Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

132

 

 


SET เขิน ...ถูกฝรั่งรุมจีบ
TOP PICK BDMS / CPALL/ CK

 

EXTERNAL FACTOR
• สหรัฐฯ ทยอยประกาศข้อตกลงทางการค้ารอบใหม่ เพื่อแลกกันการปรับลดอัตราภาษีให้กับหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, จีน, ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น
ขณะที่รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า ประเทศเล็ก อาทิ ละตินอเมริกา, แคริบเบียน,แอฟริกา เป็นต้น จะถูกเก็บภาษีพื้นฐานที่ 10% ส่วน “ยุโรป” ขณะนี้อยู่ระหว่างการ
เจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งอาจถูกเก็บภาษีลดลงเหลือ 15% (เดิม 30%)
• สำหรับไทย แม้จะยังมีความหวังว่าจะถูกเก็บภาษีต่ำว่า 36% แต่ผลกระทบที่ตามมากับเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปคงหลีกเลี่ยงยาก เปิด DOWNSIDE ต่อ GDP

INTERNAL FACTOR
• หลังจากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในระยะยาวและสร้างปัจจัยเสี่ยงเพิ่ม DOWNSIDE GDP ไทยในช่วง 2H68 เป็นต้นไป
• จากตัวเลข NET EXPORTS ที่มีสัดส่วนราว 5%ของ GDP โดยกัมพูชามีดุลการค้ากับไทยราว 8 พันล้านเหรียญฯ ณ ปี 2567 โดย 10 สินค้าส่งออกมากสุดของไทยไปกัมพูชา ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ(ซึ่งส่วนใหญ่คือทองคำ) สัดส่วน 36.65%น้ำมันสำเร็จรูป 13.71% น้ำตาลทราย 5.13% เครื่องดื่ม 4.58% เคมีภัณฑ์ 2.55%

 

INVESTMENT STRATEGY
• วานนี้ตลาดหุ้นไทยขึ้นแรง 27.87 จุด หรือ 2.34% ด้วยแรงหนุนจากต่างชาติที่ซื้อสุทธิในวันเดียวสูงถึง 4.4พันล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิมากสุดเป็นอันดับ 3 ของปีนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นความคาดหวังผลการผลการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ มีโอกาสถูกลดระดับมาใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน 19% -20% ระยะสั้นอาจมีการทรงๆ ตัว
บ้าง แต่หุ้นที่ถูกซื้อเยอะก็น่าจะมี MOMENTUM ขึ้นต่อได้
• ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการค้นหา 15 หุ้นที่ต่างชาติซื้อมากสุดเป็นบริษัทไหนบ้างในวานนี้ น่าจะมี MOMENTUMขยับขึ้นต่อได้ คือ CPALL, KBANK, BBL, SCC, KTC, PTTEP, TOP, CPF, DELTA, OR, TTB, MINT,

 

อาการตลาดดูโล่งอก TARIFF ยกใหญ่...แต่ผลกระทบระยะถัดไปยังไม่น่าวางใจ
นับถอยหลัง 1 สัปดาห์ ก่อนที่มาตรการ TARIFF จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 68 โดยสหรัฐฯ ทยอยประกาศข้อตกลงทางการค้ารอบใหม่ เพื่อแลกกันการปรับลดอัตราภาษีให้กับหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ, เวียดนาม,อินโดนีเซีย, จีน, ฟิลิปปินส์และญี่ปุ่น ขณะที่รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ (HOWARD LUTNICK)ระบุว่า ประเทศเล็ก อาทิละตินอเมริกา, แคริบเบียน,แอฟริกา เป็นต้น จะถูกเก็บภาษีพื้นฐานที่ 10% ส่วน “ยุโรป” ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับสหรัฐฯ ซึ่งอาจถูกเก็บภาษีลดลงเหลือ 15% (เดิม 30%)


ส่วนบ้านเรา ได้ส่งดีลรอบสุดท้ายในให้กับสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ ลุ้นสหรัฐฯ เก็บภาษีต่ำกว่า 36% หรือไม่ ? อย่างไรก็ดีหากประเมินมูลค่าผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ จะได้รับจากข้อเสนอของ “ไทย” คาดการณ์ว่าจะอยู่ราว 12.5 – 14 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่าที่ประเมินไว้ของเวียดนาม (ราว 12 พันล้านดอลลาร์) และอินโดนีเซีย (ราว 10-15พันล้านดอลลาร์) ทำให้เกิดความคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษีไทยในระดับที่ไม่ต่างกันมาก


แม้จะยังมีความหวังเชิงบวกว่าไทยจะถูกเก็บภาษีต่ำว่า 36% แต่ผลกระทบที่ตามมากับเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปคงหลีกเลี่ยงยาก เปิด DOWNSIDE ต่อ GDP โดยล่าสุด ADB ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 2568 เหลือโต 1.8%(เดิมคาด 2.8%) และปี 2569 โต 1.6% (เดิมคาด 2.9%)รับความไม่แน่นอนภาษีสหรัฐแรงกดดันหลักๆ คงหนี้ไม่พ้นภาคการค้าระหว่างประเทศ (NET EXPORTS) โดยรัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าดุลการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ จะลดลง 70% ราว 32 พันล้านดอลลาร์ ภายใน 3 ปี หรือคิดเป็น 10.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งจะทำให้แหล่งรายได้ของประเทศมีหายไปมหาศาล (สัดส่วนราว 2% ของ GDP ไทย)

 

ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง
หลังจากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความบานปลายในหลายพื้นที่ตะเข็บชายแดนโดยเฉพาะบริเวณชายแดนช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานีจึงทำให้รัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการตอบโต้ดังนี้
• ขับไล่เอกอัครราชทูตกัมพูชาออกจากประเทศไทย
• เรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับจากพนมเปญ
• สั่งปิดจุดผ่านแดน 4 แห่ง ได้แก่ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู
• ปิดการเข้าชมปราสาท 3 แห่ง ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม, ตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย
ซึ่งสถานการณ์นี้กำลังถูกจับตามองจากสื่อระหว่างประเทศ และอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในระยะยาวและสร้างปัจจัยเสี่ยงเพิ่ม DOWNSIDE GDP ไทยในช่วง 2H68 เป็นต้นไป จากตัวเลขNET EXPORTS (การค้าระหว่างประเทศ) ที่มีสัดส่วนราว 5%ของ GDP โดยกัมพูชามีดุลการค้ากับไทยราว 8พันล้านเหรียญฯ ณ ปี 2567(ไทยเกินดุลการค้ากับกัมพูชาเป็นอันดับ 2)


โดยหากพิจารณา10 สินค้าส่งออกมากสุดของไทยไปกัมพูชาได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ(ซึ่งส่วนใหญ่คือทองคำ)สัดส่วน 36.65% น้ำมันสำเร็จรูป 13.71% น้ำตาลทราย 5.13% เครื่องดื่ม 4.58% เคมีภัณฑ์ 2.55% เป็นต้น ซึ่งส่วนที่จะกระทบกับหุ้นในบริษัทจดทะเบียน น่าจะเป็นกลุ่มเครื่องดื่ม : คาด CBG ได้รับผลกระทบด้านลบ เนื่องจากมียอดขายเครื่องดื่มชูกำลังจากต่างประเทศหลัก มาจากประเทศกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วนราว 37% ของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลัง และ 21% ของยอดขายทั้งหมด นอกจากนี้ CBG ยังมีแผนเข้าไปลงทุนสร้างโรงงานในกัมพูชาในรูปแบบ JV ซึ่งตามแผนจะเริ่มผลิตได้ในต้นปี 2569 ส่วน OSP คาดได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากยอดขายในกัมพูชาคิดเป็นเพียง 1-2% ของยอดขายรวม

 


ต่างชาติซื้อหุ้นไทยหนัก แล้วซื้อตัวไหนเยอะกันนะ
วานนี้ตลาดหุ้นไทยขึ้นแรง 27.87 จุด หรือ 2.34% ด้วยแรงหนุนจากต่างชาติที่ซื้อสุทธิในวันเดียวสูงถึง 4.4 พันล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิมากสุดเป็นอันดับ 3 ของปีนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นความคาดหวังผลการผลการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ มีโอกาสถูกลดระดับมาใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน 19% - 20% ระยะสั้นอาจมีการทรงๆ ตัวบ้าง แต่หุ้นที่ถูกซื้อเยอะก็น่าจะมี MOMENTUM ขึ้นต่อได


ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการค้นหา 15 หุ้นที่ต่างชาติซื้อมากสุดเป็นบริษัทไหนบ้างในวานนี้ น่าจะมี MOMENTUM ขยับขึ้นต่อได้ คือ CPALL, KBANK, BBL, SCC, KTC, PTTEP, TOP, CPF, DELTA, OR, TTB, MINT, CRC,ADVANC, IVL

 


Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

NER ร่วมทำดี บริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติ จัดหาโลหิตสำรอง...ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์

NER ร่วมทำดี บริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติ จัดหาโลหิตสำรอง...ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์

HotNews: เปิดหุ้นเสี่ยง! ปมข้อพิพาท ไทย-กัมพูชา

เปิดหุ้นเสี่ยง!ปมข้อพิพาท ไทย-กัมพูชา กลุ่มไหน เสี่ยงมาก เสี่ยงน้อย ในทางกลับกัน ธีมไหนได้ได้อานิสงส์ ไปดู...

รอดูสถานการณ์ By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ยามนี้ ต้องจับตา รอดู สถานการณ์ ชายแดน ไทย-กัมพูชา คณะมนตรีความมั่นคง UN นัดประชุมฉุกเฉิน....

มัลติมีเดีย

DEXON แผนครึ่งปีหลัง เดินหน้าขยายฐานลูกค้า ยุโรป-อเมริกา

DEXON แผนครึ่งปีหลัง เดินหน้าขยายฐานลูกค้า ยุโรป-อเมริกา

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้