Market Wrap-Up
- SET วันที่ 5 ส.ค.68 ปิด +17.56 จุด อยู่ที่ 1,246.96 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,040 ลบ. ต่างชาติซื้อ 2,059 ลบ. สถาบันซื้อ 1,746 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 314 ลบ. และรายย่อยขาย 3,491 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,737 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น BDMS,SCB,ADVANC,THAI,TTB และยอดขายหุ้น PTTEP,CPALL,BBL,PTTGC,GULF มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,989 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TENCENT01,HMPRO,XIAOMI01 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 378 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 112,107 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 642 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ -0.14%, S&P500 -0.49%, Nasdaq -0.65% จากแรงขายกลุ่มสาธารณูปโภค -1.05%, เทคโนโลยี -0.9% ขณะที่กลุ่มวัสดุ +0.8%,สินค้าฟุ่มเฟือย +0.3% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.15% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม +1.2% กอปรคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ก.ย.
- Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง โดย Yum Brand บริษัทแม่ของ KFC -5.1% หลังรายงานกำไร Q2/68 ต่ำกว่าคาด สาเหตุมาจาก ม.ภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค เช่นเดียวกับแคทเธอร์พิลลาร์ บริษัทเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ เผยกำไรในงวด 2H/68 อาจถูกกระทบจากค่าใช้จ่ายสูงถึง 1.5 พัน ล.ดอลลาร์ ส่วนประเด็นภาษีนั้น ปธน.ทรัมป์เผยเตรียมขึ้นภาษีนำเข้ายาในอัตรา 150% ไปอยู่ที่ 250% ในช่วง 1 – 1 ปีครึ่งข้างหน้า เพื่อดึงเม็ดเงินลงทุนเกี่ยวกับอุต ฯ ยากลับมายังสหรัฐ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐ ก.ค.ชะลอตัวอยู่ที่ 50.1 & มิ.ย. 50.8 และยอดขาดดุลการค้า มิ.ย. -16% อยู่ที่ 6.02 หมื่น ล.ดอลลาร์ต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี และค่ำวันนี้ติดตามความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ +0.15% ได้แรงหนุนจากหุ้น Diageo ผู้ผลิตแอลกอฮอล์ +4.9% หลังคาดการณ์ยอดขายปีหน้าทรงตัว แม้ว่าจะถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้า ส่งผลให้ดัชนีกลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม +1.2% ขณะที่ Infineon ผุ้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของเยอรมัน +4.6% หลังบริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรในปีนี้ เช่นเดียวกับ BP +2.8% หลังรายงานกำไร Q2/68 ดีกว่าคาด ส่วนข้อมูลเศรษฐนั้น PMI รวมภาคผลิต & บริการยูโรโซน ก.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 50.9 & มิ.ย. 52.0 และค่ำวันนี้ติดตามรายงานยอดค้าปลีกยูโรโซน มิ.ย. คาด 2.6% & พ.ค. 1.8% YoY
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.96%, ฮั่งเส็ง +0.68% หลัง Caixin รายงาน PMI ภาคบริการจีน ก.ค.ปรับขึ้นอยู่ที่ 52.6 & มิ.ย. 50.6 & ตลาดคาดที่ 50.2 ขยายตัวมากสุดในรอบ 14 เดือน เป็นผลจากอุปสงค์จากต่างประเทศ ขณะที่นักลงทุนยังรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีนที่ใกล้เส้นตายในวันที่ 12 ส.ค. ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ +0.64% ได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. แม้ว่ากลุ่มยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์ถูกปรับลดประมาณการณ์กำไรลง
- SET วานนี้ +1.43% ปริมาณการซื้อขาย 3 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 2,059 ลบ. สถาบันซื้อ 1.746 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 314 ลบ. และรายย่อยขาย 3,491 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิในตลาดกลุ่ม TIP รวม +94.4 ล.ดอลลาร์สหรัฐ จากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ พ.ค. – ก.ค.ชะลอตัวกว่าคาด ซึ่งเป็นผลกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ โดยเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในกลุ่ม รพ.ที่เป็นกลุ่ม Laggard กอปรคาดการณ์กำไรในงวด Q3/68 มีโอกาสฟื้นตัว QoQ หลังผ่านช่วง Low Season และคาดจำนวนผู้ป่วยจากตะวันออกกลางจะเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มขนส่ง +3.59% นำโดย THAI +14.3% ส่งผลบวกต่อดัชนี 3.39 จุด หลัง THAI กลับมาซื้อขายปกติใน ตลท.หลังผ่านแผนฟื้นฟูกิจการ และคาดกำไรปีนี้อยู่ที่ราว 2.5 – 2.6 หมื่น ลบ. ขณะที่การรายงานกำไร Q2/68 ของ 49 บจ.ที่ส่งงบนั้น มีกำไรสูงกว่า BB.Consensus คาดไว้ +19.8% จากกำไรของกลุ่มพลังงาน, วัสดุ, ธนาคาร และอาหารออกมาดีกว่าคาด ส่วนข้อมูลงบวานนี้ TRUE รายงานกำไร Q2/68 อยู่ที่ 2.0 พัน ลบ. & Q2/67 ขาดทุน 1.87 พัน ลบ. และมีกำไรจากการดำเนินเป็นบวกติดต่อกัน 2 ไตรมาส แม้ว่ายอดสมาขิกผู้ใช้บริการจะลดลง แต่ยังคงคุมค่าใช้จ่ายดำเนินได้ดี ส่วนข้อเศรษฐกิจเช้านี้ติดตาม ก.พาณิชย์รายงาน CPI ไทย ก.ค. คาด -0.40% & มิ.ย. -0.25% YoY ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ยในการประชุม กนง.วันที่ 13 ส.ค.
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,235 แนวต้าน 1,255 คาดดัชนีมีโอกาสทรงตัว จากความกังวลสหรัฐอาจเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้ายา, เซมิคอนดักเตอร์ กอปรนักลงทุนรอการรายงานกำไร บจ.หลักๆในสัปดาห์นี้ เช่น ADVANC,GULF,GPSC,BCP,CPAXT,WHA แนะนำทยอยซื้อ ADVANC,CPF,TFG,TFM,BCH,ADVICE,PLANB เป็นกลุ่มที่ Bloomberg Consensus คาดกำไร Q2/68 +QoQ, +YoY
- MTC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 52.00 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q68 ที่ 65 พันล้านบาท เติบโต +5%QoQ, +14%YoY หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การค่าใช้จ่ายสำรอง ECL ลดลงและควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น ทั้งนี้คาดปี 68 บริษัทยังสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายสินเชื่อโต 10-15% เน้นสินเชื่อจำนำทะเบียน มีแผนเปิดสาขาเพิ่ม 600 สาขา (ปัจจุบันอยู่ที่ 8,433 สาขา เพิ่มขึ้น 262 สาขาจากสิ้นปี 67) ขณะที่ credit cost มีแนวโน้มลดลงการค่าใช้จ่ายสำรอง ECL (NPL ไม่เกิน 2.7% / 2Q68 ที่ 2.62%) ส่วน NIM อาจถูกกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น แต่แนวโน้มน่าจะดีขึ้นจากการลดดอกเบี้ยนโยบายใน 2H68 ต่อเนื่องไปยังไป 69 ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 6.8 พันล้านบาท +16%YoY
- BCH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย40 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 346 ลบ.(+25%YoY, +8%QoQ) ฟื้นตัวได้ดี YoY QoQ จาก 1.2Q67 มีรายการลบจาก Fx Loss, Covid-19, โรค adj.RW>2 รวมแล้วเป็นลบ ราว -100 ลบ. 2.รอมฎอนปีนี้อยู่ในในช่วง 28ก.พ.-29มี.ค.68 สิ้นสุดใน 1Q68 แล้ว และ 3.สภาพอากาศในปีนี้ที่มีฝนตกเร็ว/ร้อนน้อยกว่าปีก่อน ส่วน 3Q68 จะได้แรงบวกตามฤดูกาล ภาพรวมครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยหนุนจาก 1.ความเสี่ยงของการรับเงินประกันสังคมในปี68 โดย คาดว่า SSO จะสามารถจ่ายโรค adj.RW>2 ที่ 1.2 หมื่นบาท/adj.RW ได้ และ 2.คาดกลุ่มรายได้ผู้ป่วยต่างชาติฟื้นตัว ขณะที่ BCH มีการเซ็นสัญญากับมัลดีฟส์ เพื่อรับผู้ป่วยเข้ามารักษาที่ ร.พ.WMC
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ก.ย.-$1.13 อยู่ที่ $65.16 / บาร์เรล, Brent ก.ย. -$1.12 อยู่ที่ $67.64/บาร์เรล หลัง โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 547,000 บาร์เรล/วัน ใน ก.ย. เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ขณะที่ ปธน.ทรัมป์อาจปรับขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากอินเดียที่ 25% เนื่องจากอินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยอินเดียนำเข้าน้ำมันดิบทางทะเลราว 1.75 ล.บาร์เรล/วัน ในช่วง 1H/68 เพิ่มขึ้น +1% YoY
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$8.30 อยู่ที่ $3,434.70 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดเฟดจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัว กอปร Dollar Index อ่อนค่าลงอยู่ที่ 98.782
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +94.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +63.42 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +33.71 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -2.65 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 32.32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.217 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -49 จุด อยู่ที่ 1,921
(-) BitCoin เช้านี้ -0.86% อยู่ที่ 113,893 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ต่างประเทศ
05 ส.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการบริการของจีนจากสถาบัน Caixin ( ก.ค.)
EU ดัชนี PMI ภาคการบริการ ( ก.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ก.ค.)
US ดุลการค้า (มิ.ย.)
06 ส.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
07 ส.ค. CN ดุลการค้า (ก.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, คาดทิศทางดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง, Earning Play 2Q68, High Season ไตรมาส3, และ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War สหรัฐ-จีน ลดความรุนแรงลง
(1) กลุ่มการเงิน คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายลดลงในช่วง 2H68 NCAP*, SINGER* ,SGC* , MTC*, SAWAD*, TIDLOR*
(2) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์ตามฤดูกาลจากฤดูร้อน GULF*, GPSC*, BCPG
(3) กลุ่ม China Play คาดความตึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และรัฐบาลจีนมีโอกาสออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น SCC* ,SCGP* , PTTGC, IVL*
(4) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*, SIS*
(5) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC , NSL*
(6) กลุ่มส่งออกที่ผันผวนตามประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เน้น เก็งกำไร เมื่อมีพัฒนการเชิงบวกของการเจรจาไทย-สหรัฐฯ เช่น DELTA*, CCET*, KCE*, TU, ITC*, ASIAN*, AAI*, COCOCO*
(7) กลุ่มร.พ.ที่ไตรมาส 2 เป็น Low Season แต่เข้าสู่ High Season ในไตรมาส3 เช่น BDMS, SKR, WPH*, PR9*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio August 2025: MONO*, PR9*, IVL*, PTTGC*, GULF*, TIDLOR*, BH
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999 Ext 2201
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th