สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (30 กรกฎาคม 2568 )-----ผลสำรวจระดับประเทศที่จัดทำโดยโบลท์ (Bolt) ร่วมกับ Kantar Insights Thailand บริษัทวิจัยชั้นนำระดับโลกด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาทางการตลาด เผยว่า ภาพจำแบบเดิมเกี่ยวกับอาชีพขับรถผ่านแพลตฟอร์ม ride-hailing ไม่สะท้อนความเป็นจริงในยุคปัจจุบันอีกต่อไป โดยผู้ขับที่ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มดิจิทัลส่วนใหญ่รู้สึกว่าตนเองได้รับการยอมรับจากสังคมมากขึ้น มีอิสระในการกำหนดรูปแบบการทำงานของตนเอง และมองว่าอาชีพนี้เป็นทางเลือกที่สามารถสร้างความมั่นคงได้จริง
ผลสำรวจนี้สะท้อนภาพที่แตกต่างจากความเข้าใจที่เคยมีในสังคม โดยพบว่า 97% ของผู้ขับบนแพลตฟอร์มดิจิทัลรู้สึกว่าตนเองได้รับการยอมรับจากสังคม อีกทั้งกลุ่มคนที่ทำอาชีพนี้ยังมีความหลากหลายทั้งในด้านภูมิหลังและช่วงอายุ แม้ว่า 56% ของผู้ตอบแบบสอบถามจะเห็นว่าภาพจำของคนทั่วไปยังมองว่างานนี้
“เหมาะกับคนรุ่นใหม่เท่านั้น” แต่ข้อเท็จจริงกลับสะท้อนตรงกันข้าม เพราะมีผู้ขับจำนวนมากที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และครอบคลุมหลากหลายช่วงวัย ขณะเดียวกัน 43% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่ายังมีคนบางส่วนที่มองว่าอาชีพนี้เหมาะสำหรับผู้ไม่มีทักษะหรือการศึกษา แต่ในความเป็นจริง พบว่าผู้ขับจำนวนมากมีประสบการณ์จากงานประจำ หรือเคยประกอบอาชีพที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทางมาก่อน
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ขับขี่เลือกทำงานผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล คือความยืดหยุ่นและอิสระในการทำงาน ซึ่งผลสำรวจพบว่า:
- 99% ระบุว่างานนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถจัดสรรเวลาให้กับเรื่องส่วนตัวหรือครอบครัวได้ดีขึ้น
- 88% กล่าวว่า พวกเขาสามารถควบคุมเวลาการทำงานของตนเองได้อย่างเต็มที่หรือในระดับมาก
- แรงจูงใจหลักที่ผู้ขับเลือกทำงานนี้ ได้แก่ ต้องการหารายได้เสริม (74%) อยากเป็นเจ้านายตัวเอง (53%) และต้องการชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น (51%)
ผลสำรวจนี้เผยแพร่ออกมาในช่วงเวลาสำคัญที่คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETC) ของประเทศไทยได้ประกาศระเบียบใหม่สำหรับบริการ ride-hailing โดยโบลท์มองว่านี่คือโอกาสสำคัญในการทบทวนและวางรากฐานระยะยาวด้านนโยบาย ที่สะท้อนความหลากหลาย ศักดิ์ศรี และมูลค่าทางเศรษฐกิจของอาชีพบนแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างเหมาะสมและทันสมัย
“ผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อาชีพบนแพลตฟอร์มไม่เพียงได้รับการยอมรับจากสังคมเท่านั้น แต่ยังเป็นอาชีพที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพและความมั่นคงในชีวิตให้กับผู้ขับอีกด้วย” ณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ (Bolt) ประเทศไทย กล่าว “ขณะที่ภาครัฐกำลังวางรากฐานการกำกับดูแลบริการเรียกรถในประเทศไทย สิ่งสำคัญคือการมีกฎระเบียบที่เอื้อต่อความยืดหยุ่นในการทำงาน นวัตกรรม และวิถีชีวิตของผู้ขับขี่หลายแสนรายทั่วประเทศ มากกว่าที่จะสร้างข้อจำกัดให้กับพวกเขา”
โบลท์ยังคงเดินหน้าทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันให้เกิดกฎระเบียบที่มีความทันสมัย ครอบคลุม และสอดคล้องกับบริบทของยุคดิจิทัล ซึ่งรวมถึงการผลักดันให้มีระบบลงทะเบียนแบบดิจิทัล การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนการปฏิรูปข้อกฎหมายให้สะท้อนข้อเท็จจริงของงานบนแพลตฟอร์มในปัจจุบันได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ผู้ขับจำนวนมากเลือกงานนี้เพราะมอบอิสระและความยืดหยุ่นในการดำเนินชีวิต กฎระเบียบจึงควรส่งเสริมคุณลักษณะเหล่านี้ ควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยให้กับสาธารณชน” ณัฐดนย์ กล่าวเสริม