Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

SCB FM มอง Fed อาจลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งอาจทำให้ Treasury yields ลดลงและดัชนีเงินดอลลาร์อ่อนค่า ช่วงนี้จับตาภาษีของสหรัฐฯ

111

 สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(31 กรกฎาคม 2568)---------นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส สายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) มีมติ 9-2 ให้คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25-4.50% โดยมีกรรมการ 2 ท่าน (Christopher Waller และ Michelle Bowman) ที่โหวตให้ลดดอกเบี้ย 25 bps ทั้งนี้ การคงดอกเบี้ยครั้งนี้ของ Fed ถือเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันในปีนี้ หลังจากลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุดไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว นอกจากนี้ คณะกรรมการ FOMC มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอลงตามการใช้จ่ายครัวเรือน ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ อย่างไรก็ดี กรรมการมองว่าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง แต่เงินเฟ้อยังคงสูงและความไม่แน่นอนยังมีอยู่มาก จึงจำเป็นต้องคงดอกเบี้ยไว้เพื่อรอประเมินผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าต่อเงินเฟ้อในสหรัฐฯ

สิ่งที่ตลาดรอจับตาคือสัญญาณการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป (เดือนกันยายน) ซึ่ง Powell ยังไม่ส่งสัญญาณชัดเจน โดยกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันเหมาะสมต่อการบริหารจัดการความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ และจะรอประเมินเลขเศรษฐกิจที่จะออกมา (เงินเฟ้อและการจ้างงานเดือน ก.ค. และ ส.ค.) ก่อนที่จะตัดสินนโยบายในเดือน ก.ย. โดยหลังการประชุม ตลาดปรับมุมมองการลดดอกเบี้ยของ Fed เป็นมองว่ามีโอกาสลดดอกเบี้ยช้าลงและน้อยลง ทำให้ Yields สูงขึ้น และดัชนีเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดย Fed fund futures สะท้อนว่า มีโอกาสเพียง 44% ที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. (จากเดิมที่ราว 65%) และมีโอกาสเพียง 64% ที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ (จากเดิมที่ราว 70%) ส่งผลให้ Treasury yields เพิ่มขึ้นเร็ว โดย Yields ระยะสั้นปรับสูงขึ้นมากกว่า ทำให้ Yield curve สหรัฐฯ ปรับลาดชันน้อยลง (Bear flattening) เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินอื่น

SCB FM ยังคงมุมมองว่า Fed อาจลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะลดในการประชุมเดือน ก.ย. และ ธ.ค. อย่างไรก็ดี มีโอกาสสูงขึ้นที่ Fed อาจลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ หากผลจากมาตรการ Tariffs ส่งผ่านมาสู่เงินเฟ้อมากขึ้นในช่วงต่อจากนี้ และตลาดแรงงานแข็งแกร่งกว่าที่ Fed คาด


นอกจากนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% พร้อมปรับมุมมองเงินเฟ้อญี่ปุ่นสูงขึ้น โดย BOJ คาดว่าเงินเฟ้อในปีนี้จะปรับสูงขึ้นมาที่ 2.7% ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ 2.2% และสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 2.5% โดยเงินเฟ้อในญี่ปุ่นสูงขึ้นเร็วจากราคาอาหาร เช่น ข้าว นอกจากนี้ BOJ ยังปรับประมาณการปี 2026-27 ขึ้นเช่นกัน สำหรับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ BOJ มองว่ามีน้อยลง และความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ก็ลดลงเช่นกัน หลังรัฐบาลญี่ปุ่นสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ได้ ประเด็นที่ตลาดจับตาคือ สัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ซึ่งตลาดมองว่าการปรับมุมมองเงินเฟ้อขึ้น ทำให้โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้มีมากขึ้น อย่างไรก็ดี ประธาน BOJ เลี่ยงที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับเวลา (timing) ที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไป โดยหลังผลการประชุม พบว่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย และ Japan government bond yields ปรับสูงขึ้น
เงินบาทอ่อนค่าลงค่อนข้างเร็วสัปดาห์นี้ เป็นผลจากดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาแข็งค่าเร็ว หลังการประชุม FOMC เมื่อคืน นอกจากนี้ เงินยูโร และเงินหยวน ที่อ่อนค่า ก็กดดันเงินบาทเช่นกัน โดยเงินยูโรอ่อนค่าเพราะตลาดประเมินว่า การที่ยุโรปต้องเผชิญ Tariffs จากสหรัฐฯ ที่ 15% ถือเป็นข้อตกลงที่เสียเปรียบ และจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจยุโรปต่อไป ขณะที่เงินหยวนอ่อนค่า หลังการประชุม Politburo ของจีน เนื่องจากยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่ชัดเจนและมากขึ้นกว่าที่ตลาดคาดไว้


ในช่วงนี้ ตลาดให้ความสนใจกับการประกาศอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา โดยนายวชิรวัฒน์มองกรอบ USDTHB ระยะสั้นที่ราว 32.35-32.85 เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ จะประกาศในไม่ช้านี้ อาจส่งผลต่อเงินบาทไม่มากนัก เนื่องจากมองว่า ไทยน่าจะถูกเรียกเก็บในอัตราที่ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ราว 20% ซึ่งตลาดได้คาดการณ์ (Price-in) ไว้แล้ว อย่างไรก็ดี หากไทยถูกเรียกเก็บที่อัตราสูงกว่า 25% ก็อาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 33.00 ได้


นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ทำให้เงินบาทอ่อนค่าแค่ในช่วงสั้นๆ โดยหลังมีข้อตกลงหยุดยิง พบว่าตลาดคลายความกังวลลง และเงินบาทเริ่มมี Correction กลับมาแข็งค่า นอกจากนี้ นับตั้งแต่เกิดการปะทะวันที่ 24 ก.ค. พบว่ามีเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้าตลาดบอนด์ไทยราว 4,000 ล้านบาท และไหลเข้าตลาดหุ้นราว 4,600 ล้านบาท (ก่อนวันประชุม Fed)


ในระยะยาว เงินบาทอาจแข็งค่าต่อได้ไม่มาก มองกรอบปลายปีที่ราว 31.50-32.50 โดยมีปัจจัยจาก 1) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ แคบลง ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าต่อได้ อย่างไรก็ดี SCB FM พบว่า ปัจจัยเรื่องส่วนต่างดอกเบี้ย อาจมีผลต่อเงินดอลลาร์น้อยกว่าประเด็นเรื่อง Fund flows ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก (Sensitivity ต่ำ) จึงมองว่าการลดดอกเบี้ยของ Fed จะทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าอีกไม่มาก 2) เงินยูโรอาจแข็งค่าต่ออีกไม่มาก เนื่องจาก flows ที่เคยไหลออกจากสหรัฐฯ และเข้ายุโรปมีแนวโน้มชะลอลงแล้ว ซึ่งจะทำให้เงินยูโรอาจไม่แข็งค่าแรงเท่ากับในช่วง 2025H1 3) นักลงทุนเริ่มชินกับความไม่แน่นอนของมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ โดยครั้งล่าสุดที่ทรัมป์ขึ้น Tariffs พบว่า นักลงทุนไม่ได้เทขายสินทรัพย์สหรัฐฯ มากเท่าในเดือน เม.ย. และ 4) ราคาทองคำอาจลดลงในช่วง Q3 ตาม Seasonal pattern โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ราคาทองมักปรับลดลงเฉลี่ยราว 0.5%MOM ในเดือน ส.ค. และราว 2%MOM ในเดือน ก.ย.


เงินบาทที่อ่อนค่าลงมาเร็วเป็นโอกาสให้ผู้ส่งออกพิจารณาขาย USDTHB ได้ส่วนหนึ่ง เนื่องจากในช่วงนี้มีประเด็นเฉพาะ ทั้งความขัดแย้งกับกัมพูชา และ Tariffs ที่จะถูกเรียกเก็บ รวมถึงปัจจัยต่างประเทศที่ Fed ออกมา Hawkish กว่าตลาดคาด อย่างไรก็ดี SCB FM มองว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงชั่วคราว ดังนั้น USDTHB ที่ราว 32.60-33.10 จึงเป็นระดับที่ขายได้

สำหรับผู้นำเข้า SCB FM มองว่าอาจต้องรอให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงก่อน โดยหากเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เริ่มปรับแย่ลง ก็จะทำให้ US Treasury yields ลดลง และเงินดอลลาร์อ่อนค่าได้ ซึ่งอาจทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่า จึงมองว่ามีโอกาสที่ USDTHB ปรับลงไปที่ราว 31.80-32.30 ซึ่งจะเป็นจังหวะให้ผู้นำเข้าซื้อดอลลาร์ได้

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ไทย สู้ไหว By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ในที่สุด สิ่งที่รอคอย ก็มาแล้ว ไทย เจอภาษีแค่ 19% นับว่าเป็นความสำเร็จของทีมเจรจาการ....

SSP ส่งต่อความห่วงใยช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนบุรีรัมย์

SSP ส่งต่อความห่วงใยช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนบุรีรัมย์

มัลติมีเดีย

คุยกับ Genใหม่ TNDT "ธนรรจ์ ศตวุฒิ"

คุยกับ Genใหม่ TNDT "ธนรรจ์ ศตวุฒิ"

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้