สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(31 กรกฎาคม 2568)---------Key Findings:
จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ของบริษัทจดทะเบียน 854 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 13.43 ล้านล้านบาท หรือ 97.89% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด พบว่า
• ตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนแต่ละประเภท (นักลงทุนในประเทศ นักลงทุนสถาบันในประเทศ นักลงทุนต่างประเทศ และบริษัทหลักทรัพย์) พบว่า นักลงทุนในประเทศมีสัดส่วนตามมูลค่าการถือครองหุ้นมากที่สุดอยู่ที่ 45.05% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด (ซึ่งแบ่งออกเป็นนักลงทุนรายย่อยในประเทศ 25.68% และกลุ่ม นักลงทุนที่เป็นนิติบุคคลอื่นๆ 19.37%) รองลงมา คือ นักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนการถือครองหุ้นอยู่ที่ 32.99% ตามมาด้วยนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ 21.81% และบริษัทหลักทรัพย์ที่ 0.15%
• เมื่อพิจารณาตามสัญชาติของนักลงทุน พบว่า 67.01% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด เป็นการถือครองหุ้นโดยนักลงทุนไทย ขณะที่อีก 32.99% ถือครองหุ้นโดยนักลงทุนต่างประเทศ
• เมื่อพิจารณาจากประเภทหลักทรัพย์ตามสิทธิประโยชน์ (local shares / foreign shares / NVDR) พบว่า 66.92% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด เป็น local shares สอดคล้องกับสัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนไทย และที่เหลือประมาณ 33.08% เป็น foreign shares และ NVDR สอดคล้องและใกล้เคียงกันกับสัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ หมายถึง นักลงทุนถือครองหุ้นตรงตามสิทธิ ทำให้นักลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วน ทั้งสิทธิในการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (voting rights) และสิทธิประโยชน์ทางการเงิน (financial benefits)
ในรายงานฉบับนี้เป็นการศึกษาโครงสร้างผู้ถือหุ้นในตลาดหุ้นไทย ปี 2568 จาก 1) ข้อมูลการปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้น 2) ข้อมูล Corporate Actions 3) ข้อมูลการระดมทุนผ่านตลาดรอง ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 854 บริษัท โดยใช้ข้อมูลล่าสุดถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 13.43 ล้านล้านบาท หรือ 97.89% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด
นักลงทุนในประเทศ (ซึ่งแบ่งออกเป็นนักลงทุนรายย่อย และกลุ่มนักลงทุนที่เป็นนิติบุคคลอื่นๆ) มีสัดส่วนตามมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดอยู่ที่ 45.05% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด รองลงมา คือ นักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนการถือครองหุ้นอยู่ที่ 32.99% และนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ 22.81%
ในการศึกษานี้ ยังคงจำแนกมูลค่าการถือครองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) ตามประเภท นักลงทุน 4 ประเภท ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นไทย เช่นเดียวกับในรายงาน SET Note 15/2566 เรื่อง “เปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นในตลาดหุ้นไทย ปี 2566” โดยแบ่งออกเป็น 1) นักลงทุนต่างประเทศ 2) นักลงทุนสถาบันในประเทศ 3) บริษัทหลักทรัพย์ และ 4) นักลงทุนภายในประเทศ (ภาพที่ 1) ซึ่งในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์เป็นตัวกลางในการซื้อขายหลักทรัพย์ มีการถือครองหุ้นน้อย (เฉพาะพอร์ตการถือครองหุ้นของบริษัทเท่านั้น) ขณะที่ “นักลงทุนภายในประเทศ” สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนักลงทุนรายย่อย และกลุ่มนักลงทุนที่เป็นนิติบุคคลอื่นๆ
เมื่อพิจารณาสัดส่วนมูลค่าการถือครองตามประเภทนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศมีสัดส่วนตามมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุดอยู่ที่ 45.05% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด (ซึ่งแบ่งออกเป็นนักลงทุนรายย่อยในประเทศ 25.68% และกลุ่มนักลงทุนที่เป็นนิติบุคคลอื่นๆ 19.37%) รองลงมา คือ นักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนการถือครองหุ้นอยู่ที่ 32.99% และนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ 21.81% และบริษัทหลักทรัพย์ที่ 0.15% (ภาพที่ 2) ตามลำดับ
ภาพที่ 2 สัดส่วนมูลค่าการถือครองตามประเภทนักลงทุน
หน่วย: % ต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดโดยรวม (% ปีก่อน)
ที่มา: SET Research ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
66.92% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด เป็น local shares สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกับสัดส่วนมูลค่าการ ถือครองหุ้นของนักลงทุนไทย และที่เหลือประมาณ 33.08% เป็น foreign shares และ NVDR ซึ่งสอดคล้องกับสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้น (shareholders’ benefits)
จากที่กล่าวมาข้างต้น พบว่า นักลงทุนไทยมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม ประมาณ 67.01% ของมูลค่ารวมหลักทรัพย์ตามราคาตลาด และนักลงทุนต่างประเทศมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม ประมาณ 32.99% ของมูลค่ารวมหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ภาพที่ 3)
ภาพที่ 3 สัดส่วนมูลค่าการถือครองตามสัญชาตินักลงทุน
หน่วย: % ต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
ที่มา: SET Research ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภาพที่ 4 สัดส่วนมูลค่าการถือครองตามประเภทหลักทรัพย์
หน่วย: % ต่อมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
ที่มา: SET Research ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เมื่อพิจารณาตามประเภทหลักทรัพย์ตามสิทธิประโยชน์ (local shares / foreign shares / NVDR) พบว่า 66.92 % ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด เป็น local shares และที่เหลืออีกประมาณ 33.08% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด แบ่งเป็น foreign shares 27.37% และ NVDR 5.71% (ภาพที่ 4) สอดคล้องกับสัดส่วนมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างประเทศตามที่กล่าวมาข้างต้น หมายถึง นักลงทุนถือครองหลักทรัพย์ตรงตามสิทธิประโยชน์ ส่งผลให้นักลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วน ทั้งสิทธิในการออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (voting rights) และสิทธิประโยชน์ทางการเงิน (financial benefits)
โดยสรุปจากการศึกษาโครงสร้างผู้ถือหุ้นในตลาดหุ้นไทย ปี 2568 ยังคงมีทิศทางและสัดส่วนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา และพบว่า โดยรวมแล้วนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันตามประเภทหลักทรัพย์ สังเกตได้จากการเลือกถือครองหุ้นตรงตามสิทธิทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นครบถ้วน