บล.ทิสโก้ : SAPPE คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 37.5 บาท
Company Note
SAPPE
แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q25F ลดลง YoY จากการส่งออกหดตัว แต่กำไรเพิ่มขึ้น QoQ จากยอดขายในประเทศและส่งออกเริ่มดีขึ้น QoQ จากการปัญหาเคลียร์สต๊อกสินค้าในทวีปยุโรปหมดลง และเริ่มมีการเจรจากับตัวแทนรายใหม่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ในประเทศยังเติบโตจากการมุ่งเน้นสินค้าหลักและช่องทางจำหน่าย เรายังคงแนะนำ “ถือ” บริษัทมีโครงการซื้อหุ้นคืน 5 ล้านหุ้น หรือ 1.62% ของทุนจดทะเบียน เริ่ม 16 มิ.ย.-19 ธ.ค.25 โดยบริษัทมีการซื้อหุ้นคืนแล้ว 1.14 ล้านหุ้น มูลค่า 36.15 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 31.80 บาท/หุ้น
คาดกำไรสุทธิ 2Q25F ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากรายได้ในประเทศและส่งออกดีขึ้น
เราคาดกำไรสุทธิ 2Q25F อยู่ที่ 241 ล้านบาท (-41% YoY, +8% QoQ) โดยยอดขายในประเทศเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากการออกสินค้าใหม่ปีที่ผ่านมามุ่งเน้นสินค้าหลักและช่องทางจำหน่าย ในขณะที่ยอดส่งออกลดลง -39% YoY มาจากทวีปยุโรปจากประเทศอังกฤษมีปัญหาการขยายช่องทางจำหน่ายเข้าทาง modern trade จากการบริหารจัดการไม่เป็นไปตามคาด ส่งผลให้ยังมีสินค้าค้างสต๊อกคงเหลือ แต่รายได้เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น 35% QoQ จากการเคลียร์สต๊อกสินค้าในอังกฤษจบแล้วและเริ่มกลับมาปกติในเดือน พ.ค.25 สำหรับฝรั่งเศสจะเริ่มกลับมาปกติในเดือน ก.ค.25 และทุกทวีปเริ่มดีขึ้น (รายได้ส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 69% ลดลงจาก 83% YoY แต่เพิ่มขึ้นจาก 65% QoQ)
อัตราทำกำไรขั้นต้นคาดลดลง จากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทแข็งค่าโดย บริษัทมีสัดส่วนรายได้จาก USD ที่ 60%, EUR 30% และค่าเงินบาท 10% แม้ว่าจะชดเชยกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น QoQ ตามรายได้ และต้นทุนวัตถุดิบน้ำตาลและ packaging ที่ปรับตัวลดลง คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจากการทำการตลาดสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
คาดผลประกอบการปีนี้อ่อนตัว จากการส่งออกไม่เป็นไปตามคาดจากเศรษฐกิจชะลอตัว
แนวโน้มผลประกอบการ 3Q25F เราคาดอาจจะอ่อนตัว YoY และ QoQ จากผลกระทบภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการขายลดลงจากต้นทุนของตัวแทนจำหน่ายที่อาจปรับราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น และกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจากปัญหาสงคราม เราคงประมาณการเดิมคาดกำไรปี 2025-26F อยู่ที่ 995 ล้านบาท (-20%YoY) และ 1.1 พันล้านบาท (+11%YoY) ตามลำดับ จากคาดรายได้ส่งออกลดลง 29% จากการส่งออกไปทวีปยุโรปในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสที่มี demand ที่ลดลง การขยายช่องทางจำหน่ายใน modern trade ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และประเทศเกาหลีใต้ที่อ่อนตัวลงจากภาพรวมเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศอินโดนีเซียมีปัญหาจากเรื่องตัวแทนจำหน่ายมีการเปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่ ความชำนาญด้านการตลาดยังมีไม่มาก สำหรับในประเทศคาดเพิ่มขึ้น 20% จากการทำการตลาดออกสินค้าใหม่ คาดอัตรามาร์จิ้นลดลงจากสัดส่วนการส่งออกที่ลดลงและคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการทำการตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ยังคงคำแนะนำ “ถือ” จากแนวโน้มผลประกอบการปีนี้อ่อนตัว และคาดจะเริ่มกลับดีขึ้นในปีหน้า ราคาเป้าหมาย 37.5 บาท อ้างอิง PER-1.5SD เฉลี่ยที่ 11.5X จากผลประกอบการที่มีความผันผวนจากการส่งออกจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PER25F อยู่ที่ 11.5X Dividend Yield 25F อยู่ที่ 6.5% ROE25F อยู่ที่ 22.5% ฐานะการเงินแข็งแกร่ง D/E เพียง 0.3X ความเสี่ยง : เศรษฐกิจชะลอตัวและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น