Equality for All
SCC : บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย

2Q25 กำไรสุทธิโตเด่นจากรายการพิเศษก้อนใหญ่ ส่วนกำไรปกติสูงกว่าคาด 6% จากการฟื้นตัวของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ : สรุปได้ดังนี้

กลุ่มซีเมนต์ : ได้ผลบวกจากตลาดต่างประเทศฟื้นตัว แต่ในไทยแม้ตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัว แต่กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มพาณิชย์ดีขึ้นส่งผลให้ยอดขายเพิ่ม +1% q-q ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่ม +11% q-q จากการบริหารจัดการภายใน, การปรับราคาขายขึ้น แม้ได้รับผลจากค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้างมากระทบ

กลุ่มปิโตรเคมี : โอเลฟินส์ใช้กำลังการผลิต 90% สูงกว่าอุตสาหกรรม และการไปเน้นขายสินค้ากลุ่ม HVA รวมถึงส่วนต่างราคาที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่ม PVC ที่ปริมาณขายเพิ่ม และการใช้กำลังการผลิตเพิ่ม รวมถึงส่วนต่างราคาที่ดีขึ้นจากต้นทุน EDC ที่ลดลง ช่วยให้การดำเนินงานดีขึ้นเป็นกำไรไม่รวมรายการพิเศษ 745 ลบ. จากไตรมาสก่อนขาดทุน 2,948 ลบ.

กลุ่มบรรจุภัณฑ์ : การดำเนินงานดีขึ้นเช่นกันจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตลดลง รวมถึงการดำเนินงานของ Fajar ที่มี EBITDA เป็นบวกจากการปรับปรุงประสิทธิภาพภายใน (อ่านบทวิเคราะห์ SGCP วันที่ 30 ก.ค.)

ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม ดีขึ้นเป็น 15,032 ลบ. กำไรที่เพิ่มขึ้นมากจากกำไรการปรับโครงสร้างของ CAP ซึ่งอยู่ที่ 13,941 ลบ. เช่นเดียวกับเงินปันผลรับอยู่ที่ 8,086 ลบ. เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยจากปกติที่ใน 2Q จะมีเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมที่ถืออยู่ทั้งในส่วนธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรและธุรกิจยานยนต์

รายการพิเศษสุทธิ สูงถึง 15,170 ลบ. ประกอบด้วย 1) 16,712 ลบ. จากกำไรจากการซื้อกิจการในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม, การปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในสัดส่วน 30.57% หลังจากการเปลี่ยนสถานะของบริษัท และ 2) ค่าใช้จ่ายในการปรับโรงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ 1,542 ลบ.

อีกทั้งมีขาดทุนจากสต็อก -913 ลบ. ทำให้กำไรจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 3,080 ลบ. แต่หากรวมรายการพิเศษที่เกิดขึ้นทำให้กำไรสุทธิใน 2Q25 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17,337 ลบ.

LSP จะกลับมาผลิตส.ค. นี้ : ผบห. แจ้งว่าโรงงาน LSP จะกลับมาผลิตในช่วงปลายเดือน ส.ค. นี้ ซึ่งจากส่วนต่างราคา HDPE-นาฟทา กลับมาอยู่ที่ระดับมากกว่า 400 เหรียญ/ตัน ซึ่งจะช่วยลดผลขาดทุนของ LSP ลงได้ อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากเวียดนามประกาศเริ่มเก็บภาษีนำเข้า 2% จากสินค้ากลุ่มโพลีเอทิลีนซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 8 ก.ค. 2025 ซึ่งจะได้ผลบวกต่อ LSP อีกทาง อย่างไรก็ตาม คาด LSP จะถึงจุดคุ้มทุนได้ในปี 2026 ส่วนโครงการปรับมาใช้อีเทนเป็นวัตถุดิบนั้นจะเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ลดลงจะเริ่มปลายปี 2027 เป็นต้นไป

จุดต่ำสุดผ่านไปแล้ว
“เราคาดว่าจากการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด และความคาดหวังว่าการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ประกอบกับแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับลง ขณะที่ภายในยังเน้นควบคุมต้นทุน, ควบคุมเงินลงทุนให้เข้มงวดและมีประสิทธิภาพ
แม้เรายังมีมุมมองบวกต่อการดำเนินงานว่าผ่านช่วงต่ำสุดแล้วก็ตาม และราคาหุ้นปรับขึ้นมาสะท้อนปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่จะทยอยเกิดขึ้นมาแล้วจนราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน P/BV 0.7 เท่า และแม้ราคาหุ้นจะเร่งตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และเชื่อว่าตลาดกำลังอยู่ในโหมด upgrade momentum นักลงทุนระยะยาวยังแนะทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวได้ ”

นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th