สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 29 กรกฎาคม 2568 )-- InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์/แกว่งขึ้น หลังสถานการณ์ไทย-กัมพูชาเริ่มคลี่คลายมีข้อตกลงหยุดยิง แนวรับไม่ควรหลุดต่ำกว่าที่ 1205/1190 หากยังเป็นการแกว่งตัวขึ้น ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 1228-1230/1240 ความคาดหวังว่าการเจรจาภาษีศุลกากรสหรัฐฯ จะมีข้อสรุปก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. นี้ ยังเป็นปัจจัยหนุน
ประเด็นสำคัญ
• ปธน. ทรัมป์เผยอัตราภาษีศุลกากรสำหรับประเทศที่ยังไม่บรรลุการเจรจาการค้าจะอยู่ที่ระหว่าง 15%-20% ซึ่งสูงกว่าระดับขั้นต่ำที่ 10% ที่เคยประกาศไว้เมื่อ เม.ย. ที่ผ่านมา เป็น Sentiment บวกต่อไทยที่คาดหวังอัตราภาษีในระดับดังกล่าวอยู่แล้ว เป็นระดับที่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งสำคัญในอาเซียนได้
• รมว. คลัง เผย “ทีมไทยแลนด์” ได้ส่งข้อเสนอให้ฝั่งสหรัฐฯ ครบถ้วน ซึ่งรวมถึงสิ่งที่ฝั่งสหรัฐฯ ได้เรียกร้องเพิ่มเติมแล้ว แต่ไม่เปิดเผยว่าไทยเสนอกำหนดอัตราภาษีสินค้าสหรัฐฯ 0% กี่รายการ และขณะนี้ทำได้เพียงแค่รอฝั่งสหรัฐฯ พิจารณาและตอบกลับ ปลัดคลังเชื่อว่าฝั่งสหรัฐฯ จะใช้เวลาพิจารณาไม่นานและได้ข้อสรุปก่อนวันที่ 1 ส.ค. นี้
• มาเลเซียนำแถลงการณ์ร่วมกับไทยและกัมพูชาถึงการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เที่ยงคืนวานนี้ (28 ก.ค.) โดยมีทูตสหรัฐฯ และจีนประจำมาเลเซียเป็นผู้สังเกตการณ์ และจะมีการประชุมระหว่างแม่ทัพในวันนี้ (29 ก.ค.) เวลา 7.00 น.
• กพท. เผยจำนวน ผดส. ทางอากาศมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้จะต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 อยู่ 13.1% โดยในช่วง 6M68 มีจำนวนราว 72.68 ล้านคน โดยคิดเป็นในประเทศและต่างประเทศ 33.37 และ 39.71 ล้านคน ตามลำดับ และมีเที่ยวบินราว 4.67 แสนเที่ยวบิน
• สหรัฐฯ และ EU ได้บรรลุข้อตกลงการค้า โดย EU ยอมรับภาษีศุลกากรที่อัตรา 15% ครอบคลุมสินค้าส่วนใหญ่ซึ่งรวมถึง รถยนต์, ชิป และยา และ EU ตกลงที่จะลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ ลงทุนด้านพลังงาน 7.5 แสนล้านดอลลาร์ และเปิดตลาดเสรีสำหรับสินค้าสหรัฐฯรวมถึงอาวุธ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยประเมินการฟื้นตัวของ SET มายืนเหนือระดับ 1,200 จุด ใกล้เป้าหมายที่ประเมินระดับ 1230-1250 จุด ซึ่งสะท้อนความคาดหวังสหรัฐฯ จะเก็บภาษีจากไทยเท่ากับหรือต่ำกว่า 20% คาด SET เริ่มมี Upside จำกัดและอาจต้องระมัดระวังหากการเจรจาไม่ประสบผลหรือเกิด Sell on Fact ได้หากจบดีลการค้าตามที่คาดหวังได้จริง ส่วนความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชามองกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย เพราะมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกันน้อยและไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยต่อหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50/SET100 อย่างไรก็ดีหาก Fund Flow ยังไหลเข้า คาดมีโอกาสจะหนุนให้ในระยะถัดไป SET กลับไปซื้อขายที่ PER เฉลี่ยระยะยาวอีกครั้งที่ระดับ 16 เท่า หรือ 1,376 จุด กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”
แนวรับ – แนวต้าน : 1205/1190– 1228/1240
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET แกว่งตัว Sideways และเริ่มมี Upside จำกัด ระหว่างรอติดตามผลสรุปอัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากไทยหลังการเจรจาการค้าเสร็จสิ้นไปแล้ว ก่อนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. นี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC
2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลช่วง 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT
3. Trading Idea: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Laggard Play ซึ่งคาดได้อานิสงส์หาก Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเลือกหุ้น SET50 ซึ่งราคาหุ้นปรับขึ้น MTD ต่ำกว่า SET และ Valuation ถูก โด(PBV และ PER 2568F < -1SD) และพื้นฐานดี แนะนำ BDMS CPALL MINT MTC PTT 2) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วและเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้สหรัฐฯ พิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่า จะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นและทำให้ FDI กลับเข้าสู่ไทย แนะนำ AMATA GPSC WHA และ 3) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วและเชื่อว่าความขัดแย้งไทย-กัมพูชาจะคลี่คลายลงหรือยุติได้เร็ว แนะนำ AEONTS CBG
Daily Top Picks
AMATA: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากมองมีโอกาสการเจรจาการค้ากับสหรัฐจะได้ข้อสรุปก่อน 1 ส.ค. และบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากลุ่ม Data Center ประมาณ 240 ไร่ ขณะที่ Backlog ในมือยังแข็งแกร่งกว่า 2.1 หมื่นลบ. โดยคาด 2Q68 กำไรจะเติบโต YoY และกำไรจะเร่งตัวใน 2H68
CBG: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากสถานการณ์กัมพูชาคลี่คลาย และ 2Q68 คาดมีกำไรเติบโต 17.3%YoY และ 6.5%QoQ แรงหนุนจากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่เติบโตดี และคุมต้นทุนได้ดี ส่วน 2H68 คาดกำไรยังโตต่อเนื่อง ทั้งนี้วันนี้แนะนำซื้อราคาไม่เกินหุ้นละ 54.25 บาท