Equality for All
ITC : บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น
2Q25 กำไรเติบโต +3% q-q จากยอดขายตลาดหลักยังเติบโตได้ดี : ITC รายงานกำไรสุทธิ 696 ลบ.หดตัว -31% y-y แต่ +3% q-q โดยกำไรก่อนรายการพิเศษอยู่ที่ 712 ลบ. และมีรายการพิเศษ -16 ลบ. กำไรที่ออกมาเป็นไปตามคาด
ยอดขาย 4,473 ลบ. หดตัว -2% y-y แต่ขยายตัวได้ +5% q-q ตลาดหลักอย่างสหรัฐ (58% ของยอดขาย)ยอดขายโต +8% y-y +2% q-q จากการเติบโตของลูกค้าหลักโดยเฉพาะกลุ่ม Global brand รวมถึงการออกสินค้าใหม่ ส่วนยุโรป (14%) ยอดขายหด -13% y-y แต่ +15% q-q ขณะที่ตลาดเอเชียและโอเชียเนีย(29%) ยอดขายหด -13% y-y แต่ +8% q-q ยอดขายที่ลดลง y-y ตลาดยุโรปจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เช่นเดียวกับตลาดเอเชียซึ่งลูกค้าหลักคือญี่ปุ่นได้รับผลกระทบเช่นกัน รวมถึงผลจากเงินเยนแข็งค่า ส่วนเพิ่มขึ้น q-q จากความต้องการที่ดีขึ้น
อัตรากำไรขั้นต้น เพิ่มเป็น 25% จาก 24.1% ใน 1Q25 ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่หากลดลงจาก 30% ใน 2Q24 เนื่องจากปีก่อนได้ผลบวกจากการกลับรายการสินค้าคงคลัง สัดส่วนการขายสินค้าพรีเมียมสูง และเงินบาทอ่อนค่า
ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร เพิ่มขึ้น +16% y-y จากค่าใช้จ่ายโครงการ Transformation และมีค่าเสื่อมราคา และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเมื่อต้นปี อย่างไรก็ดีควบคุมต้นทุนได้ดี จึงลดลง -2% q-q
อัตราภาษีจ่าย เพิ่มขึ้นเนื่องจากในไตรมาสนี้เพิ่งได้รับผลจาก (Global Minim Tax : GMT) ขณะที่ 1Q25 นั้นยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว
มีโอกาสปรับประมาณการขึ้น : ผบห. เผยมีคำสั่งซื้อใน 3Q25 ราว 40% แล้ว ขณะที่สถานการณ์เรือดูคลี่คลายทำให้อาจไม่กระทบกับการส่งของมากนัก ขณะที่ปัญหาอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐแม้ยังไม่มีข้อสรุปว่าประเทศไทยจะถูกปรับเพิ่มเป็นเท่าไหร่ แต่ลูกค้าในสหรัฐก็ยังคงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ผบห. มีปรับเป้าใหม่ (รูปที่ 1) ใน 2 กรณีภาษีนำเข้าสหรัฐว่าจะส่งผลกระทบเท่าใด ซึ่งในกรณี 20% และ 36% จะพบว่าผลกระทบจะอยู่ที่บรรทัดรายได้เท่านั้น
ทว่าในส่วนประมาณการของเรานั้นมีแนวโน้มจะปรับขึ้นจากเดิมจากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้ดีกว่าทีคาดไว้แต่ขอไปฟังมุมมองช่วงที่เหลือของปีว่าจะเป็นอย่างที่คาดหรือไม่
เบื้องต้นเรายังคงประมาณการไว้ดังเดิม ภายใต้ยอดขาย 18,294 ลบ. เพิ่มเพียง +3% y-y อิงสมมติฐานปริมาณขาย (volume) เพิ่ม +8% y-y ราคาขายเฉลี่ย(avg. price) หดตัว -5% y-y และอัตรากำไรขั้นต้น 23% ขณะที่ค่าใช้จ่ายยังสูงจากค่าใช้จ่ายโครงการทรานฟอร์เมชั่น และอัตราภาษีจ่ายที่เพิ่มขึ้น คาดการณ์กำไรสุทธิที่ 2,690 ลบ. หด -25% y-y
Tariff ชัดแล้ว
“ กำไรออกมาตามคาด หากช่วงที่เหลือของปียังได้ผลบวกจากคำสั่งซื้อในสินค้าใหม่ที่ยังมีต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ประเด็นภาษีเป็นปัจจัยที่ยังต้องติดตามซึ่งจะส่งผลกระทบต่อยอดขายเนื่องจากเป็นตลาดหลัก
จากงบที่ออกมาสิ่งที่ทำได้ดีคืออัตรากำไรขั้นต้นที่เริ่มยืนได้ และทำให้เราจะมีการปรับประมาณการขึ้นจากปัจจัยดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ประเด็นภาษีที่อออกมา 19% ทำให้คาดว่ายังสามารถเก็งกำไรระยะสั้นก่อน และจะอัพเดตตัวเลขจากบ. ว่ามีมุมมองอย่างไรต่อการดำเนินงาน ”
นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th