สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(31 กรกฎาคม 2568)------- • แสนสิริ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนความยั่งยืนในองค์กรและทุกโครงการใหม่ พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายสูงสุดในการเป็น ’องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์’ ในปี 2050
• จับมือกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของไทยที่โดดเด่นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
• ครั้งแรกในไทย! ประกาศความร่วมมือ ลุยศึกษาวิจัยเดินหน้าพัฒนาผนังคอนกรีตสำเร็จรูปเสริม กราฟีนป้องกันความร้อน สานต่อความสำเร็จจาก Sansiri Sustainable Home – Prototype 1 สู่การพัฒนาบ้าน Net-zero Home 2050
• มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และองค์ความรู้ใหม่ เพื่อขยายผลให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้แก่ประเทศ
นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของแสนสิริ ที่ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย ที่มีความโดดเด่นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีกราฟีนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพัฒนาเครื่องผลิตกราฟีนในระดับอุตสาหกรรมและการนำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ
ปัจจุบันอุตสาหกรรมการก่อสร้างใช้กราฟีนในการเพิ่มความแข็งแรงให้คอนกรีต อาทิ เพียงผสมกราฟีนที่ 0.1% ถึงน้อยกว่า จะทำให้คอนกรีตแข็งแรงมากขึ้นถึง 35% หรือมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อใช้กราฟีนเพื่อเสริมความแข็งแรงจะสามารถลดการใช้ปูนซีเมนต์ลงได้ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมีผลกระทบต่อสภาวะโลกร้อน
ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการนำกราฟีนมาศึกษาวิจัยเพื่อคิดค้นพัฒนาผนังคอนกรีตสำเร็จรูปชนิดใหม่ เสริมกราฟีนเพื่อป้องกันความร้อนและลดความร้อนสะสม นับเป็นงานวิจัยครั้งแรกในไทย และเป็นส่วนหนึ่งในโรดแมพของแสนสิริ สู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net-zero Home 2050 หลังประสบความสำเร็จจากการพัฒนา Sansiri Sustainable Home – Prototype 1 บ้านต้นแบบที่ผสานความยั่งยืนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แสนสิริเชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยได้อย่างแน่นอน โดยผนังคอนกรีตสำเร็จรูปชนิดใหม่เสริมกราฟีนนี้ จะถูกนำไปเป็นต้นแบบให้กับโรงงานพรีคาสท์ของแสนสิริเพื่อใช้การผลิตผนังคอนกรีต เพื่อนำไปใช้ก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ในอนาคต
รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า “สจล. มีวิสัยทัศน์เพื่อมุ่งพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การสร้างสรรค์งานวิจัยและนวัตกรรมสู่สังคมโลก โดยนักวิจัยนำทีมโดย ศาสตราจารย์ ดร.เชรษฐา รัตนพันธ์ หัวหน้าหน่วยวิจัยและนวัตกรรมด้านวัสดุอัจฉริยะ และ ผศ.ดร.ชวาลย์ ศรีวงษ์ คณะวิทยาศาสตร์ ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งโรงงานต้นแบบผลิตกราฟีนระบบอัตโนมัติระดับอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโรงงานแห่งแรกในประเทศไทยที่สามารถผลิตกราฟีนได้เอง ทดแทนการนำเข้าเป็นมูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาทต่อกิโลกรัม และได้ต่อยอดการศึกษาและพัฒนาการนำกราฟีนไปประยุกต์ใช้ในนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อการนำกราฟีนมาใช้เสริมในคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอก ถือเป็นนวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงในการช่วยลดการใช้พลังงานในที่อยู่อาศัย มอบคุณภาพการใช้ชีวิตที่ดี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของ สจล. ในการสร้างสรรค์งานวิจัยเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ”
โครงการวิจัยการพัฒนาผนังคอนกรีตสำเร็จรูปเสริมกราฟีนป้องกันความร้อน ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง แสนสิริ และ สจล. จะนำวัสดุอนุพันธ์กราฟีนที่มีชื่อว่า กราฟีนออกไซด์ (Graphene oxide, GO) ซึ่งสามารถผลิตได้ในปริมาณมาก ภายในคณะวิทยาศาสตร์ สจล. โดยผลิตได้จาก “เครื่องผลิตกราฟีนออกไซด์และรีดิวซ์กราฟีนออกไซด์ต้นทุนต่ำสำหรับอุตสาหกรรม” มาใช้เป็นวัสดุเสริม เพื่อช่วยเพิ่มสมบัติพิเศษให้กับผนังคอนกรีตสำเร็จรูป เนื่องจากวัสดุนาโน กราฟีนออกไซด์ (GO) เป็นวัสดุที่มีสมบัติที่ดีเยี่ยม และมีความอัศจรรย์ อยู่หลายประการ แค่เพียงเติมลงไปในปริมาณน้อยในส่วนผสมของคอนกรีต จะสามารถเพิ่มสมบัติเชิงกลขึ้นจากเดิมได้ สามารถช่วยเพิ่มความเป็นฉนวนป้องกันความร้อนจากเดิมได้ และวัสดุนาโน กราฟีนออกไซด์ (GO) มีคุณสมบัติพิเศษ จึงทำให้ไม่มีความเป็นพิษ ทนทานต่อสารเคมี ทนความร้อนและแสงแดดได้ดี สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียได้ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย
ความสำเร็จในการพัฒนาผนังคอนกรีตสำเร็จรูปชนิดใหม่โดยการผสมเติมด้วยกราฟีนออกไซด์จากโครงการวิจัยในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มสมบัติในการป้องกันความร้อนให้ดีขึ้นจากเดิม และค้นหาสัดส่วนที่เหมาะสมระหว่างคอนกรีตกับกราฟีนออกไซด์ นับเป็นการค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมครั้งแรกในไทย ซึ่งจะได้ผลิตภัณฑ์ใหม่และองค์ความรู้ใหม่ เพื่อขยายผลให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางในการพัฒนาที่อยู่อาศัย อย่างบ้าน, คอนโดมิเนียม, ทาวน์โฮม, อาคารสำนักงาน, โรงงาน, โกดัง และอื่น ๆ ทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออกไปสู่ต่างประเทศ อันจะเป็นการสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้แก่ประเทศได้อีกด้วย