อ เส้นทางพิชิตต้าน แนวต้าน ทางเทคนิค ก็ไม่ยาก แต่อย่างใด บนคาดการณ์.....

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้